xs
xsm
sm
md
lg

ความงดงามบนความสูญเสีย บริจาคใบหน้า-มอบชีวิตใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตอนที่สามีเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ซูซาน วิตแมน ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากในการบริจาคซึ่งไม่ใช่เพียงแค่อวัยวะ แต่ยังรวมถึงใบหน้าของบุคคลอันเป็นที่รัก
และแทบไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ ซูซานกลายเป็นเพื่อนกับเจมส์ มากี้ วัย 59 ปี ผู้รับบริจาคใบหน้าของโจเซฟ เฮล์ฟก็อต มาทดแทนใบหน้าที่เสียโฉมหลังประสบอุบัติเหตุตกจากรถไฟที่วิ่งอยู่
ซูซานพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่คงไม่มีใครอีกแล้วเคยพบเจอ นั่นคือการได้เห็นหน้าสามีที่จากไปไม่มีวันกลับบนร่างของคนอื่น
โจเซฟ วัย 60 ปี พร่ำบอกกับภรรยาว่า หากเขาไม่สามารถรอดชีวิตจากการผ่าตัดหัวใจที่รอมายาวนาน ความปรารถนาสุดท้ายของเขาคือการบริจาคอวัยวะ
แต่หลังจากที่โจเซฟเสียชีวิต แพทย์ถามซูซานว่านอกจากอวัยวะต่างๆ แล้ว เธอจะยินดีบริจาคใบหน้าของสามีหรือไม่
หลังปรึกษากับครอบครัว ซูซานตกลง ใบหน้าของโจเซฟถูกบริจาคให้แก่เจมส์ อดีตทหารผ่านศึกที่ประสบอุบัติเหตุรุนแรงซึ่งทำให้เขาสูญเสียจมูก แก้ม ริมฝีปากบน เพดานปาก ตลอดจนถึงกระดูก กล้ามเนื้อและเส้นประสาทใต้ใบหน้า
ตลอดสามปีที่ผ่านมา เจมส์จากบอสตัน สหรัฐฯ ไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้ เขาไม่สามารถกิน พูด และแทบไม่อยากออกจากบ้านไปไหน
“ชีวิตก่อนหน้านี้มีแต่ความทุกข์ทน ผมรู้ว่าการผ่าตัดอาจทำให้ผมได้มีชีวิตปกติอีกครั้ง มีหน้าย่อมดีกว่าที่จะไม่มีเลย”
หลังจากตัดสินใจรับการปลูกถ่าย เจมส์ต้องเข้าคิวรอรับบริจาคใบหน้านานสามเดือนกว่าจะได้สีผิวที่เกือบเข้ากันได้สนิทกับสีผิวของตัวเองจากโจเซฟ
จมูก ริมฝีปาก สีผิว กล้ามเนื้อและเส้นประสาทของเจมส์ถูกแทนที่ด้วยจมูก ริมฝีปาก สีผิว กล้ามเนื้อและเส้นประสาทของโจเซฟ สี่วันหลังจากนั้น เจมส์พูดถึงความสำเร็จในการผ่าตัดอย่างมีความสุข
“จมูกของผมเกือบจะเหมือนตอนก่อนประสบอุบัติเหตุ”
และเพียงหกสัปดาห์หลังจากการผ่าตัดที่ยาวนาน 17 ชั่วโมง ซูซานได้มาพบผู้ชายที่ได้รับใบหน้าของสามีที่จากไปของเธอเป็นครั้งแรก
สำหรับซูซาน การได้เห็นเจมส์ที่มีใบหน้าของสามีเธอ ไม่ได้แค่เหมือนการมองดูรูปสามี
“จมูกเป็นส่วนที่ชัดเจนมาก เพราะสามีของฉันมีจมูกโด่งสวยแบบคนยิว ส่วนอื่นๆ นอกจากนั้นทำให้เจมส์ดูเหมือนตัวเขาเองมากและเขาก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
สำหรับเจมส์ เขาบอกว่ารู้สึกซาบซึ้งกับน้ำใจของสองสามีภรรยาที่ทำให้เขาได้รับไม่ใช่แค่ใบหน้า แต่เป็นโอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่
“ผมอยากขอบคุณซูซานและโจเซฟสำหรับของขวัญที่มอบให้ผม ผมคงรู้สึกขอบคุณพวกเขาทั้งคู่ไปชั่วชีวิต”
ซูซานเสริมว่า การได้บริจาคใบหน้าของสามีช่วยให้เธอผ่านพ้นความเศร้าโศกได้อย่างอัศจรรย์ และทำให้เธอรู้สึกว่าสามีไม่ได้จากไปไหนไกลนัก
“โจเซฟจากฉันเร็วเกินไป แต่ฉันมีความสุขมากที่ได้พบเจมส์ การปลูกถ่ายทำให้รู้สึกเหมือนโจเซฟยังอยู่กับฉัน และการบริจาคอวัยวะเป็นวิธีผ่านพ้นความเศร้าที่ได้ผลเร็วที่สุด”
กระนั้น ซูซานยอมรับว่าการตัดสินใจบริจาคใบหน้าเป็นเรื่องยากมาก แต่ก็เป็นสิ่งถูกต้องที่ควรทำ
“คุณอาจอยากให้ตัวเองไม่ต้องตัดสินใจเรื่องนี้ แต่คุณจะปฏิเสธโอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของคนอีกคนได้อย่างไร?”
นอกจากนี้ เธอยังคิดว่าสามีที่มักพูดเสมอว่าชีวิตและความรักที่โอบล้อมรอบตัวเป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่ง จะยินดีกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นและการได้มีส่วนร่วมในการปลูกถ่ายใบหน้าที่นับเป็นครั้งที่สองที่เคยเกิดขึ้นในอเมริกา
“เขาคงมีความสุขมาก ถ้าได้รู้ว่าตัวเองจากไปโดยได้ทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น”
กำลังโหลดความคิดเห็น