ASTVผู้จัดการรายวัน - "พันธมิตรฯ"เห็นชีวิตประชาชนเป็นสำคัญ มีมติลดจำนวนผู้ชุมนุมในทำเนียบฯเคลื่อนขบวนคนส่วนใหญ่ไปสมทบปักหลักชุมนุมใน "สุวรรณภูมิ" และ "ดอนเมือง" แทน หลังเกิดเหตุคนใจทรามกระหน่ำอาวุธสงครามเข้าใส่รายวัน "ลุงจำลอง" ย้ำที่ลดจำนวนผู้ชุมนุมในทำเนียบฯเพื่อสวัสดิภาพของประชาชน ขณะเดียวกันเพื่อเปิดทางให้ทหารได้ซ้อมพิธีสวนสนาม
วานนี้ (1 ธ.ค.) ที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนพันธมิตรฯได้ขึ้นประกาศบนเวทีว่า จากการประชุมของ 5 แกนนำพันธมิตรฯได้มีมติว่า ขอให้ผู้ชุมนุมที่ปักหลักค้างคืนที่ทำเนียบรัฐบาลเก็บสมบัติส่วนตัวเพื่อเดินทางไปร่วมชุมนุมและพักค้างคืนที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง เพราะที่ทำเนียบรัฐบาลต่อจากนนี้จะไม่ให้ผู้ชุมนุมมาพักค้างแรมอีก เนื่องจากไม่มีความปลอดภัย โดยจะให้เหลือเพียงแค่ผู้ชุมนุมที่เดินทางไปกลับเท่านั้น
เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม เปิดเผยว่า มติ 5 แกนนำพันธมิตรฯได้ขอให้ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมเก็บข้าวของเพื่อขนย้ายไปร่วมชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองแทน โดยให้เน้นไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นพื้นที่หลักในการชุมนุม เนื่องจากขณะนี้ภายในทำเนียบรัฐบาลไม่มีความปลอดภัย หลังจากที่ผู้ชุมุนมถูกอาวุธสงครามทำร้ายมาอย่างต่อเนื่อง
"ส่วนแกนนำจะมีมติคืนทำเนียบรัฐบาลหรือไม่จะต้องหารือกันอีกครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้จะยังคงมีการปราศรัยในทำเนียบรัฐบาลต่อไป เพียงแต่จะไม่มีการพักค้างแรมเท่านั้น" เรือตรีแซมดิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.ต.จำลอง ประกาศให้ผู้ชุมนุมที่ปักหลักพักค้างคืนอยู่ในทำเนียบฯย้ายไปปักหลักพักค้างคืนที่สนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากต่างทยอยกันเก็บข้าวของ สัมภาระ เสื้อผ้า หมอน เสื่อ โดยแต่ละคนหอบข้าวหอบของกันอย่างพะรุงพะรังก่อนที่มุ่งหน้าไปขึ้นรถที่กองทัพธรรมจัดให้ที่บริเวณแยกนางเลิ้ง ในระหว่างนั้นได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนเล็กน้อย เนื่องจากรถของกองทัพธรรมมีเพียง 6 คัน ซึ่งไม่เพียงพอในการรับส่งกลุ่มผู้ชุมนุม จึงทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนต้องรอก่อนที่จะมีรถมารับเพิ่มในภาย
ส่วนบรรยากาศที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ในช่วงเวลา 11.00 น.วันเดียวกันได้มีจ้าหน้าที่ของ กทม.เขตดุสิตกว่า 200 คน มาทำความสะอาดบริเวณสะพานมัฆวานฯ ถนนราชดำเนินนอก เพื่อตรียมพื้นที่รับงานเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันที่ 5 ธ.ค.โดยเบื้องต้นได้ทำการเก็บกระสอบทราย และล้อยางรถยนต์ที่กลุ่มพันธมิตรฯได้วางทำเป็นบังเกอร์ไว้ ที่บริเวณ สี่แยกสวนมิสกวัน
**"จำลอง" ปัดถูกบีบย้ายออกทำเนียบฯ
จากนั้นในเวลา 15.30 น.พล.ต.จำลอง ให้สัมภาษณ์โดยย้ำว่า ตนได้ชี้แจงกับผู้ชุมนุมแล้วว่าจะมีการเคลื่อนกำลังผู้ชุมนุมจากทำเนียบฯ ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งการลดจำนวนผู้ชุมนุมจะทยอยทำ และในคืนวันที่ 1 ธ.ค.นี้จะไม่ให้ผู้ชุมนุมค้างคืนที่ทำเนียบฯ เพราะได้ประเมินกันแล้วว่าอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ ดังนั้น เราจะดูสถานการณ์อีกครั้งว่า จะมีการเคลื่อนไปสุวรรณภูมิหรือดอนเมืองก็ได้
