xs
xsm
sm
md
lg

"ชาย-แม้ว"ร่วมแผนชั่ว ถ่ายทอดเสียงลอนดอนโจมตีศาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - "ทักษิณ" ไม่เลิกแผนชั่ว ส่งจดหมายฟ้องสื่อทั่วโลกว่าถูกกลั่นแกล้ง เตรียมโทรศัพท์สายตรงจากลอนดอนผ่านรายการ "ความจริงวันนี้" ทาง NBT สัญจรสนามราชมังคลากีฬาสถาน 1 พ.ย. หวังดิสเครดิตกระบวนการยุติธรรมของไทย หลังถูกสั่งจำคุก 2 ปี "สมชาย" อ้างเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวรัฐบาล "อภิสิทธิ์" เตือนแม้วหยุดทำความเดือดร้อนให้คนไทยด้วยการดึงสถาบันตุลาการมาสร้างความขัดแย้งทางการเมือง นักวิชาการชี้หากปล่อยให้พูดบ้านเมืองวุ่นแน่ เบรก NBT ต้องใช้วิจารณญาณสื่อด้วยการงดออกอากาศเรื่องที่สร้างความแตกแยก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น. วานนี้ (23 ต.ค.) นายสมชาย วงศ์สวัดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว ณ พระบรมราชานุสรณ์ ลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) เนื่องในวันปิยะมหาราช พร้อมด้วยรัฐมนตรีต่างๆและผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งก่อนยืนแถวถวาย พวงมาลา นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ ได้เข้ามาสอบถามนายกรัฐมนตรี ถึงเหตุการณ์ฝ่าวงล้อมมือตบพันธมิตรฯทีโอที ที่กระทรวงไอซีที โดยนายสมชาย กล่าวว่าไม่เป็นอะไร ปกติดี

**อย่าเอาเรื่องแม้วเหมารวมรัฐบาล

นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดา เตรียมพูดผ่านเวทีของรายการ "ความจริงวันนี้ ต่อต้านรัฐประหาร" ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1 พ.ย. นี้ที่สนามกีฬารัชมังคลากีฬาสถาน จะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ การเมืองหรือไม่ว่า เรื่องนี้ตนเคยบอกว่าควรจะแยกกันกับรัฐบาล เพราะว่าอันนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ตนไม่ทราบว่าการจะออกทีวีไหนเป็นอย่างไร
"แต่ผมมั่นใจว่า จะไม่กระทบกระเทือนอะไร เพราะว่าแต่ละคนคงจะเคารพ ในสิทธิเสรีภาพของคนอื่น ส่วนเรื่องการกระทำอะไร ก็เป็นเรื่องส่วนตัวกับทางทีวี ทางอะไรอันนั้นก็ต้องพิจารณาดูว่า มันเป็นเรื่องต่างหากจากกลไกของรัฐ" นายสมชายกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชน จะเชิญนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มาแฉเรื่องกระบวนการยุติธรรมในไทย ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะปกป้องกระบวนการยุติธรรมอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่าตอนมาเริ่มต้นเป็นรัฐบาล ตนเคารพกฎหมาย และขบวนการยุติธรรมทั้งหมด เป็นเรื่องส่วนตัวของใครเป็นยังไง ต้องรับผิดชอบกันเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าการตัดสินคดี เป็นเรื่องทางการเมือง จะส่งผลต่อกระบวนการยุติธรรมของเราหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตนในฐานะรัฐบาล จริงๆแล้วอำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ และนิติบัญญัติ เขาแยกจากกัน เราเข้าไปก้าวก่ายอำนาจอื่นๆไม่ได้ แต่ว่าในฐานะที่เป็นองค์รัฐบาล และยอมรับนับถือในกระบวนการยุติธรรม เราก็ต้องยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีสิ่งใดที่ทำให้กระบวนการเหล่านั้นท่านเดินไปได้ด้วยดี ก็ควรทำ แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นจะต้องไม่ไปแทรกแซงกิจกรรมของแต่ละองค์กร

