xs
xsm
sm
md
lg

สภาทนายชี้ชัด"แม้ว"หมิ่นศาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"สมชาย" อ้างล่าชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้"ทักษิณ" เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับพรรค "อนุพงษ์"เผยกำลังหาช่องทางที่จะไม่ให้เกิดวิกฤตจากความขัดแย้ง ตามขอบเขตและหน้าที่ที่จะทำได้ ขณะที่สภาทนายความถอเทปทักษิณโฟนอิน ระบุชัดมีคำพูดหมิ่นศาล พร้อมให้คำปรึกษากองทัพด้านประชาธิปัตย์ เตือนสตินายกฯ ทำงานเพื่อชาติก่อนบ้านเมืองวิกฤติ ค้านแผนขอนิรโทษกรรมให้"แม้ว" ระบุไม่ควรแก้กม.เพื่อคนเพียงคนเดียว เตือนจะมีความรุนแรงอีกระลอกหลังงานพระราชพิธีฯ "สดศรี" มาแปลก การขออภัยโทษอาจต้องส่งศาลรธน.ตีความ เพราะนักโทษอยู่นอกประเทศ "ณัฐวุฒิ" คุยจะมีการจัดรายการความจริงสัญจรอีกแน่ ไม่สนกองทัพจับตาโฟนอิน"แม้ว"

วานนี้ (4 พ.ย.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พรรคพลังประชาชน (พปช.) เตรียมล่ารายชื่อประชาชน เสนอขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง พิพากษาให้จำคุก 2 ปี จากคดี ทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาฯ ว่า พรรคไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่แล้ว เรื่องการล่ารายชื่อ หรือไม่ล่ารายชื่อ เป็นเรื่องส่วนบุคคล มันเป็นการแสดงออกของเขา เป็นความคิดของแต่ละคน จะทำอะไรได้ หรือไม่ได้ สุดท้ายแล้วก็เป็นไปตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าการที่ผู้นำเหล่าทัพได้มีการหารือ และแสดงความเป็นห่วงถึงการโฟนอิน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ในครั้งนี้ นายสมชาย กล่าวว่า เรื่องของการโฟนอิน ตนได้บอกไปแล้วว่า ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบ

**"อนุพงษ์"เผยทหารทำหน้าที่ตามกรอบ

เมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ ที่ ททบ. 5 พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. และ พล.ต.อ.พัชราวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้เดินทางมาร่วมบันทึกเทปอาเศียรวาท เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวามหาราช

ทั้งนี้ พล.อ. ทรงกิตติ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงความห่วงใยของ ผบ.เหล่าทัพ ต่อกรณีที่ พ.ต.ท. ทักษิณ โฟนอินเข้ามาในรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่ระบุว่า ขอพึ่งพระบารมีพระองค์ท่านในการกลับเข้าประเทศไทย โดยย้อนกลับมาถามสื่อมวลชนว่า “สื่อเป็นห่วงหรือไม่”

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองก็ยังคงมีความขัดแย้ง และก็กำลังหาช่องทางที่จะไม่ให้เกิดวิกฤต ในส่วนของกองทัพก็ได้แสดงบทบาทภารกิจของตนเอง พยายามทำในส่วนของตนเอง ไม่ให้เกิดความรุนแรงได้ สำหรับการสื่อสารเรื่องอื่นๆ ก็ได้สื่อสารไปให้สื่อมวลชนได้รับทราบแล้ว

มีรายงานว่า ในช่วงการรออัดเทปนั้น นายกรัฐมนตรี และผบ.เหล่าทัพ ได้หารือถึงการเตรียมสวนอัมพร รองรับการจัดงานสันนิบาต แทนที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย เนื่องจากขณะนี้ พันธมิตรฯ ยังไม่ได้ออกจากทำเนียบรัฐบาล

