รอง ผบ.ตร.ระบุ “พัชรวาท” ได้กลับไปนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.เพราะมีคุณสมบัติเป็นคนลักษณะประนีประนอม ประจวบเหมาะสอดคล้องกับช่วงรัฐบาลเปลี่ยนผ่าน จึงถือเป็น “บุญกิริยา” ทำให้คืนสู่ตำแหน่ง
วันนี้ (23 ธ.ค.) พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรอง ผบ.ตร.แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ถือเป็น ผบ.ตร.คนแรกที่ได้รับคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้ไปช่วยราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้วยังได้กลับมาทำหน้าที่เดิมว่า การที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ได้กลับมาสาเหตุสำคัญคือคุณสมบัติของตัวท่านเองที่มีลักษณะประนีประนอม เป็นคนที่อยู่ในหลักการ ไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา ซึ่งในยุครัฐบาลหนึ่งการทำงานอาจไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงใช้อำนาจตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดินย้ายไปช่วยงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี กระบวนการย้ายตำรวจนอกจากกฎหมายดังกล่าว ต้องพิจารณา พ.ร.บ.ตำรวจ พ.ศ.2547 ประกอบด้วยซึ่งมีลักษณะพิเศษตามมาตรา 62 ว่าด้วยการโยกย้ายข้าราชการตำรวจออกนอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งระบุว่าการโยกย้ายต้องได้รับความสมัครใจจากเจ้าตัว
แต่การโยกย้ายในลักษณะนี้มีเหตุสำคัญที่ทำให้การย้ายไม่ขาดตอน ไม่เสร็จสิ้นกระบวนการ ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นสภาพและรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาแทนที่ และคำสั่งที่ออกมาเป็นการตัดสินใจของรัฐบาลรักษาการของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล โดยได้ออกมาพูดเองว่าเป็นการตัดสินใจคืนความชอบธรรมให้และเป็นเรื่องของกฎหมาย
ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์ว่าถ้าให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คนปัจจุบันเป็นคนออกคำสั่งเองอาจมีผลกระทบต่อข้อร้องเรียน หรือข้อกล่าวหา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ ผบ.ตร.ที่ได้รับคำสั่งให้ไปช่วยงานสำนักนายกรัฐมนตรีกลับคืนตำแหน่งได้ ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีปรากฏ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะที่มีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล สอดคล้องพอดีทำให้การโยกย้ายครั้งนี้ยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการ จึงถือว่าเป็น “บุญกิริยา” ที่ทำให้ พล.ต.อ.พัชรวาท กลับคืนสู่ตำแหน่ง
วันนี้ (23 ธ.ค.) พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรอง ผบ.ตร.แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ถือเป็น ผบ.ตร.คนแรกที่ได้รับคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้ไปช่วยราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้วยังได้กลับมาทำหน้าที่เดิมว่า การที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ได้กลับมาสาเหตุสำคัญคือคุณสมบัติของตัวท่านเองที่มีลักษณะประนีประนอม เป็นคนที่อยู่ในหลักการ ไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา ซึ่งในยุครัฐบาลหนึ่งการทำงานอาจไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงใช้อำนาจตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดินย้ายไปช่วยงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี กระบวนการย้ายตำรวจนอกจากกฎหมายดังกล่าว ต้องพิจารณา พ.ร.บ.ตำรวจ พ.ศ.2547 ประกอบด้วยซึ่งมีลักษณะพิเศษตามมาตรา 62 ว่าด้วยการโยกย้ายข้าราชการตำรวจออกนอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งระบุว่าการโยกย้ายต้องได้รับความสมัครใจจากเจ้าตัว
แต่การโยกย้ายในลักษณะนี้มีเหตุสำคัญที่ทำให้การย้ายไม่ขาดตอน ไม่เสร็จสิ้นกระบวนการ ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นสภาพและรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาแทนที่ และคำสั่งที่ออกมาเป็นการตัดสินใจของรัฐบาลรักษาการของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล โดยได้ออกมาพูดเองว่าเป็นการตัดสินใจคืนความชอบธรรมให้และเป็นเรื่องของกฎหมาย
ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์ว่าถ้าให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คนปัจจุบันเป็นคนออกคำสั่งเองอาจมีผลกระทบต่อข้อร้องเรียน หรือข้อกล่าวหา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ ผบ.ตร.ที่ได้รับคำสั่งให้ไปช่วยงานสำนักนายกรัฐมนตรีกลับคืนตำแหน่งได้ ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีปรากฏ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะที่มีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล สอดคล้องพอดีทำให้การโยกย้ายครั้งนี้ยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการ จึงถือว่าเป็น “บุญกิริยา” ที่ทำให้ พล.ต.อ.พัชรวาท กลับคืนสู่ตำแหน่ง