ต่อข้อถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าการพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น นายสมชาย กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกัน เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว


**สมชายกลัวไปจีนแล้วไม่ได้กลับ
ต่อมาเวลา 10.30 น. นายสมชาย เดินทางมาถึงอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป หรือ อาเซม ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยา และคนใกล้ชิดเดินทางติดตามไปด้วย โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวล้อเล่นกับผู้สื่อข่าว ก่อนขึ้นเครื่องบินว่า
"กลัวไปจีนแล้วจะไม่ได้กลับ...ผมพูดเล่นนะครับ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่านกลัวหรือ นายสมชาย กล่าวว่าไม่มีอะไร เมื่อถามว่า เชื่อหมอดู ที่ดูว่าไปแล้วอาจจะไม่ได้กลับหรือไม่ นายสมชาย หัวเราะ และกล่าวเหมือนไม่อยากจะตอบว่า เราก็ทำอะไรโดยมีเหตุผล ถ้าไปเชื่ออะไรที่ทำให้ราชการบ้านเมือง ประเทศชาติต้องเสียหาย เราอยู่ในหน้าที่เราต้องทำงานนะ เอ่อ... ก็ขอบคุณนะ หมอดูอะไรต่ออะไร แต่ว่ามันไม่ใช่ว่าจะต้องเชื่อกันทั้งหมด เมื่อถามว่าจะกลับมาตามกำหนดเดิมหรือไม่ นายสมชาย กล่าวอย่างไม่มั่นใจว่า เอ่อ... ปกติ ไม่มีอะไรผิดปกติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงกรณีที่พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ จะเข้าไปยึดทำเนียบรัฐบาลคืน แล้วอาจจะเกิดความวุ่นวาย นายสมชาย กล่าวว่า ก็ไม่ค่อยทราบว่าอะไรเป็นอะไร แต่ว่าในส่วนตัวคือไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย อยากจะให้มีความสำนึกและพูดกันโดยดีมากกว่า ตนรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ มันมีปัญหาเยอะแล้วไม่ควรจะมีปัญหาเพิ่ม แต่ว่าในการชุมนุม ตนก็เคยขอร้องว่า อยากให้ทำในกรอบของกฎหมาย

**"แม้ว"ฟ้องสื่อทั่วโลกถูกกลั่นแกล้ง
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานเมื่อวานนี้ (23 ต.ค.)ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ส่งจดหมายถึงสื่อมวลชนต่างๆ รวมทั้งสำนักข่าวเอเอฟพี โดยในเนื้อหาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รู้สึกสับสนกับคำพิพากษาของศาลสูง เพราะไม่มีหลักฐานใดๆ ระบุว่าฉ้อโกง, คอร์รัปชั่น หรือใช้อำนาจในทางไม่ชอบ
โดย พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่าเขาผิดจริงเพราะเป็นนักการเมือง และว่าเป็นที่น่าสนใจว่าศาลไม่พบธุรกรรมการซื้อที่ดินรัชดา ของภรรยาของเขาอย่างไม่ชอบ หรือผิดกฎหมาย และศาลก็ไม่ได้ตัดสินให้เธอมีความผิด เพราะเธอไม่ได้เป็นนักการเมือง แต่เขาเป็น จึงโดน

นอกจากนี้ จดหมายดังกล่าวยังระบุว่า หากเขาจะกระทำความผิดใดๆ ก็คงเพราะสิ่งที่เขาได้แสดงให้ชาวไทย โดยเฉพาะชาวชนบทที่ยากไร้ว่า พวกเขาสามารถมีสิทธิได้ และสามารถเรียกร้องให้รัฐบาลให้นโยบายที่มีประสิทธิภาพ และโครงการที่สามารถพัฒนาชีวิตของพวกเขาได้