**แม่ทัพภาค1 ตรวจเข้มวิทยุชุมชน

พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองที่มีการนำสถาบันเบื้องสูงเข้ามาเกี่ยวข้องว่า คงตอบไม่ได้ เพราะเรื่องนี้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เท่านั้นที่จะตอบได้ และเรื่องนี้เป็นเรื่องในระดับข้างบนขึ้นไป ที่ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้พูด ส่วนในการปฏิบัติงานข้างล่าง คือการรักษาความสงบเรียบร้อย เป็นเรื่องของกองทัพภาคที่ 1 ที่จะดูแล

เมื่อถามว่า ขณะนี้กองทัพภาคที่1 ได้รับรายงานหรือไม่ว่า มีวิทยุชุมชนในแท๊กซี่ มีเนื้องหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และปลุกระดมมวลชนหรือไม่ พล.ท.คณิต กล่าวว่า ตนได้ยินข่าวนี้เหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ยินชัดเจน จึงไม่ทราบว่า อยู่ในคลื่นความถี่เท่าไร และคนพูดชื่ออะไร เป็นเพียงแต่ข่าวเท่านั้น ถ้าสื่อทราบรายละเอียดว่าใครเป็นคนพูด หรือคลื่นความถี่เท่าไร มีหลักฐาน และมีเสียงพูด ช่วยบันทึก และส่งมาให้ตนด้วย จะได้ดำเนินการในด้านต่างๆได้

เมื่อถามถึงกรณีที่กองทัพบก มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 1 จัดตั้ง ฉก. 6080 เพื่อดำเนินการติดตามขบวนการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ พล.ท.คณิต กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้อง ไม่อยู่ในอำนาจของตน เมื่อถามว่า มีการสำรวจหรือไม่ว่า วิทยุชุมชนคลื่นใดในเขตรับผิดชอบพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ที่หมิ่นสถาบัน พล.ท.คณิต กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยต่างในพื้นที่กำลังติดตามดู

**สภาทนายถอดเทปทักษิณโฟนอิน

นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ เปิดเผยว่า สภาทนายความพร้อมให้คำปรึกษากับกองทัพในการพิจารณาถอดคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ปราศรัยทางโทรศัพท์(โฟนอิน) มายังรายการความจริงวันนี้สัญจร เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่าจะสามารถดำเนินทางกฎหมายได้หรือไม่ โดยสภาทนายความ มีคณะทำงานอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ส่วนตัวเห็นว่า คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขัดแย้งกันเอง เพราะไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ที่ทำงานภายใต้พระปรมาภิไธย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่กลับจะขอพึ่งพระบารมี

นายเดชอุดม กล่าวด้วยว่ากรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ถึงขั้นตอนที่จะขอพระราชทานอภัยโทษ เพราะการจะขอรับพระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องมารับโทษจำคุกก่อน นอกจากนี้ยังเห็นว่าคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ บางตอนมีลักษณะดูหมิ่นศาล เช่นคำว่า “ ยัดเยียดคุกให้” ซึ่งเรื่องสถาบันเบื้องสูงที่เราทุกคนเคารพเทิดทูน และสถาบันศาล ที่เป็นที่พึ่งสุดท้าย เราต้องช่วยกันดูแล

"พ.ต.ท.ทักษิณ โชคดีแล้วที่รัฐธรรมนูญ ปี 50 ยังเปิดโอกาสให้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ ภายใน 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 20 พ.ย. นี้ แล้วจะมาโอดครวญอะไร ก็ต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม จะมาอ้างว่าเป็นอดีตนายกฯ แล้วจะขอพระราชทานอภัยโทษไม่ได้ นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ทำผิดก็ยังต้องติดคุก ส.ส.พรรคพลังประชาชน ทำไม่เหมาะสม ไม่ใช่หน้าที่ของ ส.ส.ที่จะขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ" นายกสภาทนายความ กล่าว

**"ขุนค้อน"ยันไม่ได้รับใบสั่ง"แม้ว"

นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท. ทักษิณ จะขอพระราชทานอภัยโทษว่า เรื่องนี้ต้องมีการศึกษารายละเอียดทางด้านกฎหมายก่อน และต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่เวลานี้ยังไม่จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยส่วนตัวไม่อยากให้เจาะจงไปที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ต้องดำเนินไปตามขั้นตอนเช่นกัน

