บลจ.ทหารไทยยืนยันกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทลโกรทยังไม่เลื่อนแผนเพิ่มทุน ระบุประเมินสถานการณ์ความผันผวนของตลาดอย่างใกล้ชิด ด้านบล.กิมเอ็งชี้ "TFUND - SPF - CPNRF " สภาพคล่องสูงเพียงพอลงทุน ระบุปัจจัยหนุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ให้คึกคักต้องรอแรงหนุนจากนักลงทุนสถาบัน
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ของการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมเพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทลโกรท (CPNRF) ซึ่งได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวม เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ไปแล้วนั้น
ทั้งนี้บริษัทในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมขอชี้แจงว่าบริษัทจัดการรับรู้ถึงสภาวะการณ์ของตลาด ณ ปัจจุบันที่มีความผันผวน อย่างไรก็ตามบริษัทจัดการยังไม่มีการตัดสินใจที่จะเลื่อนการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าวออกไป นอกจากนี้การออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการรออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อย่างไรก็ตามบริษัทจัดการจะยังคงเฝ้าติดตามสภาวะการณ์ของตลาดและพิจารณาการดำเนินการใดๆที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหน่วยลงทุน
ด้านบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ช่วงที่ผ่านมากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีปริมาณซื้อขายที่ต่ำมาก โดยเชื่อว่าปัจจัยหลักที่จะช่วยหนุนให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวคือ การกลับมาของนักลงทุนสถาบัน ดังนั้นจนกว่านักลงทุนสถาบันจะกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง คาดว่านักลงทุนรายย่อยในประเทศไม่น่าจะให้ความสนใจกับตลาดตอนนี้มากนัก รวมถึงกองทุนในประเทศที่มักรอซื้อตอนตลาดอ่อนตัวเอง ก็หาโอกาสเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงกว่า แม้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะมีอัตราการเงินปันผลตอบแทนและส่วนลดจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่น่าประทับใจ แต่มีเพียง 3 กองทุนเท่านั้นที่มีสภาพคล่องเพียงพอ ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) , กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย (SPF) และ CPNRF
ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลย้อนหลัง 1 ปีสูงสุด 10 อันดับแรก ณ วันที่ 22 กันยายน 2551 ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สนามบินสมุย (SPF) มีผลตอบแทน 13.18% , อันดับ 2 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ไทยอินดัสเตรียล 1 (TIF1) มีผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผล 10.65% , อันดับ 3 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) มีผลตอบแทน 10.20% , อันดับ 4 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ฟิวเจอร์พาร์ค (FUTUREPF) มีผลตอบแทน 10.15% และอันดับ 5 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) มีผลตอบแทน 8.99%
อันดับ 6 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มิลเลียนแนร์ (MIPF) มีผลตอบแทน 7.69% , อันดับ 7 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) มีผลตอบแทน 7.59% ,อันดับ 8 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ (SIRIPF) มีผลตอบแทน 7.47% , อันดับ 9 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี (MNIT) มีผลตอบแทน 7.00% และอันดับ 10 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP) มีผลตอบแทน 6.99%
ขณะที่กองทุนที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มากที่สุด 10 อันดับแรก ประกอบไปด้วย กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สนามบินสมุย มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 13.95 ล้านบาทต่อวัน , อันดับ 2 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 6.63 ล้านบาทต่อวัน , อันดับ 3 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 5.88 ล้านบาท , อันดับ 4 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 1.52 ล้านบาทต่อวัน และอันดับ 5 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 1.15 ล้านบาทต่อวัน
อันดับ 6 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ฟิวเจอร์พาร์ค มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 1.05 ล้านบาทต่อวัน , อันดับ 7 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ (MJLF) มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 0.25 ล้านบาทต่อวัน , อันดับ 8 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 0.23 ล้านบาทต่อวัน , อันดับ 9 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PFFUND) มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 0.17 ล้านบาทต่อวัน และอันดับ 10 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอเอฟซี - นิชดาธานี (MNIT) มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 0.15 ล้านบาทต่อวัน
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ของการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมเพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทลโกรท (CPNRF) ซึ่งได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวม เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ไปแล้วนั้น
ทั้งนี้บริษัทในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมขอชี้แจงว่าบริษัทจัดการรับรู้ถึงสภาวะการณ์ของตลาด ณ ปัจจุบันที่มีความผันผวน อย่างไรก็ตามบริษัทจัดการยังไม่มีการตัดสินใจที่จะเลื่อนการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าวออกไป นอกจากนี้การออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการรออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อย่างไรก็ตามบริษัทจัดการจะยังคงเฝ้าติดตามสภาวะการณ์ของตลาดและพิจารณาการดำเนินการใดๆที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหน่วยลงทุน
ด้านบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ช่วงที่ผ่านมากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีปริมาณซื้อขายที่ต่ำมาก โดยเชื่อว่าปัจจัยหลักที่จะช่วยหนุนให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวคือ การกลับมาของนักลงทุนสถาบัน ดังนั้นจนกว่านักลงทุนสถาบันจะกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง คาดว่านักลงทุนรายย่อยในประเทศไม่น่าจะให้ความสนใจกับตลาดตอนนี้มากนัก รวมถึงกองทุนในประเทศที่มักรอซื้อตอนตลาดอ่อนตัวเอง ก็หาโอกาสเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงกว่า แม้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะมีอัตราการเงินปันผลตอบแทนและส่วนลดจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่น่าประทับใจ แต่มีเพียง 3 กองทุนเท่านั้นที่มีสภาพคล่องเพียงพอ ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) , กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย (SPF) และ CPNRF
ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลย้อนหลัง 1 ปีสูงสุด 10 อันดับแรก ณ วันที่ 22 กันยายน 2551 ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สนามบินสมุย (SPF) มีผลตอบแทน 13.18% , อันดับ 2 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ไทยอินดัสเตรียล 1 (TIF1) มีผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผล 10.65% , อันดับ 3 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) มีผลตอบแทน 10.20% , อันดับ 4 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ฟิวเจอร์พาร์ค (FUTUREPF) มีผลตอบแทน 10.15% และอันดับ 5 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) มีผลตอบแทน 8.99%
อันดับ 6 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มิลเลียนแนร์ (MIPF) มีผลตอบแทน 7.69% , อันดับ 7 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) มีผลตอบแทน 7.59% ,อันดับ 8 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ (SIRIPF) มีผลตอบแทน 7.47% , อันดับ 9 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี (MNIT) มีผลตอบแทน 7.00% และอันดับ 10 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP) มีผลตอบแทน 6.99%
ขณะที่กองทุนที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มากที่สุด 10 อันดับแรก ประกอบไปด้วย กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สนามบินสมุย มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 13.95 ล้านบาทต่อวัน , อันดับ 2 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 6.63 ล้านบาทต่อวัน , อันดับ 3 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 5.88 ล้านบาท , อันดับ 4 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 1.52 ล้านบาทต่อวัน และอันดับ 5 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 1.15 ล้านบาทต่อวัน
อันดับ 6 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ฟิวเจอร์พาร์ค มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 1.05 ล้านบาทต่อวัน , อันดับ 7 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ (MJLF) มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 0.25 ล้านบาทต่อวัน , อันดับ 8 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 0.23 ล้านบาทต่อวัน , อันดับ 9 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PFFUND) มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 0.17 ล้านบาทต่อวัน และอันดับ 10 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอเอฟซี - นิชดาธานี (MNIT) มีมูลค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 0.15 ล้านบาทต่อวัน