**ผบ.สส.ลั่นอย่าให้สิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น
พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวถึง กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ จะโทรศัพท์ทางไกลจากประเทศอังกฤษ เข้ามายังรายการ "ความจริงวันนี้ ต้านรัฐประหาร" ซึ่งจะจัดขึ้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 1 พ.ย. เพื่อเปิดใจภายหลังศาลตัดสินจำคุก 2 ปี ว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบในรายละเอียด
ส่วนจะมีการตัดสัญญาณระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดคุยอยู่หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบรายเอียด เชื่อว่าเหตุการณ์คงไม่มีใครทำให้เกิดสถานการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น

สำหรับการทำงานของรัฐบาลกับกองทัพ โดยเฉพาะนายสมชาย ยังสามารถ ทำงานได้ตามปกติ ประเทศชาติจะต้องเดินหน้าต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และนายกฯไม่ได้ฝากอะไรกองทัพเป็นพิเศษ แต่การเข้าพบนายกฯ เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา เป็นการไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ไทย- กัมพูชาเท่านั้น
ด้าน พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นข่าวที่กำลังติดตามอยู่ ส่วนกรณีที่มีกลุ่มประชาชนนำมือตบ ตบไล่นายกฯ นั้น ตนไม่มีความเห็น ทั้งนี้ไม่อยากให้มีการปะทะกันโดยประชาชน หรือการเคลื่อนไหวต่างๆ จะเห็นว่าทั้ง 2 ฝ่าย พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มาเผชิญหน้ากัน เพราะมีบทเรียนจากการเผชิญหน้ากันมาแล้ว นอกจากจะสร้างความสูญเสีย และความเสียใจกับประชาชน คิดว่าทั้ง 2 กลุ่ม คงจะหลีกเลี่ยง ไม่เคลื่อนมาชนกัน
เมื่อถามว่า เป็นการแสดงถึงความแตกแยกของคนไทยด้วยกันหรือไม่ พล.ท.คณิต กล่าวว่า คงตอบไม่ได้ เพราะเป็นความรู้สึกของแต่ละคน การเมืองขออนุญาตไม่พูด แต่อยากให้ยึดหลักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อถามว่าจะแก้ปัญหามือตบอย่างไร พล.ท.คณิต กล่าวติดตลกว่า "เราต้องช่วยกันซื้อให้หมด"
เมื่อถามว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงไม่สบายพระทัย ในปัญหาของประเทศเวลานี้ พล.ท.คณิต กล่าวว่า เป็นใครก็ไม่สบายใจกันทั้งนั้น เราต้องช่วยกันให้เกิดความปรองดองของคนในชาติ เมื่อถามว่า กองทัพภาคที่ 1 เตรียมแผนรองรับเหตุรุนแรงหรือไม่ พล.ท.คณิต กล่าวว่ากองทัพภาคที่ 1 มีแผนเตรียมไว้รองรับหากจะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ ทุกอย่างมีขั้นตอน มีแผนการรองรับการรักษาความสงบในพื้นที่ เป็นขั้นตอน ตั้งแต่ระดับล่างถึงระดับบน เป็นความพร้อมในหน่วยปฏิบัติอยู่แล้ว