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ถึงขณะนี้เรายังจะไม่คืนทำเนียบฯ ซึ่งมติของแกนนำระบุว่าจะต้องรออีกสักระยะหนึ่ง ส่วนในค่ำคืนวันที่ 1 ธ.ค.นี้ยังมีการ์ดของพันธมิตรฯดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ อย่างไรก็ตาม การที่ทยอยออกจากทำเนียบฯนั้นไม่ใช่ว่าเราถูกบีบ แต่เนื่องจากว่าเราต้องการเปิดพื้นที่ให้กับทหารเดินซ้อมสวนสนาม เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา เพื่อแสดงความจงรักภักดี ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า" พล.ต.จำลอง กล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวต่ออีกว่า การถอนกำลังของผู้ชุมนุมในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับการเจรจากับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและทหารเมื่อวันที่ 30 พ.ย. นอกจากนี้ ในวันนี้ (2 ธ.ค.) จะมีการเปลี่ยนการแถลงข่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิ แทนทำเนียบรัฐบาล
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า แกนนำพันธมิตรฯตกลงกันว่าจะใช้สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นพื้นที่หลักในการชุมนุม ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการคืนพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ หรือจะถอนกำลังคนออกก็ตาม ขอให้ฟังจากแถลงการณ์จากทางแกนนำ
"การลดจำนวนผู้ชุมนุมจากที่ทำเนียบฯ เนื่องจากเราชุมนุมกันอย่างสงบ แต่ผู้ชุมนุมต้องเสี่ยงภัยจากอาวุธสงคราม ตรงนี้ถือว่าเป็นการประจานรัฐบาลที่ทำให้กรุงเทพฯ เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ไม่มีความปลอดภัยกับประชาชน เชื่อว่า การลดจำนวนผู้ชุมนุมจะไม่เกิดความโกลาหล เนื่องจากผู้ชุมนุมได้รับทราบข้อมูลจาก พล.ต.จำลอง แล้ว" นายปานเทพ กล่าว
**"สุริยะใส"โต้ข่าว พธม.คืนทำเนียบฯ
ทางด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าพันธมิตรฯจะมีการคืนทำเนียบรัฐบาลว่า โดยหลักการแล้วที่ประชุมโดย 5 แกนนำพันธมิตรฯยังให้คงการชุมนุมที่ทำเนียบฯไว้อยู่ แต่ให้จำกัดมวลชน โดยจะเน้นให้มีการ์ดคุมไว้ให้มากที่สุด เพื่อป้องกันการโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งการพิจารณายุบพรรคทั้ง 3 พรรคได้แก่พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ใกล้เข้ามานั้นจึงอาจจะมีการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนเเรงขึ้นได้
ดังนั้น เราจะยังมีเวทีปราศรัยเหมือนเดิมแต่จะไม่มีการถ่ายทอดสด รวมทั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยก็จะเป็นชุดเดิม ระบบเดิมจนกว่าจะมีการประสานจากองค์กรข้างนอก เพื่อตรวจสอบในทำเนียบร่วมกับเรา ซึ่งขณะนี้ได้มีการประสานกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนสิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งตัวแทนสื่อมวลชน เพื่อตรวจสอบทุกตึก ทุกอาคารในทำเนียบฯ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น
ส่วนที่มีการประโคมข่าวว่าการยึดทำเนียบฯของพันะมิตรฯได้สร้างความเสียหาย 100-200 ล้านบาทนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในการประสานงานหากเป็นไปได้ในวันนี้ อาจมีการเชิญให้เข้ามาตรวจสอบในทำเนียบฯ รวมถึงตำรวจ ทหาร แม้แต่ตัวแทนของปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย เมื่อทุกฝ่ายมั่นใจแล้วจากนั้นจึงจะเป็นขั้นตอนในการคืนทำเนียบรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุใดจึงมีการผ่อนปรนในทำเนียบฯ นายสุริยะใส กล่าวว่า ความปลอดภัยของผู้ชุมนุมสำคัญที่สุด แม้แต่เราได้พยายามเพิ่มระดับรักษาความปลอดภัย ซึ่งเราไม่ต้องการให้มีคนเจ็บและตายไปมากกว่านี้ ความรับผิดชอบของแกนนำนั้นไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่ากับการรักษาชีวิตของมวลชน เพราะคนเสื้อแดงชัดเจนว่าพร้อมที่จะโจมตีเราและศาลดังนั้นหากไม่พอใจการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในการพิจารณาคดียุบพรรค อาจจะมีการยกพวกไปศาล หรือมาโจมตีพันธมิตรก็เป็นได้ดังนั้นคาดว่าการขนย้ายสิ่งของมวลชนในทำเนียบฯ น่าจะเรียบร้อยภายในวันนี้
