xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค”จวกนักการเมืองเลิกต่อรอง – ปชช.เบื่อจะแย่อยู่แล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“อภิสิทธิ์” ยันไม่ได้ชิงไหวชิงพริบในสภาเลือกนายกฯ ชี้แค่เข้าประชุมตามหน้าที่ โยนสื่อไปถามพวกไม่เข้าร่วมประชุมต้นเหตุทำสภาล่ม เผยพร้อมคุยกับทุกพรรค วอนนักการเมืองเห็นแก่ส่วนรวม เลิกต่อรอง ชิงความได้เปรียบ ระบุ ปชช.เบื่อจะตายอยู่แล้ว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมพรรคว่า ในช่วงเช้าของวันนี้(12 ก.ย.) มีการประสานงานมาว่า มีสมาชิกในซีกของพรรครัฐบาลที่เขาไม่สบายใจกับมติของพรรคพลังประชาชน มาถามว่า เราจะเข้าร่วมประชุมหรือไม่ พรรคจึงมาพูดคุยกันและเห็นว่า ที่จริงนายสมัคร สุนทรเวช จะกลับมาแล้วได้รับเลือกเป็นนายกฯ หรือไม่ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรเลยกับพรรคประชาธิปัตย์ที่จะเข้าประชุมหรือไม่ เพราะถึงจะเข้าประชุมก็ไม่ลงคะแนนให้นายสมัครอยู่แล้ว เพราะหากนายสมัครจะกลับมาเป็นนายกฯ ได้ ก็ต้องมีเสียงสนับสนุน 236 เสียง ในทางตรงกันข้ามถ้าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เข้าประชุม ทางพรรคพลังประชาชนที่ออกมาต่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็จะกล่าวหาอีกว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นเกมการเมืองทำให้สภาล่ม

“ต้องไปถามคนที่ไม่เข้าประชุมสภา คนที่เข้าประชุมไม่ต้องถามเลย เพราะว่าทำตามหน้าที่ตามปกติ เสนอชื่อไปตามกระบวนการ ไม่ได้มีอะไรพิสดารและแผนการอะไรทั้งสิ้น ซึ่งทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องติดใจ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ต่อข้อถามว่า ในมาตรา 173 ของรัฐธรรมนูญ ระบุว่า หากลงมติเลือกแล้วไม่มีผู้ใดได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบให้เป็นนายกฯ ให้ประธานสภาฯ นำผู้ที่มีคะแนนเสียงมากที่สุดขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นนายก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นการคิดกันไปเองเพราะยังไม่ได้ลงคะแนน ถ้าทำหน้าที่กันอย่างตรงไปตรงมาก็หมดเรื่อง พอตัวเองไม่ทำแล้วมาตั้งคำถามกับคนอื่นมันก็แปลก

เมื่อถามว่า ดูเหมือนพรรคร่วมรัฐบาลเต็มใจให้พรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่กล้าแสดงออก หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว่า ตอนนี้อยากให้แต่ละฝ่ายทำหน้าที่ของตนเองไป แต่ละพรรคก็กำหนดท่าทีและจุดยืนของตัวเอง ส่วนที่ยังทำความเข้าใจไม่ได้ก็เป็นปัญหาที่เขาก็ต้องแก้ไข แต่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ไปสร้างปัญหาอะไรทั้งสิ้น เราก็ทำหน้าที่ของเรา ส่วนถ้าพรรคร่วมรัฐบาล จะตัดสินใจว่าอยากมาพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องของอนาคตก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ทั้งหมดไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการทำหน้าที่ของเรา ซึ่งก็ทำหน้าที่ตรงไปตรงมาอย่างดีที่สุด ส่วนที่ว่าจะมีพรรคร่วมรัฐบาลมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์นั้น อยู่ที่ว่าใครมาพูดคุยกับเรา เราก็คุย และพยายามที่จะหาทางช่วยแก้ไขปัญหาของประเทศ แต่ละคนที่มาอาจจะมีความคิดหรือเป้าหมายที่แตกต่างกันไป แต่คิดว่าทุกพรรคการเมืองก็ควรจะคุยกัน