**อ้างพ่อแม้วมีสิทธิ์แสดงความเห็น
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตผู้จัดรายการ "ความจริงวันนี้" ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที กล่าวถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะโทรศัพท์ทางไกลมาชี้แจงเหตุการณ์ต่างๆในรายการความจริงวันนี้ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ว่า ได้ทราบข่าวจากสื่อมวลชน แต่ยังไม่มีข้อสรุปจากทางรายการว่า มีการดำเนินการอย่างไร ในหลักการถือว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนไทยคนหนึ่งมีสิทธิ์ แสดงความคิดเห็น นำเสนอความคิดสู่สาธารณะได้ ขณะเดียวกันจะผ่านช่องทางใด ก็ต้องสอบถามจากกลุ่มผู้ดำเนินรายการดังกล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เท่าที่ทราบรายละเอียดผู้จัดรายการ จะแถลงข่าวถึงการจัดกิจกรรมพ.ต.ท.ทักษิณ จะโทรศัพท์โฟนอินเข้ามาหรือไม่ หรือจะมีผู้จัดกิจกรรม บนเวทีปราศรัยอย่างไรนั้น จะมีการแถลงข่าวต้นสัปดาห์หน้า
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้สถานการณ์การเมือง ความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือในการจัดรายการ เท่าที่ตนเคยไปร่วม ที่เมืองทองธานี พบว่า เป็นกิจกรรมที่อยู่ในพื้นที่ มีรั้วรอบขอบชิด แม้จะเป็นการปราศรัยแสดงความเห็นทางการเมือง ถือเป็นมิติใหม่ของการชุมนุม เพราะไปชุมนุมในสถานที่มีรั้วรอบขอบชิด ไม่มีการเคลื่อนตัว เคลื่อนขบวน มีการกำหนดเวลาชัดเจน ผู้ร่วมชุมนุมก็อยู่ในความสงบ ปราศจากอาวุธ
ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ หนึ่งในผู้เนินรายการ ระบุว่า จะให้พ.ต.ท.ทักษิณ มีเสียงตามสาย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นการพูดคุยแสดงความเห็น โดยนำเสนอความเห็นว่า จะดำเนินการอย่างไร เพื่อหาข้อสรุปว่าจะมีการจัดกิจกรรม บนเวทีอย่างไรบ้าง
เมื่อถามว่าได้มีการทาบทามหรือยัง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่มีการทาบทาม เหมือนกรณีนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อถามว่าได้ประสานไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ หรือยัง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ประสาน ส่วนนายจตุพร และนายวีระนั้นตนไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้คุยกัน

**สล้าง-นปช.มีเป้าหมายเดียวกัน
ส่วนกระบวนการเคลื่อนไหวของรายการความจริงวันนี้ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของพล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดี กรมตำรวจหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่ได้ร่วมกัน แต่มีวัตถุประสงค์เดียวกันคือ 1. แสดงความไม่เห็นด้วยชัดเจนกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ 2 .สนับสนุนการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3. ต่อต้ายการยึดอำนาจในทุกกรณี 4. เป็นความต้องการร่วมกันอยากจะเอาทำเนียบฯ คืน ซึ่งทั้งหมดเป็นวัตถุประสงค์ร่วมกัน แต่วิธีการแตกต่างกัน

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.สล้าง ออกมาระบุว่าจะไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล และอาจใช้อาวุธสลายการชุมนุมนั้น ขอเรียนว่า เป็นสิ่งที่รัฐบาลคาดหวังอย่างยิ่งว่า ทุกฝ่ายที่ออกมาเคลื่อนไหว ต้องเคลื่อนไหวภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรง ประหัตประหารกัน ตนถือว่า พล.ต.อ.สล้าง เป็นเพียงการแสดงความเห็น ยังไม่มีการ ปฏิบัติจริง หากเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการปะทะใช้ความรุนแรงเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงป้องกันเหตการณ์นั้น

"วันนี้ต้องเข้าใจว่า การเคลื่อนไหวของประชาชนหลายกลุ่ม มีเพียงพันธมิตรฯ เท่านั้นที่มีกองกำลังเป็นของตัวเอง ประกาศตัวเป็นนักรบ เป็นหน่วยลาดตระเวน ทั้งกลางวัน กลางคืน มีการจัดตั้งองค์กรที่เรียกว่า สน.พันธมิตรฯ กลุ่มผู้ชุมนุมทั่วไป มีการจัดลำดับชั้นยศ มีผู้กอง มีผู้หมวด ซึ่งสิ่งนี้สังคมต้องกังวล และห่วงมากที่สุด ขณะนี้ทำเนียบฯ เป็นที่ตั้งของกองกำลังติดอาวุธ หรือไม่อย่างไร ส่วนกลุ่มอื่นยังเป็นการแสดงความเห็น"
เมื่อถามว่ากลุ่มพล.อ.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง จัดตั้งกองกำลังพระเจ้าตาก นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าไม่ว่ากลุ่ม เสธ.แดง หรือนปช.จะมีกองกำลังลักษณะติดอาวุธ หรือมีลักษณะพกมีดพกปืนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องระมัดระวัง และมีข่าวถึงการจับกุมตัวเป็นระยะ เพื่อใช้เป็นมาตรการป้องกันความรุนแรง
เมื่อถามย้ำว่าเสธ.แดง เป็นแกนนำ นปช. ด้วยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าไม่ทราบ แต่เท่าที่ติดตามความเคลื่อนไหว เสธ.แดง ยืนยันตลอดว่าไม่ใช่คนของนปช. ตามที่ให้สัมภาษณ์ และไม่ได้เป็นคนของพันธมิตรฯ ด้วย