เมื่อถามว่า หากมีการเรียกร้องให้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น นายสุริยะใส กล่าวว่า จะมีการเจรจาซึ่งหากการเจรจาไม่เป็นผลและหากจะมีการดำเนินคดีเราก็จะรับผิดชอบไม่หนีไปไหนแน่ แต่ถ้าไม่มีอะไรเสียหายก็ไม่จ่ายเท่านั้นเอง ส่วนการถอนกำลังออกจากดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ยังไม่มีการหารือกับแกนนำ โดยจะรอให้การตัดสินยุบพรรคผ่านไปก่อน
**ตร.ใช้ ฮ.โปรยใบปลิวไล่พันธมิตรฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 17.10 น. ได้มีเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3 ลำบินมาโปรยใบปลิวในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเนื้อหาระบุว่า ประกาศขอความร่วมมือศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีความห่วงใย ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง ทั้งกลุ่มประชาชนที่ชุมนุมอยู่ และประชาชนที่จะเดินทางไปมาบริเวณท่าอาการศยานสุวรรณภูมิ จึงขอความร่วมมือทุกท่าน ขอให้ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ สำหรับประชาชนที่ไม่มีความจำเป็นขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางคมนาคมภายในสุวรรณภูมิและบริเวณใกล้เคียง
เจ้าหน้าที่ตำรวจขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีความประสงค์จะให้เกิดความรุนแรงภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและจะพยายามใช้ความประนีประนอมอย่างที่สุด เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ขอขอบพระคุณในความร่วมมือของพี่น้องประชาชนทุกท่าน...ศูนย์อำนวยการเแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 1 ธ.ค.2551
ส่วนบรรยากาศการชุมนุมที่สนามบินดอนเมืองเป็นไปด้วยความคึกคัก ภายหลังจาก พล.ต.จำลอง ได้ประกาศสละทำเนียบฯทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมทยอยเดินทางมายังสนามบินดอนเมืองมากขึ้น ขณะที่บนเวทีปราศรัยนายไทกร พลศุวรรณ และ น.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์ ได้เปิดเผยกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ได้รับแจ้งจากญาติของ น.ส.โบว์ อายุ 26 ปี ชาว จ.พัทลุง ที่ได้รับบาดเจ็บจากการยิงปืน M 79 เมื่อคืนวันที่ 29 พ.ย.ที่ทำเนียบฯ ซึ่งขณะนี้ได้เสียชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ น.ส.โบว์ จะเสียชีวิต พ่อแม่ได้บริจาคอวัยวะให้กับผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บอีก 6 คน นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า เมื่อใดที่คิดถึงน้องโบว์ก็สามารถมาเยี่ยมคนทั้ง 6 คนได้
นอกจากนี้ ยังมีพระสงฆ์จากสำนักสงฆ์เทพนิมิต อ.ดอนสะเก็ด จ.เชียงใหม่ พระสุทัศน์ สุทัศโน ได้นำพระรอดจาก จ.ลำพูน มาแจกจ่ายให้กับการ์ดพันธมิตรฯเพื่อให้แคล้วคลาดและปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การชุมนุมในช่วงค่ำ พล.อ.ปานเทพ ภูวนาทนุรักษ์ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ขึ้นกล่าวบนเวที ประกาศเรื่องด่วนให้ผู้ชุมนุมทราบว่า สาเหตุที่ให้ผู้ชุมนุม ย้ายมาชุมนุมที่สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากวันที่ 1-5 ธ.ค. อยู่ในช่วงเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีการเปิดพื้นที่ถนนราชดำเนินเพื่อจัดงาน จึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยกับผู้ชุมนุม
