xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ประณาม “แม้ว” ปลุกระดมนำชาติเข้าสู่ยุคมิคสัญญี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปชป.ชี้แผน “แม้ว” โดดร่วมวงการเมืองเต็มตัว ปลุกระดมเสื้อแดง สร้างเงื่อนไข นำชาติสู่ยุคมิคสัญญี จี้ ตำรวจ อย่าป้ายสีกลุ่มพันธมิตรฯเป็นกองกำลังติดอาวุธ หวั่น สถานการณ์บานปลายรุนแรงกว่าเหตุการณ์ 7 ตุลาทมิฬ

วันนี้ (30 พ.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทธรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศขณะนี้ พรรคมองเห็นว่า เวลาและโอกาสในการคลี่คลายสถานการณ์ เหลือน้อยเต็มทีแล้ว และขณะนี้มีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเกิดความรุนแรงมากกว่าวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา หากเพิกเฉยจนสายเกินไป พรรคคิดว่า เหตุการณ์จะลุกลามจนอาจจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้บานปลายไปสู่ความรุนแรงครั้งใหญ่ได้ พรรคประชาธิปัตย์อยากเห็น 1.เจ้าหน้าที่ตำรวจระมัดระวังท่าทีที่จะทำให้เหตุการณ์ลุกลาม โดยเฉพาะการที่ออกมาระบุว่าได้ประเมินยกระดับสถานการณ์จากผู้ก่อการร้าย เป็นกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณในการใช้ความรุนแรง จากกลุ่ม นปช.ที่จะมีการชุมนุมกัน ที่อาจมีการเตรียมการใช้อาวุธ เช่นเดียวกัน

2.ในส่วนของเหล่าทัพ โดยเฉพาะทหารบก อยากให้ร่วมรับผิดชอบ ภายใต้บทบาทของคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วมทหารและตำรวจ (คตร.) เพราะเหตุระเบิดที่ทำเนียบเมื่อคืนที่ผ่านมา (29 พ.ย.) เกิดขึ้นโดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบในพื้นที่นั้น ไม่สามารถป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้นได้ และในทำเนียบก็มีการยิงระเบิดเข้ามาหลายครั้ง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เหตุการณ์ลุกลาม ดังนั้น พื้นที่ในส่วนพระนครที่รับผิดชอบโดยกองทัพบก เช่นเดียวกันกับที่ดอนเมือง ซึ่งรับผิดชอบโดยกองทัพอากาศ และ สนามบินสุวรรณภูมิ ที่รับผิดชอบโดยกองทัพเรือ ตนมองว่า จุดที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความรุนแรงมากขึ้น คือ ทำเนียบและศาลรัฐธรรมนูญ อยากให้ย้อนกลับไปมองการใช้รูปแบบ ป้องกันความรุนแรงในการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเดียวที่ทหารบกเข้าดูแลโดยไม่มีการบาดเจ็บหรือความรุนแรงเกิดขึ้น

3.ในส่วนของรัฐบาลถึงวันนี้ยังไม่มีบุคคลที่อยู่ในฝ่ายการเมืองแม้แต่คนเดียวที่เข้าไปร่วมการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม มีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ ซึ่งไม่สามารถพูดถึงเงื่อนไขใหญ่ทางการเมืองที่เป็นสาเหตุของวิกฤตได้ ซึ่งการเจรจาถือเป็นวิถีทางเดียวที่ป้องกันไม่เหตุการณ์ลุกลามไปสู่การนองเลือดได้ และ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย ยืนยันไม่ใช้ความรุนแรงหรือเริ่มต้นการสลายการชุมุนม ในขณะที่การเจรจายังไม่เริ่มต้น

ส่วนกลุ่ม นปช.ที่ได้ระบุออกมาชัดเจนว่า จะมีการปิดล้อมศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ เพื่อไม่ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำพิพากษาคดียุบพรรคได้ ขณะที่นักการเมืองในซีกรัฐบาล นำผู้ชุมนุมเข้ามาร่วมใน กทม.เอง และระบุว่า พร้อมที่จะนำไปสู่ความรุนแรงและการนองเลือด ถือว่าเป็นจุดเสี่ยงอย่างยิ่ง อาจเกิดเหตุการณ์รุนแรงจนคนไทยฆ่ากันเอง เหมือนวันที่ 1-2 ก.ย.ที่ผ่านมา จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ยกเว้น ละเว้น การปลุกระดม ที่จะทำให้คนไทยเกิดความรู้สึกเกลียดชังถึงขนาดต้องใช้อาวุธเข้าประหัสประหารกัน

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในส่วนผู้ชุมนุมของพันธมิตรฯนั้น ขอให้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ให้เกิดความรุนแรง โดยขอให้ยึดแนวทางสันติอย่างเคร่งครัด และระมัดระวังกับผู้ชุมนุมที่เป็นเด็กและเยาวชน ให้ออกนอกพื้นที่การชุมนุมโดยด่วน เพราะขณะนี้สถานการณ์อยู่ในขั้นที่อาจะเกิดการปฏิบัติการสลายการชุมนุมได้ทุกเวลา ที่สำคัญที่สุด ขอให้พันธมิตรฯไม่ปิดช่องการเจรจา หากทางรัฐบาล หรือ นายกฯยินยอมและพร้อมที่จะเข้าสู่การเจรจา

“สัญญาณที่เกิดขึ้นขณะนี้ บ่งชี้ไปทางเดียวกันว่า วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (อดีตนายกฯ) ได้โดดเข้ามาเล่นกับเหตุการณ์วิกฤตการเมืองอย่างเต็มตัวแล้ว การเตรียมการชุมนุมในวันนี้ ไม่ใช่ในลักษณะที่มีการรวมตัวกันที่ผ่านมาที่เมืองทอง และวัดสวนแก้ว แต่เป็นการชุมนุมลักษณะเดียวกับเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นชนวนเหตุนำไปสู่ความรุนแรงระหว่างคนไทยด้วยกัน หรือคำพูดแกนนำ นปช.ที่อ้างว่า ศาลรัฐธรรมนูญทำรัฐประหารเงียบ สิ่งเหล่านี้เป็นคำพูดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดมาตลอดต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย ฉะนั้น วันนี้ดูเหมือนแนวทางการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาสู่จุดที่ทำให้สังคมไปสู่ภาวะวิกฤติเพิ่มมากยิ่งขึ้น และอาจเกิดความรุนแรงตามมาได้” นพ.บุรณัชย์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น