ส่วนการประเมินผู้เข้าร่วมรายการความจริงวันนี้ ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน นายณัฐวุฒิ กล่วาว่า ประชาชนน่าจะเต็มสนาม เมื่อถามว่าหากมีการรัฐประหาร คิดว่าประชาชนจำนวนนั้น จะเข้าร่วมกับกลุ่ม นปช. และ รายการความจริงวันนี้ หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จะมากกว่านั้น

**มาร์คเตือนอย่าทำคนไทยเดือดร้อน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรี ถูกพนักงาน บริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ปิดล้อม ขณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมกระทรวงไอซีที เมื่อวันพุธที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า หากต้องการทำให้ทุกอย่างสงบลง รัฐบาลจะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เพื่อหาทางให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ และตั้งต้นใหม่ จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ถ้ารัฐบาลยังเพิกเฉย ก็จะมีแต่ความเสี่ยงตลอดเวลา

ส่วนการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า แม้จะเป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุด และเวลานี้อยู่ในขั้นตอนการขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน แต่ถ้ารัฐบาลจะต้องแสดงออกถึงความจริงใจ ในการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม และเสมอภาค ก็จะสามารถลดความรู้สึกของคนจำนวนหนึ่งได้
การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเปิดใจหลังศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก ผ่านรายการ" ความจริงวันนี้" ที่ จะจัดขึ้นในวันที่ 1 พ.ย. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานนั้น ไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะพูดเรื่องอะไรบ้าง แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือ การยอมรับคำตัดสินของศาล หากพูดอย่างอื่น อาจสร้างความขัดแย้งในสังคม และดึงสถาบันตุลาการ มาสู่ความขัดแย้งทางการเมือง

"คุณทักษิณอยู่ทางโน้น แต่คนในประเทศเดือดร้อน กับความขัดแย้งที่ไม่รู้จักจบ จักสิ้น และมีความพยายามลากสถาบันต่างๆ มาสู่ความขัดแย้ง ดังนั้นควรเห็นใจคนที่อยู่ในประเทศ ที่จะต้องแบกรับผลพวงต่างๆ ที่เกิดขึ้น และถ้าอยากแสดงความจริงใจต่อบ้านเมือง ก็ต้องยอมรับคำตัดสินของศาล เชื่อว่าหลังจากนี้สังคมจะให้ความยุติธรรมกับคุณทักษิณเอง ขออย่าเอาปัญหาของตัวเอง มาเป็นปัญหาของบ้านเมือง"
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าการเปิดใจของพ.ต.ท.ทักษิณ จะทำให้ปัญหาบ้านเมืองรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่ท่าทีของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะมีแนวทางอย่างไร หากต้องการเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ ควรละเว้นประโยชน์ของตัวเอง เอาบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ปัญหาก็จะไม่เกิด แต่ถ้ายังมีการปลุกระดม หรือมีความพยายามสร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศ คนที่ได้รับผลกระทบคือ คนไทยทั้งประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามชี้แจงต่อประเทศต่างๆว่า การตัดสินคดีเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า คำพิพากษาของศาลไม่ได้บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ผิดทั้งหมด การพิจารณาเป็นไปตามข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย มีความชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนตัวไม่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ บิดเบือนคำพิพากษาของศาล และไม่ต้องการเห็นการทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แพ้คดี