ทั้งนี้ การสละทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นการถวายพระเกียรติให้กับในหลวง เนื่องจากทำเนียบรัฐบาลไม่สามารถเป็นที่กดดันรัฐบาลได้อีกแล้ว ฉะนั้น จึงใช้สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิกดดันแทน
**"ปทีป"ยันเน้นเจรจา-ไม่ใช้ความรุนแรง
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ และรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังเรื่อยๆ เราถือนโยบายที่ต้องปฏิบัติด้วยความละมุนละม่อม ไม่ใช้ความรุนแรง ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกฉิน ซึ่งตำรวจไม่ได้ยื้อเวลาแต่เป็นการทำตามขั้นตอนของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เริ่มจากขั้นตอนที่ 1 คือการเจรจา ขั้นตอนที่ 2 ประชาสัมพันธ์ ประกาศให้ทราบโดยทั่ว และขยับขั้นตอนไปเรื่อยตามกฎหมาย ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาว่าต้องทำสำเร็จเมื่อไหร่ โดยเงื่อนเวลาว่าต้องทำอะไรนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมตามสถานการณ์
"ขณะนี้ผมได้ดำเนินการไปตามแผนตามขั้นตอนอยู่ ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐาน ปฏิบัติโดยละมุนละม่อมไม่มีการใช้กำลังรุนแรงเด็ดขาด เชื่อว่าฝ่ายการเมืองไม่ได้เพ่งเล็งหรือมากำหนดเงื่อนเวลา เพราะทุกอย่างมีกฎหมายกำหนด เงื่อนเวลานั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในแต่ละวัน แต่ละสถานการณ์ดูเป็นกรณีไปเช่นกรณีปิดสนามบินสายการบินต่างชาติเดือดร้อน เราก็ใช้ขั้นเจรจาเข้าไปจัดการจนขณะนี้สามารถนำเครื่องบินบินออกได้ 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว" พล.ต.อ.ปทีป กล่าว
วานนี้ (1 ธ.ค.) ที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนพันธมิตรฯได้ขึ้นประกาศบนเวทีว่า จากการประชุมของ 5 แกนนำพันธมิตรฯได้มีมติว่า ขอให้ผู้ชุมนุมที่ปักหลักค้างคืนที่ทำเนียบรัฐบาลเก็บสมบัติส่วนตัวเพื่อเดินทางไปร่วมชุมนุมและพักค้างคืนที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง เพราะที่ทำเนียบรัฐบาลต่อจากนนี้จะไม่ให้ผู้ชุมนุมมาพักค้างแรมอีก เนื่องจากไม่มีความปลอดภัย โดยจะให้เหลือเพียงแค่ผู้ชุมนุมที่เดินทางไปกลับเท่านั้น
เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม เปิดเผยว่า มติ 5 แกนนำพันธมิตรฯได้ขอให้ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมเก็บข้าวของเพื่อขนย้ายไปร่วมชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองแทน โดยให้เน้นไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นพื้นที่หลักในการชุมนุม เนื่องจากขณะนี้ภายในทำเนียบรัฐบาลไม่มีความปลอดภัย หลังจากที่ผู้ชุมุนมถูกอาวุธสงครามทำร้ายมาอย่างต่อเนื่อง
"ส่วนแกนนำจะมีมติคืนทำเนียบรัฐบาลหรือไม่จะต้องหารือกันอีกครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้จะยังคงมีการปราศรัยในทำเนียบรัฐบาลต่อไป เพียงแต่จะไม่มีการพักค้างแรมเท่านั้น" เรือตรีแซมดิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.ต.จำลอง ประกาศให้ผู้ชุมนุมที่ปักหลักพักค้างคืนอยู่ในทำเนียบฯย้ายไปปักหลักพักค้างคืนที่สนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากต่างทยอยกันเก็บข้าวของ สัมภาระ เสื้อผ้า หมอน เสื่อ โดยแต่ละคนหอบข้าวหอบของกันอย่างพะรุงพะรังก่อนที่มุ่งหน้าไปขึ้นรถที่กองทัพธรรมจัดให้ที่บริเวณแยกนางเลิ้ง ในระหว่างนั้นได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนเล็กน้อย เนื่องจากรถของกองทัพธรรมมีเพียง 6 คัน ซึ่งไม่เพียงพอในการรับส่งกลุ่มผู้ชุมนุม จึงทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนต้องรอก่อนที่จะมีรถมารับเพิ่มในภาย