นายสมศักดิ์ ปฏิเสธด้วยว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากพ.ต.ท.ทักษิณ ถึงเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ

**ถามจะยกโทษให้คนที่ทุจริตหรือ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ออกมาระบุถึงคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ระบุว่าจะกลับประเทศได้ ต้องอาศัยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ทำให้พระองค์อึดอัด ว่า กองทัพก็ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย แต่ขณะเดียวกันก็มีหน้าที่ดูแลความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยด้วย คงทำเท่าที่ทำได้

"ในประเทศประชาธิปไตย เวลาความอึดอัดทั้งหลายมันเกิดขึ้นในสังคม จากประชาชนบ้าง จากองค์กรต่างๆ นักการเมืองต้องเป็นผู้ตัดสินใจ เพื่อปลดปล่อยไม่ให้เกิดความอึดอัดนั้น เขาทำกันอย่างนี้ทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่มาจากการเลือกตั้ง เขาจะไม่เอาเรื่องของผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นตั้งปีหนึ่งแล้ว มาอ้างเพียงเพื่อจะอยู่ต่อให้ครบวาระ ไม่มีที่ไหนเขาทำกันแบบนี้ โดยเฉพาะประเทศประชาธิปไตย ผมคิดว่าสังคมผ่านอะไรมาเยอะ มีความอดทนสูง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำลายโอกาสของประเทศและประชาชนลงไปทุกวัน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

สำหรับแนวทางการนิรโทษกรรม ให้พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังคิดไม่ออก เพราะเวลาที่มีการนิรโทษกรรม ก็จะเป็นการนิรโทษกรรมความผิดทั่วไปที่เกิดขึ้น จะไปเจาะจงไม่ได้ และคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ใช่คดีการเมือง เป็นคดีผลประโยชน์ขัดกัน ทำผิดกฎหมายทุจริต เป็นคดีอาญา ซึ่งการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ต้องเป็นความผิดที่เฉพาะเจาะจง หรือเป็นความผิดที่ต่อไปนี้ จะไม่ให้เป็นความผิดแล้ว คำถามคือว่า เรื่องผลประโยชน์ขัดกัน เรื่องการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น เราจะยกเว้น หรือยกเลิกหรือ

**โยงมั่วให้เกิดความสับสน

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน ระบุว่า หากจะนิรโทษกรรม จะรวมอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน และแกนนำพันธมิตรฯ ด้วยว่า ตนยังสับสนว่า เป็นความผิดอะไรแน่ เพราะกลายเป็นว่าจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับการนิรโทษกรรม จากคดีที่ดินรัชดา แล้วอยู่ดีๆบอกว่าจะนิรโทษกรรม 111 คน ก็ไม่เข้าใจว่าเกี่ยวข้องอะไรกัน ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นความตั้งใจที่จะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน โดยเอาความผิดที่ถูกตัดสินโดยกระบวนการยุติธรรม มาปะปนกับเรื่องการเมือง ซึ่งมันไม่ใช่

"ผมคิดว่า ยิ่งจุดพลุเรื่องนี้ขึ้นมา ก็ยิ่งทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นความพยายามที่จะทำเพื่อตัวเองเท่านั้น เพราะยิ่งทำให้เห็นว่า ยังมีความพยายาม แผน 1 แผน 2 แผน 3 ไม่ได้ตรงนี้ ก็เอาตรงนั้น ไม่ได้ตรงนั้นก็จะเอาตรงนี้ แต่ความจริงแล้วเป็นความพยายามที่จะแก้ปัญหาตัวเองทั้งสิ้น ไม่ได้มีการเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติ และประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาลเลย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