**
เตือนรัฐบาลปล่อยแม้วพูด วุ่นแน่
นายฮัอหมัดสมบูรณ์บัวหลวง อดีตคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) และนักวิชากรอิสระด้านสันติวิธี กล่าวถึงกรณีที่มีข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ จะโทรศัพท์ทางไกลจากประเทศอังกฤษ เข้ามายังรายการ "ความจริงวันนี้ ต้านรัฐประหาร" ว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณ ปฏิบัติตามที่มีกระแสข่าวเกิดขึ้นจริง ย่อมตอกย้ำว่าไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองกลับคืนสู่ภาวะปกติสุขอย่างแท้จริง
นายฮัอหมัด กล่าวอีกว่า การกระทำดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากเป็นการส่งสัญญาณไปถึงไปกลุ่มคนที่ให้การสนับสนุน ซึ่งเดินทางมารวมตัวในวันดังกล่าวแล้ว ยังเป็นการสร้างแรงสั่นสะเทือน ต่อสถาบันศาล อย่างมากเพราะหากพ.ต.ท.ทักษิณ คิดจะต่อสู้ ก็ควรใช้วิธีตามกระบวนการทางกฎหมายมากกว่าใช้รูปแบบดังกล่าว

"ผมว่ารัฐบาลต้องเบรกท่าทีของพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบภายในชาติ เพราะหากปล่อยให้มีการส่งสัญญาณเสียงเข้ามาในการชุมนุม ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ผมเชื่อว่า บ้านเมืองมีโอกาสวุ่นวายสูง" นายฮัอหมัดกล่าว

นักวิชาการด้านสันติวิธีรายนี้กล่าวด้วยว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณ ยังส่งสัญญาณเสียงมาออกในรายการความจริงวันนี้ จะยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่ายังไม่ยอมรามือ และไม่ยอมเลิกตามที่พูดผ่านสื่อหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา แต่กลับที่จะเดินหน้าเอาชนะทุกอย่าง เพื่อแสดงให้เห็นว่า ตัวเองไม่ผิด โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบใดๆ ที่จะตามมากับสังคม หรือบ้านเมืองในขณะนี้

** NBTต้องงดถ่ายทอด
รศ.ดร.สดศรี เผ่าอินจันทร์ คณบดีคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโทรศัพท์ทางไกลมาชี้แจงเหตุการณ์ต่างๆ ในรายการความจริงวันนี้ของสถานีโทรทัศน์ NBTนั้น มองว่าด้วยสถานการณ์ และสถานภาพของพ.ต.ท.ทักษิณในขณะนี้ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ไม่ควรทั้งนั้น เนื่องจากเป็นนักโทษหนีคดีอยู่ ควรกลับมามอบตัวจะอุทธรณ์สู้คดีก็ทำไปตามกฎหมาย แต่หากจะขอลี้ภัยอยู่ลอนดอนไม่กลับมา ก็ขอให้มีความห่วงใย และนึกรักประเทศชาติให้มาก ไม่ต้องมาออกรายการ และพูดอะไรไปทั่วประเทศ หรือแม้แต่ที่ท้องสนามหลวง เพราะคาดเดาได้เลยว่า สิ่งที่จะพูดนั้นก็คือ การไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลที่สั่งให้จำคุก 2 ปี
การออกมาพูดผ่านรายการตรงจุดนี้ จะทำลายซึ่งความเชื่อถือ และศรัทธาในสถาบันตุลาการเป็นอย่างมาก ณ วันนี้บ้านเมืองก็บอบช้ำมากแล้ว แม้คิดจะพูดผ่านไปเฉพาะเวทีที่สนามหลวง ก็คงจะสามารถปลุกระดมให้คนที่รักพ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาร่วมต่อสู้ ซึ่งก็มีอยู่มากอยู่แล้ว บ้านเมืองขณะนี้กำลังย่ำแย่ หลายด้านอยู่แล้ว ทั้งปัญหาภาคใต้ เขาพระวิหาร และเศรษฐกิจ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ควรจะเอาน้ำมันมาราดกองเพลิงอีก