ส่วนบรรยากาศที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ในช่วงเวลา 11.00 น.วันเดียวกันได้มีจ้าหน้าที่ของ กทม.เขตดุสิตกว่า 200 คน มาทำความสะอาดบริเวณสะพานมัฆวานฯ ถนนราชดำเนินนอก เพื่อตรียมพื้นที่รับงานเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันที่ 5 ธ.ค.โดยเบื้องต้นได้ทำการเก็บกระสอบทราย และล้อยางรถยนต์ที่กลุ่มพันธมิตรฯได้วางทำเป็นบังเกอร์ไว้ ที่บริเวณ สี่แยกสวนมิสกวัน
**"จำลอง" ปัดถูกบีบย้ายออกทำเนียบฯ
จากนั้นในเวลา 15.30 น.พล.ต.จำลอง ให้สัมภาษณ์โดยย้ำว่า ตนได้ชี้แจงกับผู้ชุมนุมแล้วว่าจะมีการเคลื่อนกำลังผู้ชุมนุมจากทำเนียบฯ ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งการลดจำนวนผู้ชุมนุมจะทยอยทำ และในคืนวันที่ 1 ธ.ค.นี้จะไม่ให้ผู้ชุมนุมค้างคืนที่ทำเนียบฯ เพราะได้ประเมินกันแล้วว่าอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ ดังนั้น เราจะดูสถานการณ์อีกครั้งว่า จะมีการเคลื่อนไปสุวรรณภูมิหรือดอนเมืองก็ได้
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ถึงขณะนี้เรายังจะไม่คืนทำเนียบฯ ซึ่งมติของแกนนำระบุว่าจะต้องรออีกสักระยะหนึ่ง ส่วนในค่ำคืนวันที่ 1 ธ.ค.นี้ยังมีการ์ดของพันธมิตรฯดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ อย่างไรก็ตาม การที่ทยอยออกจากทำเนียบฯนั้นไม่ใช่ว่าเราถูกบีบ แต่เนื่องจากว่าเราต้องการเปิดพื้นที่ให้กับทหารเดินซ้อมสวนสนาม เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา เพื่อแสดงความจงรักภักดี ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า" พล.ต.จำลอง กล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวต่ออีกว่า การถอนกำลังของผู้ชุมนุมในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับการเจรจากับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและทหารเมื่อวันที่ 30 พ.ย. นอกจากนี้ ในวันนี้ (2 ธ.ค.) จะมีการเปลี่ยนการแถลงข่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิ แทนทำเนียบรัฐบาล
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า แกนนำพันธมิตรฯตกลงกันว่าจะใช้สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นพื้นที่หลักในการชุมนุม ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการคืนพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ หรือจะถอนกำลังคนออกก็ตาม ขอให้ฟังจากแถลงการณ์จากทางแกนนำ
"การลดจำนวนผู้ชุมนุมจากที่ทำเนียบฯ เนื่องจากเราชุมนุมกันอย่างสงบ แต่ผู้ชุมนุมต้องเสี่ยงภัยจากอาวุธสงคราม ตรงนี้ถือว่าเป็นการประจานรัฐบาลที่ทำให้กรุงเทพฯ เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ไม่มีความปลอดภัยกับประชาชน เชื่อว่า การลดจำนวนผู้ชุมนุมจะไม่เกิดความโกลาหล เนื่องจากผู้ชุมนุมได้รับทราบข้อมูลจาก พล.ต.จำลอง แล้ว" นายปานเทพ กล่าว
