xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนสิทธิการเช่าอสังหาฯเออร์บานา ซิวผลตอบแทนสูงสุดอันดับ1เดือนส.ค.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในช่วงที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางการเมือง หรือปัจจัยเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ทำให้ผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวและนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน จึงหันมาถือเงินสดแทนที่การลงทุนในหลักทรัพย์ พร้อมทั้งมองหาช่องทางใหม่ในการลงทุน ที่สามารถให้ผลตอบแทนดีต่อนักลงทุนได้ โดยการเลือกลงทุนในพันธบัตร การลงทุนในทองคำ หรือแม้แต่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แทนการลงทุนในตลาดตราสารทุน ซึ่งการลงทุนในกลุ่มอสังหาฯถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการหนีความผันผวนของตลาดหุ้น ถึงแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาค่าเงินเฟ้อได้ปรับตัวลดลงมาบ้างแล้วก็ตาม แต่สำหรับการลงทุนที่สามารถหลีกหนีเงินเฟ้อได้ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

คอลัมน์ "Best of Fund" วันนี้ จะพานักลงทุนไปดูผลการดำเนินงานของ "กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์" ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ว่ากองทุนอสังหาฯกองใดสามารถให้ผลตอบแทนสูงสุด เพื่อเป็นข้อมูลให้บรรดานักลงทุนได้พิจารณาหรือเลือกลงทุน พร้อมเผยกลยุทธ์กองทุนอันดับหนึ่งว่ามีวิธีการเลือกลงทุนในสินทรัพย์ลักษณะใดและมีการบริหารได้ที่สามารถทำให้ผลตอบแทนของกองทุนดี

สำหรับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา ภายใต้การบริหารของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 800.29 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 15.20% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.58% มีผลแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 12.12% และมีผลการตอบตอบย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 0.00 %อันดับ 2 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ็นจี(ประเทศไทย) โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 951.89 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 10.22% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 7.06% มีผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 8.95% และมีผลการตอบตอบย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 12.83%

อันดับ 3 กองทุนอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ็นจี(ประเทศไทย) โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 5,046.12ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9.51%ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 6.41% มีผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 9.36% และผลตอบเเทนย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 13.24 % อันดับ4 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มิลเลี่ยนแมร์ ภายใต้การบริหารของ บลจ.วรรณ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 2,352.65 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9.07%ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 5.33 % มีผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 7.59% และมีผลตอบเเทนย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 11.46 %

อันดับ 5 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน ภายใต้การบริหารของ บลจ.บัวหลวง มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 6,327.20 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.97%ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.12% มีผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 7.63% และมีผลตอบเเทนย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 12.35% อันดับ 6 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทหารไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 11,263.80 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 7.07% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.45% มีผลแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 5.60% และมีผลตอบเเทนย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 8.67%

อันดับ 7กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โกลด์ ภายใต้การบริหารของ บลจ.กสิกรไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 2,467.21 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 6.64% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 4.83% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 5.91% และมีผลตอบเเทนย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 26.43 % อันดับ 8 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ็นจี(ประเทศไทย) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 2,733.13ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 6.25% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.07% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 5.27% และผลตอบเเทนย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 26.42 %

อันดับ 9 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ็นจี(ประเทศไทย) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 978.64 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.95% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 0.99% ด้านผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.55% และมีผลตอบเเทนย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 8.38% และอันดับ 10 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไทยพาณิชย์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 8,563.45 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.94% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.98% มีผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 4.81% และมีผลตอบเเทนย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 6.86%

เปิดกลยุทธ์การลงทุน
วรนนท์ อัศวกิตติเมธิน
ผู้จัดการกองทุนอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด ได้เล่าให้ฟังว่าเกี่ยวกับ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานานั้นว่า เป็นกองทุนที่มีศักภาพสูง โดยเป็นการลงทุนในรูปของเซอร์วิสส์อพาร์ทเม้นท์ ซึ่งตอนที่เราจัดตั้งกองทุนนี้เราจะต้องไม่ให้มีมูลค่าโครงการที่สูงจนเกินไป อีกทั้ง จะต้องมีความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ที่เราได้เข้าไปลงทุน ไม่ว่าจะในเรื่องของทำเลที่ตั้งหรือรูปแบบที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก

ในการลงทุนของเราจะเริ่มตั้งแต่การพิจารณาว่า อสังหาริมทรัพย์ที่เราจะเลือกลงทุน มีโลเคชั่นเป็นอย่างไร โดยจะต้องมีมูลค่าการลงทุนที่สมเหตุสมผล ซึ่งทางเราจะเน้นย่านใจกลางเมืองหรือศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ เช่น หลังสวน ทั้งนี้ การลงทุนที่หลังสวนเรามองว่าเป็นการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนและสร้างรายได้ด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว

โดยทั่วไปแล้ว รูปแบบของอพาร์ทเมนท์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะเป็นในลักษณะห้องใหญ่ พื้นที่ใช้สอยเยอะและมีขนาด 2 ห้องนอน ซึ่งราคาค่าเช่าห้องกลับถูกลงมา แต่สำหรับโครงการของเรานั้นจะเน้นแบบเป็นสตูดิโอที่มี 1 ห้องนอนเป็นหลัก ถึงแม้ห้องจะมีขนาดเล็ก แต่ราคาเช่ากลับสูงขึ้น อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นในเรื่องโลเคชั่น โปรดักส์ ที่สามารถตอบโจทย์ของที่อยู่อาศัยได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าส่วนใหญ่ในขณะนี้

สำหรับ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา หรือ Urbana Property Fund (Lease hold) (URBNPF) เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งลงทุนในสิทธิการเช่าในโครงการ เออร์บานา หลังสวน โดยมีนโยบายที่จะดำเนินการหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนครั้งแรก โดยนำพื้นที่ทั้งหมดที่กองทุนรวมลงทุนให้บริษัท เออร์บานา เอสเตท จำกัด เช่าช่วง และกองทุนรวมจะได้รับรายได้ในรูปของค่าเช่าซึ่งจะชำระเป็นรายเดือน สำหรับการลงทุนในอนาคต บริษัทจัดการจะมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ที่บริษัท สยามพันธุ์วัฒนา จำกัด (มหาชน) และ/หรือกลุ่มบุคคลเดียวกันมีกรรมสิทธิ์และ/หรือสิทธิครอบครองสินทรัพย์ โดยกองทุนเข้าจดทะเบียนเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2550 ด้วยเงินทุนโครงการที่จดทะเบียนครั้งแรก 720 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น