**ไม่ควรแก้กม.เพื่อคนเพียงคนเดียว

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ แสดงความอึดอัดใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง ว่า การที่ ผบ.เหล่าทัพให้ความเอาใจใส่เรื่องนี้เป็นพิเศษ เป็นเรื่องที่ได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้องแล้ว ทหารเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และของชาติ ดังนั้นต้องดูแลรักษาไม่ให้ใครเข้าไปล่วงละเมิด โดยต้องตรวจสอบและเอาจริงเอาจัง

ทั้งนี้ ตนสังเกตเห็นเหมือนที่ประชาชนสังเกตเห็นคือ ขณะนี้ได้มีคนบางกลุ่มพยายามที่จะดึงสถาบันฯ เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องเคารพเทิดทูนสูงสุด ไม่ควรจะไปก้าวล่วง เพราะฉะนั้นตนขอให้กำลังใจกองทัพ ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง อย่าไปยอมให้ใครล่วงละเมิดได้

"พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันในหลักการมาตลอดว่า กองทัพไม่ควรจะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ที่มีข่าวมีความพยายามเรียกร้องที่จะให้กองทัพเข้ามาปฏิวัติ ยึดอำนาจ เพื่อแก้ไขปัญหาผมดีใจที่เห็นผู้นำเหล่าทัพโดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ ( เผ่าจินดา ผบ.ทบ.) ที่ได้ยืนยันออกมาแน่นอนว่าเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นทหารของชาติ ไม่ใช่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ประสงค์ที่จะเข้ามายึดอำนาจหรือปฏิวัติ ซึ่งผมก็ยืนยันว่า ผบ.ทบ.ทำถูกต้องแล้ว" นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพ ยังกล่าวถึงการล่าชื่อประชาชนเพื่อ ขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ลักษณะท่าทีที่แสดงออกมาทั้งหมดไม่ถูกต้อง ซึ่งเห็นชัดเจนว่า ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเคลื่อนไหว ทั้งการขอพระราชทานอภัยโทษ กับนิรโทษกรรม เพราะการนิรโทษกรรม หมายความว่าต้องออกกฎหมาย ซึ่งกฎหมายที่ตราขึ้นมา ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของคนๆ เดียว แต่ต้องเพื่อประเทศชาติ และประชาชนทั้งชาติ ดังนั้นการจะนิรโทรกรรมโดยตรากฎหมายเป็นพิเศษโดยอาศัยเสียงข้างมากในสภาที่รัฐบาลคุมเสียงอยู่ ถือว่าไม่ถูกต้อง

"ถือเป็นเจตนาที่ไม่สุจริตอยู่แล้ว และไม่บังควรอย่างยิ่ง เพราะศาลได้พิจารณาพิพากษาคดีในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และไม่เคยมีว่า เมื่อศาลมีคำพิพากษาอย่างไรแล้วจะมาดิ้นรนเพื่อถวายฎีกา และกรณีของนายวีระ มุสิกพงศ์ ที่เคยหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก็ต้องเข้าคุกยอมรับโทษก่อน แล้วสำนึกผิด จึงได้ขอถวายฎีกา แต่ในกรณีของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ศาลพิพากษาจำคุก แล้วไม่ยอมรับ แต่หนีออกนอกประเทศ ดังนั้นการจะมาถวายฎี ก็ถือว่าไม่เหมาะสม" นายสุเทพ กล่าว

เมื่อถามว่าจะฝากอะไรถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะที่เคยเป็นเพื่อนกัน นายสุเทพ กล่าวว่า คงฝากไม่ไหวแล้ว เพราะเขาไปไกลเกินจนกู่ไม่กลับแล้ว