**"สุริยะใส"โต้ข่าว พธม.คืนทำเนียบฯ
ทางด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าพันธมิตรฯจะมีการคืนทำเนียบรัฐบาลว่า โดยหลักการแล้วที่ประชุมโดย 5 แกนนำพันธมิตรฯยังให้คงการชุมนุมที่ทำเนียบฯไว้อยู่ แต่ให้จำกัดมวลชน โดยจะเน้นให้มีการ์ดคุมไว้ให้มากที่สุด เพื่อป้องกันการโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งการพิจารณายุบพรรคทั้ง 3 พรรคได้แก่พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ใกล้เข้ามานั้นจึงอาจจะมีการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนเเรงขึ้นได้
ดังนั้น เราจะยังมีเวทีปราศรัยเหมือนเดิมแต่จะไม่มีการถ่ายทอดสด รวมทั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยก็จะเป็นชุดเดิม ระบบเดิมจนกว่าจะมีการประสานจากองค์กรข้างนอก เพื่อตรวจสอบในทำเนียบร่วมกับเรา ซึ่งขณะนี้ได้มีการประสานกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนสิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งตัวแทนสื่อมวลชน เพื่อตรวจสอบทุกตึก ทุกอาคารในทำเนียบฯ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น
ส่วนที่มีการประโคมข่าวว่าการยึดทำเนียบฯของพันะมิตรฯได้สร้างความเสียหาย 100-200 ล้านบาทนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในการประสานงานหากเป็นไปได้ในวันนี้ อาจมีการเชิญให้เข้ามาตรวจสอบในทำเนียบฯ รวมถึงตำรวจ ทหาร แม้แต่ตัวแทนของปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย เมื่อทุกฝ่ายมั่นใจแล้วจากนั้นจึงจะเป็นขั้นตอนในการคืนทำเนียบรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุใดจึงมีการผ่อนปรนในทำเนียบฯ นายสุริยะใส กล่าวว่า ความปลอดภัยของผู้ชุมนุมสำคัญที่สุด แม้แต่เราได้พยายามเพิ่มระดับรักษาความปลอดภัย ซึ่งเราไม่ต้องการให้มีคนเจ็บและตายไปมากกว่านี้ ความรับผิดชอบของแกนนำนั้นไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่ากับการรักษาชีวิตของมวลชน เพราะคนเสื้อแดงชัดเจนว่าพร้อมที่จะโจมตีเราและศาลดังนั้นหากไม่พอใจการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในการพิจารณาคดียุบพรรค อาจจะมีการยกพวกไปศาล หรือมาโจมตีพันธมิตรก็เป็นได้ดังนั้นคาดว่าการขนย้ายสิ่งของมวลชนในทำเนียบฯ น่าจะเรียบร้อยภายในวันนี้
เมื่อถามว่า หากมีการเรียกร้องให้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น นายสุริยะใส กล่าวว่า จะมีการเจรจาซึ่งหากการเจรจาไม่เป็นผลและหากจะมีการดำเนินคดีเราก็จะรับผิดชอบไม่หนีไปไหนแน่ แต่ถ้าไม่มีอะไรเสียหายก็ไม่จ่ายเท่านั้นเอง ส่วนการถอนกำลังออกจากดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ยังไม่มีการหารือกับแกนนำ โดยจะรอให้การตัดสินยุบพรรคผ่านไปก่อน
**ตร.ใช้ ฮ.โปรยใบปลิวไล่พันธมิตรฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 17.10 น. ได้มีเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3 ลำบินมาโปรยใบปลิวในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเนื้อหาระบุว่า ประกาศขอความร่วมมือศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีความห่วงใย ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง ทั้งกลุ่มประชาชนที่ชุมนุมอยู่ และประชาชนที่จะเดินทางไปมาบริเวณท่าอาการศยานสุวรรณภูมิ จึงขอความร่วมมือทุกท่าน ขอให้ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ สำหรับประชาชนที่ไม่มีความจำเป็นขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางคมนาคมภายในสุวรรณภูมิและบริเวณใกล้เคียง
เจ้าหน้าที่ตำรวจขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีความประสงค์จะให้เกิดความรุนแรงภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและจะพยายามใช้ความประนีประนอมอย่างที่สุด เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ขอขอบพระคุณในความร่วมมือของพี่น้องประชาชนทุกท่าน...ศูนย์อำนวยการเแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 1 ธ.ค.2551