“ตรงนี้ผมไม่ได้มองว่าเป็นความได้เปรียบเสียบเปรียบ ถ้ามองว่าได้เปรียบเสียเปรียบ แล้วไม่คิดถึงหัวอกของคนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งเบื่อจะตายอยู่แล้ว เบื่อจริงๆ มาชิงไหวชิงพริบอะไรกัน แล้วเมื่อไหร่ใครจะคิดแก้ปัญหาให้กับประชาชนเราพยายามที่จะเสนอทางออกอยู่ตลอดเวลา ก็ไม่มีใครตอบรับซึ่งก็ไม่เป็นไร แต่ผมยืนยันว่าไม่ได้ไปชิงไหวชิงพริบ อะไรกับใคร แต่ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา แต่เราอยากให้ทุกคนมานั่งคิดได้แล้วว่า นี่ไม่ใช่การเมืองปกติ การเมืองเดิมๆ ที่พอตำแหน่งว่างลงก็มาเจรจาต่อรองกันคนไทยถึงขั้นจะฆ่ากันเองมาแล้ว และมีความเสี่ยงที่จะฆ่ากันตายอีก แล้วนักการเมืองมาทำเหมือนเดิมๆ ต่อรองกัน ผมคิดว่าประชาชนก็จะไม่ไหวแล้ว ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ต่อข้อถามว่า แสดงว่ายังยืนยันว่าควรจะมีรัฐบาลพิเศษใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นทางเลือกหนึ่ง ซึ่งตนไม่เคยบอกว่าเป็นทางเลือกเดียว ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าจะลองมาดูกัน ถ้าไปไม่ได้คนอื่นมีทางออกที่ดีกว่าก็ต้องทำและต้องรับผิดชอบ อย่างน้อยต้องแสดงออกให้ได้ว่ามันดีกว่าเดิมอย่างไร ไม่ต้องไปหวังว่าจะดีที่สุด เอาแค่หวังว่าให้ดีกว่าครึ่งปีที่ผ่านมาอย่างไร ที่ประชาชนคนไทยเครียด เศรษฐกิจย่ำแย่อยู่ในขณะนี้ จะทำให้มันดีขึ้นได้อย่างไร นี่ต่างหากที่เป็นหน้าที่ขอวงนักการเมืองที่จะต้องทำ

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าขณะนี้ความคิดที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกลัวจะได้เปรียบเสียเปรียบยังมีอยู่มาก เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็ไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะดีขึ้นได้อย่างไร จนกว่าเราจะเห็นท่าทีที่ชัดว่า มีความตระหนักถึงวิกฤตของประเทศจริงๆ ตนถึงจะมองเห็นว่าจะมีช่องทางในการรอดพ้นจากวิกฤตอย่างไร อย่างไรก็ตาม ยังมีการพูดคุยกับพรรคต่างๆ ตลอดเวลา และ ใครมีความคิดอะไรที่จะแก้ปัญหาสถานการณ์ปัจจุบันได้ก็ยินดีพูดคุยตลอดเวลา

ส่วนที่ทางพรรคพลังประชาชนพยายามที่จะเสนอให้ยุบสภานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ว่าอะไร เพราะตนเป็นคนที่เสนอให้ยุบสภาตั้งแต่แรก เมื่อถามว่า รัฐบาลรักษาการสามารถยุบสภาได้หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คงมีคนถกเถียงทางกฎหมาย และมีความเห็นทั้ง 2 ทาง ส่วนว่าโดยมารยาทแล้วควรทำหรือไม่ ตนคิดว่าต้องดูสถานการณ์ความจำเป็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมในวันนี้ มี ส.ส.มาลงชื่อจำนวน 324 คน แต่เมื่อนายชัยสั่งให้กดบัตรแสดงตนเพื่อนับองค์ประชุม ปรากฏว่า มีส.ส.ที่กดบัตรเพียง 161 คน โดย 159 คนเป็นส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ 2 คนเป็นส.ส.จากพรรคพลังประชาชน คือนาย สุขุมพงษ์ โง่นคำ และนาย สามารถ แกวมีชัย ส่วน ส.ส.ที่เหลือไม่ยอมกดบัตรแสดงตน และส่วนหนึ่งได้เดินออกจากห้องประชุมไปหลังจากที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยืนกวักมือให้ออกจากห้องประชุม
กำลังโหลดความคิดเห็น