**ระวังความรุนแรงหลังพระราชพิธีฯ

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยภายหลังการประชุมวิป ว่าได้วิเคราะห์ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง เมื่อวันที่ 1 พ.ย. โดยเห็นว่าเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเคลื่อนไหว เพื่อให้ได้รับการตอบรับมากขึ้นเท่านั้น แต่ที่น่าวิตกคือ มีการใช้โทรทัศน์ของรัฐเป็นกระบอกเสียงที่ชัดเจน ถือเป็นความเสียหายทางทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งฝ่ายค้านเชื่อว่าจะมีการขยายผลเหตุการณ์วันที่ 1 พ.ย. มากขึ้นอีก โดยผ่านทางเคเบิ้ลทีวี ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ ได้รวบรวมหลักฐานเอาไว้แล้ว เพราะมีการพาดพิงบุคคลสำคัญของพรรคด้วย

ส่วนการที่มีม็อบเสื้อแดงไปล้อมสถานีไทยพีบีเอส ที่ จ.เชียงใหม่ ถือเป็นการกดดันการทำงานของสื่ออย่างรุนแรง ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้เป็นสัญญาณนำสู่ความรุนแรง หลังงานพระราชพิธี

"การสานเสวนาที่หลายฝ่ายเห็นด้วย แต่คงสำเร็จได้ยาก เพราะรัฐบาลไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นปัญหา ประเด็นสำคัญคือ ต้องตั้งคำถามว่าใครคือรัฐบาลที่แท้จริง เป็นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือไม่ แต่วิปฝ่ายค้านเห็นว่า นายสมชาย ไม่มีสถานะเป็นนายกฯ เป็นผู้นำที่แท้จริง เพราะการขับเคลื่อนในรัฐบาล และพรรคพลังประชาชน ถูกกำหนดโดยคนนอกรัฐบาล นายสมชาย เป็นเพียงนายกฯในนามและถูกกระทำพิธีกรรมในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ไม่มีอำนาจตัดสินใจ หรือชี้นำใดๆ ทั้งสิ้น ดูได้จากเหตุการณ์วันที่ 1 พ.ย. ที่ทุกฝ่ายตั้งรับมือกับเหตุการณ์ แต่นายสมชาย กลับไปนอนบ้านภรรยาที่จ.เชียงใหม่ แบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว" นายสาทิตย์ กล่าว

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ปัญหาคือเมื่อไม่มีรัฐบาล และนายกฯ ที่สามารถควบคุมบริหารราชการแผ่นดิน และพรรคการเมืองได้จริง ปล่อยให้คนนอกมาดำเนินการ ความเสียหายที่เกิดขึ้นคนเหล่านั้นก็ไม่ต้องเสนอหน้ารับผิดชอบใดๆ ในการกระทำของตนเอง และนายสมชาย ก็อยู่ในตำแหน่งไปวันๆ โดยที่บ้านเมืองยังมองไม่เห็นทางออก สังคมไทยจะรอปาฏิหาริย์ไม่ได้ เพราะสถานการณ์ครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ทุกคนต้องช่วยกันคิด และการแสดงออกให้แต่ละฝ่ายยอมรับว่า ตัวเองเป็นปัญหา และเข้าสู่กระบวนการแก้ไขเป็นทางออกทางเดียวเท่านั้น ที่สามารถแก้ไขวิกฤตประเทศได้ การปล่อยให้รัฐบาลดำเนินการโดยบอกว่า อยู่ไปอย่างนี้อะไรจะเกิดก็ให้เกิด คนไทยทั่วประเทศ คงรับไม่ได้ การแสดงออกทุกวิถีทาง เพื่อกดดันรัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่มให้ทุกฝ่ายหันมาสู่สันติวิธี เป็นเรื่องจำเป็น ที่ทุกฝ่ายต้องทำก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