ส่วนบรรยากาศการชุมนุมที่สนามบินดอนเมืองเป็นไปด้วยความคึกคัก ภายหลังจาก พล.ต.จำลอง ได้ประกาศสละทำเนียบฯทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมทยอยเดินทางมายังสนามบินดอนเมืองมากขึ้น ขณะที่บนเวทีปราศรัยนายไทกร พลศุวรรณ และ น.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์ ได้เปิดเผยกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ได้รับแจ้งจากญาติของ น.ส.โบว์ อายุ 26 ปี ชาว จ.พัทลุง ที่ได้รับบาดเจ็บจากการยิงปืน M 79 เมื่อคืนวันที่ 29 พ.ย.ที่ทำเนียบฯ ซึ่งขณะนี้ได้เสียชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ น.ส.โบว์ จะเสียชีวิต พ่อแม่ได้บริจาคอวัยวะให้กับผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บอีก 6 คน นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า เมื่อใดที่คิดถึงน้องโบว์ก็สามารถมาเยี่ยมคนทั้ง 6 คนได้
นอกจากนี้ ยังมีพระสงฆ์จากสำนักสงฆ์เทพนิมิต อ.ดอนสะเก็ด จ.เชียงใหม่ พระสุทัศน์ สุทัศโน ได้นำพระรอดจาก จ.ลำพูน มาแจกจ่ายให้กับการ์ดพันธมิตรฯเพื่อให้แคล้วคลาดและปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การชุมนุมในช่วงค่ำ พล.อ.ปานเทพ ภูวนาทนุรักษ์ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ขึ้นกล่าวบนเวที ประกาศเรื่องด่วนให้ผู้ชุมนุมทราบว่า สาเหตุที่ให้ผู้ชุมนุม ย้ายมาชุมนุมที่สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากวันที่ 1-5 ธ.ค. อยู่ในช่วงเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีการเปิดพื้นที่ถนนราชดำเนินเพื่อจัดงาน จึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยกับผู้ชุมนุม
ทั้งนี้ การสละทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นการถวายพระเกียรติให้กับในหลวง เนื่องจากทำเนียบรัฐบาลไม่สามารถเป็นที่กดดันรัฐบาลได้อีกแล้ว ฉะนั้น จึงใช้สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิกดดันแทน
**"ปทีป"ยันเน้นเจรจา-ไม่ใช้ความรุนแรง
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ และรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังเรื่อยๆ เราถือนโยบายที่ต้องปฏิบัติด้วยความละมุนละม่อม ไม่ใช้ความรุนแรง ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกฉิน ซึ่งตำรวจไม่ได้ยื้อเวลาแต่เป็นการทำตามขั้นตอนของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เริ่มจากขั้นตอนที่ 1 คือการเจรจา ขั้นตอนที่ 2 ประชาสัมพันธ์ ประกาศให้ทราบโดยทั่ว และขยับขั้นตอนไปเรื่อยตามกฎหมาย ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาว่าต้องทำสำเร็จเมื่อไหร่ โดยเงื่อนเวลาว่าต้องทำอะไรนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมตามสถานการณ์
"ขณะนี้ผมได้ดำเนินการไปตามแผนตามขั้นตอนอยู่ ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐาน ปฏิบัติโดยละมุนละม่อมไม่มีการใช้กำลังรุนแรงเด็ดขาด เชื่อว่าฝ่ายการเมืองไม่ได้เพ่งเล็งหรือมากำหนดเงื่อนเวลา เพราะทุกอย่างมีกฎหมายกำหนด เงื่อนเวลานั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในแต่ละวัน แต่ละสถานการณ์ดูเป็นกรณีไปเช่นกรณีปิดสนามบินสายการบินต่างชาติเดือดร้อน เราก็ใช้ขั้นเจรจาเข้าไปจัดการจนขณะนี้สามารถนำเครื่องบินบินออกได้ 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว" พล.ต.อ.ปทีป กล่าว