คณบดีคณะการสื่อสารมวลชน มช. กล่าวอีกว่า ที่สำคัญถึงตอนนี้ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ NBT น่าจะได้ข้อสรุปได้แล้วว่า รายการความจริงวันนี้ เป็นของใคร เพื่อใคร ควรจะงดให้ออกอากาศประเด็นนี้ คงต้องทวงถามไปเรื่องจิตวิญญาณของคนทำสื่อ ถามถึงอุดมการณ์ที่ผู้บริหารสถานีต้องตระหนักให้ดีว่า รายการที่หากทำแล้วก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม แล้วยังปล่อยให้ออกอากาศผู้บริหาร ก็คงต้องถึงเวลาพิจารณาตัวเองเสีย

**อัดทีมโฆษกฯ แทรกแซงสื่อ
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นกับการเตรียมจัดรายการของทีมโฆษกรัฐบาลในรายการชื่อ "ทำเนียบของปชช." ว่าเป็นความพยายามแทรกแซงสื่อ อีกครั้ง เหมือนกับที่เคยพยายามมาแล้วในสมัย นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯซึ่งถือเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 46 ที่ระบุว่า "สื่อมวลชนย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข่าว และแสดงความคิดเห็นภายใต้ข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ตกอยู่ภายใต้อาณัติของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าของกิจการนั้น"
"ความคิดนี้เคยค้านมาแล้วในสมัยรัฐบาลสมัคร แล้วก็โผล่กลับมาอีกในวันนี้ การจัดรายการวิทยุ โทรทัศน์ ควรให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ช่อง 11 ที่ต้องใช้จรรยาบรรณวิชาชีพสื่อสารมวลชน ที่มีความเป็นอิสระในการแสดงความเห็น และข้อเท็จจริงรอบด้านไม่ใช่ให้ช่อง 11 กลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง" นายบุญยอด กล่าว
นอกจากนี้ รัฐบาลจะนำรายการ"คุยนอกทำเนียบฯ" ที่เคยจัดสมัยรัฐบาลนายสมัคร กลับมาจัดอีกด้วย ในทุกวันเสาร์ ในเวลา 11.00-12.00 น. ทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย คลื่นเอฟเอ็ม 92.5 เมกกะเฮิร์ส ซึ่งเป็นการครอบงำสื่อจากรัฐบาลที่ขัดต่อนโยบายรัฐบาลด้วย

**เร่งทำเอกสารขอตัวทักษิณ
นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าต่อการดำเนินการทำเรื่องขอตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ในคดีอาญาทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ ภายหลังถูกศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 2 ปี ว่า หากผู้ต้องหาในคดีขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน มีการยื่นเรื่องขอลี้ภัยทางการเมือง และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมืองจริง สำนักงานอัยการ ยังคงสามารถทำเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้ แต่การได้รับสถานะผู้ลี้ภัยการเมือง ก็อาจทำให้ข้อต่อสู้ทางคดี มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้นในการพิจารณาของศาลในต่างประเทศ
"อัยการอยู่ระหว่างการดำเนินการ ในเรื่องเอกสารต่างๆ ซึ่งบางส่วนนั้นตามกฎหมายต้องรอให้คดีถึงที่สุดก่อน นอกจากนี้ อัยการยังต้องรอเอกสารการยืนยันถิ่นที่อยู่ของพ.ต.ท.ทักษิณ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะเจ้าพนักงานที่ต้องดำเนินการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ตามหมายจับของศาลด้วย ซึ่งต้องใช้เป็นเอกสารประกอบคำร้องส่งไปยังประเทศอังกฤษ" นายศิริศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา นายศิริศักดิ์ออกมาระบุว่าการดำเนินการเพื่อขอให้ทางการอังกฤษส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับใมาดำเนินคดีในไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนนั้น ไม่น่ามีปัญหา เพราะคำพิพากษาในคดีดังกล่าวเข้าประเด็นหลักใหญ่ 2 ประการ ตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยและอังกฤษ ร.ศ.130 ทั้งในเรื่องการถูกตัดสินโทษจำคุกเกิน 1 ปี และกระทำความผิดตามกฎหมายของทั้งสองประเทศ.
กำลังโหลดความคิดเห็น