**ชี้"แม้ว"มีเจตนาเย้ยศาล

นายเทพไท เสนพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางจากประเทศอังกฤษ มาที่ฮ่องกง เพื่อบัญชาการในการจัดรายการความจริงวันนี้สัญจร ในวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา และเป็นการเดินทางมา เพื่อยั่วยุ เยาะเย้ย กระบวนการยุติธรรมของไทย ว่าไม่มีน้ำยาที่จะจัดการ นำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มาลงโทษได้ จึงอยากเรียกร้องไปยังทุกภาคส่วนในกระบวนการยุติธรรม เพื่อร่วมกันประชุมและบูรณการ หาแนวทาง การจับตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ซึ่งหน่วยงานศาลยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมราชทัณฑ์ และกระทรวงต่างประเทศ จะต้องร่วมกันหาแนวทางดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อให้การบังคับใช้ทางกฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ย้ำเกรงของคนทั่วไป ไม่อยากจะปล่อยให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ทำตัวเป็นนก ที่บินมาเกาะกรงขัง แต่ไม่ยอมบินเข้าไปในกรง สร้างความเจ็บใจให้กับเจ้าของกรง ที่ต้องการจะจับนกตัวนี้มาขังไว้

**"บรรหาร"ตอบไม่ได้หมิ่นฯหรือไม่

นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ตนไม่ได้ฟัง พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอิน เพราะมาไม่ทัน ส่วนเรื่อง ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับประเทศด้วยการขอพระราชทานอภัยโทษนั้น มันก็เป็นกฎธรรมดา ใครก็ตามที่กระทำความผิด ทุกคนก็ขอพระราชทานอภัยโทษได้ แต่มันอยู่ที่ช่วงจังหวะที่เหมาะสมมากน้อยเพียงใด

เมื่อถามว่าเข้าข่ายหมิ่นสถาบันหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนตอบไม่ได้ ต่างคนก็นานาจิตตัง บางคนก็บอกว่าหมิ่น บางคนก็บอกว่าไม่หมิ่น

**จะยื่นฎีกาต้องตอบสังคมให้ได้

นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 กล่าวกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน จะล่ารายชื่อเพื่อยื่นถวายฏีกาขออภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าถือเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน และเชื่อว่าเป็นเจตนาดีของเหล่า ส.ส. อย่างไรก็ตาม หากส.ส.จะดำเนินการยื่นฏีกาดังกล่าว ต้องดูความเหมาะสม และต้องตอบคำถามของสังคมให้ได้

** "สดศรี"แนะส่งศาลรธน.ตีความ

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ในฐานะอดีตผู้พิพากษา กล่าวถึงการที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน เตรียมรวบรวมรายชื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท. ทักษิณ ว่า ในรัฐธรรมนูญปี 50 ได้บัญญัติว่า เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ซึ่งไม่ได้บอกรายละเอียดว่า คดีจะต้องมีคำพิพากษาถึงที่สุด หรือต้องรับโทษจริง จึงขึ้นอยู่กับพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ในทางปฏิบัติที่ตนเคยทราบนั้น เคยมีแต่คดีอาญาที่พิพากษาให้ประหารชีวิต และศาลยืนตามกันมาแล้ว ก็ขอพระราชทานอภัยโทษ

ส่วนเรื่องของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถูกศาลพิพากษาไปแล้ว หากมองในแง่กฎหมายทั่วไปอาจไม่เข้า แต่ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเขียนไว้กว้างมาก รวมทั้งการที่เจ้าตัวอยู่นอกประเทศ จะขอพระราชทานอภัยโทษได้หรือไม่ ในเรื่องนี้อาจจะต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลพิพากษา จำคุก 2 ปี มีความ เหมาะสมจะขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่นางสดศรี กล่าวว่า ต้องถามตัวพ.ต.ท.ทักษิณว่าเหมาะสมหรือไม่ ไม่มีใครบอกแทนได้

ส่วนพรรคการเมืองจะขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เป็นเรื่องของพรรคนั้นๆ กกต.ไม่ใช่ผู้วินิจฉัยว่าพรรคนั้นทำแล้วเหมาะสมหรือไม่ แต่หากมีช่องทางใดก็ควรทำ เพราะหน้าที่ของพรรคการเมืองในรัฐธรรมนูญนั้นกว้างมาก อีกทั้งยังเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ด้วย

