ASTV ผู้จัดการรายวัน – ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต รับพิษการเมือง-เศรษฐกิจกระทบ ยอดใช้จ่ายลูกค้าหล่น 10% ปีหน้าอัดงบ 300 ล้านบาทลุยตลาดเต็มเหนี่ยว พร้อมเพิ่มอีเว้นต์
นางพิมพ์ผกา หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งปัญหาการเมืองที่ผ่านมา ยอมรับว่ามีผลกระทบกับธุรกิจบ้าง โดยเฉพาะยอดการใช้จ่ายของลูกค้าพบว่าลดลง จากเดิมปีที่แล้วที่ใช้จ่ายประมาณ 2,000 บาท ต่อคนต่อครั้ง เหลือเพียง 1,500 บาทต่อคน ลดลง10%
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนพฤศจิกายน- ธันวาคม คาดว่ายอดขายจะกระเตื้องขึ้นเพราะเป็นช่วงเทศกาลจับจ่าย คาดว่ายอดขายจะเติบโต 10%
สำหรับแผนการตลาดในปีหน้าบริษัทฯวางแผนใช้งบประมาณกว่า 300 ล้านบาท มุ่งเนการทำกลยุทธ์สู่กลุ่มเป้าหมายโดยตรง เน้นโปรโมชั่นและกิจกรรมที่ร่วมกับภารัฐและเอกชน ซึ่งมองว่าปีหน้าต้องเน้นการสื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักมากยิ่งขึ้น และเน้นการสร้างแบรนด์ด้วย โดยการเพิ่มกิจกรรม 5%
ทั้งนี้ฟิวเจอร์พาร์ครังสิตยังคงเน้นจุดยืนเดิมคือ การดำเนินโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงาน ภายใต้โครงการ Future Park Goes Greener รวม 3 โครงการทั้งปลูกป่า ,รีไซเคิล และประหยัดพลังงาน เน้นครอบคลุมเป้าหมายการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยโครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2540 รวมระยะเวลา11 ปีแล้ว
กิจกรรมหลักที่ดำเนินการคือ การปรับเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศและหลอดไฟเป็นหลอดประหยัดพลังงานทั้งหมด 3 หมื่นดวงเป็นแบบประหยัดไฟ รีไซเคิล แยกขยะที่ใช้แล้วมารีไซเคิลเพื่อตกแต่งภายในศูนย์การค้าโดยที่ทำมาสามารถแยกได้กว่า 38% และการรียูสโดยเน้นในเรื่องน้ำที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่
จากการปรับภาพลักษณ์ที่ผ่านมาได้ผลตอบรับดีมากโดยเฉพาะภาพรวมทางธุรกิจเพิ่มเป็น21% จากที่ตั้งไว้ 15-20% รวมไปถึงยอดขายก็ดีขึ้นโดยฟิวเจอร์พาร์คมีการเติบโตจากปีที่แล้ว 3%และในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเป็น 10% ส่วนด้านผลประกอบการโดยรวมคาดว่าจะเติบโต 11.2% ซึ่งถือว่าเป็นผลประกอบการที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา
การปรับภาพลักษณ์ดังกล่าวก็เพื่อรองรับในส่วนของกลุ่มลูกค้าทั้งจากหมู่บ้านที่เกิดขึ้น มหาวิทยาลัยต่างๆโดยเจอะกลุ่มแฟร์มาเก็ตกรุ๊ปรายได้ระดับ 50,000 บาทขึ้น แบ่งเป็น ครอบครัว 60% นักศึกษา 30% และ 5-10% เป็นนักท่องเที่ยว
นางพิมพ์ผกา หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งปัญหาการเมืองที่ผ่านมา ยอมรับว่ามีผลกระทบกับธุรกิจบ้าง โดยเฉพาะยอดการใช้จ่ายของลูกค้าพบว่าลดลง จากเดิมปีที่แล้วที่ใช้จ่ายประมาณ 2,000 บาท ต่อคนต่อครั้ง เหลือเพียง 1,500 บาทต่อคน ลดลง10%
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนพฤศจิกายน- ธันวาคม คาดว่ายอดขายจะกระเตื้องขึ้นเพราะเป็นช่วงเทศกาลจับจ่าย คาดว่ายอดขายจะเติบโต 10%
สำหรับแผนการตลาดในปีหน้าบริษัทฯวางแผนใช้งบประมาณกว่า 300 ล้านบาท มุ่งเนการทำกลยุทธ์สู่กลุ่มเป้าหมายโดยตรง เน้นโปรโมชั่นและกิจกรรมที่ร่วมกับภารัฐและเอกชน ซึ่งมองว่าปีหน้าต้องเน้นการสื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักมากยิ่งขึ้น และเน้นการสร้างแบรนด์ด้วย โดยการเพิ่มกิจกรรม 5%
ทั้งนี้ฟิวเจอร์พาร์ครังสิตยังคงเน้นจุดยืนเดิมคือ การดำเนินโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงาน ภายใต้โครงการ Future Park Goes Greener รวม 3 โครงการทั้งปลูกป่า ,รีไซเคิล และประหยัดพลังงาน เน้นครอบคลุมเป้าหมายการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยโครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2540 รวมระยะเวลา11 ปีแล้ว
กิจกรรมหลักที่ดำเนินการคือ การปรับเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศและหลอดไฟเป็นหลอดประหยัดพลังงานทั้งหมด 3 หมื่นดวงเป็นแบบประหยัดไฟ รีไซเคิล แยกขยะที่ใช้แล้วมารีไซเคิลเพื่อตกแต่งภายในศูนย์การค้าโดยที่ทำมาสามารถแยกได้กว่า 38% และการรียูสโดยเน้นในเรื่องน้ำที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่
จากการปรับภาพลักษณ์ที่ผ่านมาได้ผลตอบรับดีมากโดยเฉพาะภาพรวมทางธุรกิจเพิ่มเป็น21% จากที่ตั้งไว้ 15-20% รวมไปถึงยอดขายก็ดีขึ้นโดยฟิวเจอร์พาร์คมีการเติบโตจากปีที่แล้ว 3%และในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเป็น 10% ส่วนด้านผลประกอบการโดยรวมคาดว่าจะเติบโต 11.2% ซึ่งถือว่าเป็นผลประกอบการที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา
การปรับภาพลักษณ์ดังกล่าวก็เพื่อรองรับในส่วนของกลุ่มลูกค้าทั้งจากหมู่บ้านที่เกิดขึ้น มหาวิทยาลัยต่างๆโดยเจอะกลุ่มแฟร์มาเก็ตกรุ๊ปรายได้ระดับ 50,000 บาทขึ้น แบ่งเป็น ครอบครัว 60% นักศึกษา 30% และ 5-10% เป็นนักท่องเที่ยว