เมื่อถามว่า มองในทางกลับกัน ถือเป็นการกดดันพระองค์ท่านหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า มีหลายมาตราเปิดกว้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณา หากเกิดข้อโต้แย้งกัน ส่วนที่พรรคการเมืองจะขอพระราชทานอภัยโทษได้หรือไม่นั้น สภาจะเป็นผู้พิจารณา

**ยันจัด"ความจริงฯสัญจร"อีก

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานะอดีตผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการนำเทปบันทึกภาพการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ มาออกอากาศในรายการความจริงวันนี้ ในคืนนี้ว่า ไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกับผู้จัดรายการ แต่เขามีความคิดที่จะนำมาออกอากาศอยู่แล้ว แต่ต้องดูว่าถึงเวลาจริง จะออกอากาศหรือไม่

ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่าเนื้อหาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดไม่ได้กระทบ หรือสร้างความแตกแยกวุ่นวายอะไรในบ้านเมือง ส่วนที่บอกว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมนั้น ตนคิดว่าต้องแยกให้ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณวิพากษ์กระบวนการยุติธรรมหรือวิพากษ์ศาลสถิตยุติธรรม เพราะถ้าวิพากษ์ศาลสถิตยุติธรรม คิดว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควร

"แต่ถ้าพูดถึงกระบวนการยุติธรรม ที่ดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าท่านมีสิทธิ์ที่จะพูดได้ เพราะกระบวนการยุติธรรมที่ดำเนินการของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นกระบวนการพิเศษที่แตกต่างจากคนอื่นๆ เพราะคนอื่นๆ เขาจะมีตำรวจเป็นพนักงานสอบสวน แล้วก็ไปอัยการ ไปศาล ถ้าผิดก็ไปราชทัณฑ์ แต่ของพ.ต.ท.ทักษิณ พนักงานสอบสวนเป็นของคตส. แล้วมาอัยการ มาศาล แล้วก็อาจจะไปราชทัณฑ์ ซึ่งถ้าต้นทางมีปัญหาปลายทางก็ย่อมมีผลสูงที่อาจจะมีปัญหาด้วย"

เมื่อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายเตรียมฟ้องดำเนินคดี หากมีการนำเทปมาออกอากาศอีก นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่าคนที่ไปนั่งในรายการเลยจุดที่จะกลัวการฟ้องร้องนานแล้ว และพร้อมที่จะรับผิดชอบ อย่างไรก็ตามหากเห็นว่าไม่เหมาะสมก็สามารถดำเนินการตามช่องทางกฎหมายได้

ส่วนบางคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่หลายฝ่ายระบุว่า เป็นการกล่าวถึงเบื้องสูงนั้น โดยส่วนตัวเห็นว่า การระลึกถึงบารมีขององค์พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้สำหรับคนไทยหลายๆ คน ไม่ว่ายามที่มีสุข หรือมีทุกข์ก็ตาม ก็มักที่จะระลึกถึง และแสดงความเทิดทูนในบารมีแห่งพระองค์ท่าน ฉะนั้นคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะมีความหมายเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม การวิจารณ์เรื่องนี้ ก็อย่ามีมุมมอง และความรู้สึกทางการเมืองเจือปน

เมื่อถามว่ารายการความจริงวันนี้สัญจรครั้งที่ 3 จะมีอีกหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เห็นว่าจะมี เพราะช่วงจบงานวันที่ 1 พ.ย. มีการประกาศว่า จะจัดอีกครั้งส่วนจะจัดเมื่อไร ที่ไหน ตนไม่ทราบ รวมทั้งตอบไม่ได้ว่า จะมีการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณอีกหรือไม่ แต่จะมีการจัดงานแน่นอน

เมื่อถามถึงการจับตาเทปของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่อาจจะมีการหมิ่นเหม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กองทัพก็รับผิดชอบในสิ่งที่สังคมไม่สบายใจ อะไรที่อาจจะเกิดความไม่เข้าใจกัน หรือละเมิดกฎหมาย ดังนั้นกองทัพก็ต้องดูแล ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้วิตกกังวลอะไร
กำลังโหลดความคิดเห็น