ทูลเกล้าฯครม. "สมชาย" แล้ว "บิ๊กจิ๋ว"นั่งรองนายกฯ "เหลิม"คุมกระทรวงหมอ "สมชาย" ควบกลาโหม "สุชาติ" คุมคลัง "สมพงษ์" ย้ายไปกระทรวงต่างประเทศ "ศรีเมือง" ดูแลกระทรวงศึกษาฯ "สมชาย" ยันตั้งคนเข้าทำงานตามความรู้ความสามารถ ไม่สนเรื่องกลุ่ม สามารถชี้แจงได้ เมิน"เรืองไกร" คุ้ยบัญชีทรัพย์สินลูกสาว ด้าน"พันธมิตรฯ"ยันไม่เอาครม.ขี้หมูไหล เพราะทั้งแก๊งหมดความชอบธรรมที่จะมาบริหารประเทศชาติแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี หลังจากใช้เวลา 2 วันเต็มเก็บตัวอยู่ภายในบ้านพัก หมู่บ้านเบเวอร์ลี่ฮิลส์ ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อคณะรัฐมนตรี"สมชาย 1" โดยเมื่อเช้าวานนี้ (23 ก.ย.) ยังคงมีนักการเมืองขอเข้าพบหลายคน อาทิ นายสุทิน คลังแสง กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีต ที่ปรึกษานายกฯ (นายสมัคร สุนทรเวช)
ต่อมาเวลา 10.55 น. นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อตรวจความคืบหน้าการจัดเตรียมสถานที่ทำงานของครม. และข้าราชการ
นายสมชาย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้จัดทำบัญชีรายชื่อ ครม.เสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้ส่งไปให้เลขาธิการครม. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พอใจรายชื่อที่ออกมาหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า คิดว่าดีแล้ว คอยดูก็แล้วกัน เพราะบางทีบางคนว่าสวย บางคนก็ว่าไม่สวย ซึ่งก็ไม่เป็นไร หากโปรดเกล้าฯลงมาแล้ว ตนสามารถตอบคำถามได้ และขอให้รอดูเขาทำงานก็แล้วกัน
เมื่อถามว่า การร่างนโยบายจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ก็มีบ้าง ซึ่งจะให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติช่วยดู ว่าที่ทำไว้เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งตอนนี้จะเร่งดูเรื่องนโยบาย
เมื่อถามการเตรียมความพร้อมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงปลายปี ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพ จะทำอย่างไร นายสมชาย กล่าว่า เดิมตนยังไม่ได้รับมาผิดชอบ แต่คิดว่าหลังจากถวายสัตย์ฯแล้ว จะยกหลายๆเรื่อง เช่น เรื่องอาเซียน การประชุมที่จำเป็นต้องไป มาเป็นงานเร่งด่วนที่ต้องทำก่อน ขณะนี้ต้องรอขั้นตอนเวลาก่อน
อีสานพัฒนาตบเท้าพบนายกฯ
ต่อมาเวลา 13.00 น. นายสมชาย เดินทางไปยังเมืองทองธานี และแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน"เก็จแก้ว" ตรงข้ามวัดผาสุกมณีจักร ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนา อาทิ นายไพจิต ศรีวรขาน นายศักดา คงเพชร นายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร รวมทั้งร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน ได้เดินทางมายังบ้านพักของนายสมชาย โดยระบุว่า ต้องการมาแสดงความยินดีกับนายสมชาย ในโอกาสที่รับตำแหน่งนายกฯ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการจัดโผ ครม. และไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า
กระทั่งเวลา เวลา 14.00น. นายสมชาย จึงเดินทางกลับเข้าบ้านพักและได้พบกับ กลุ่มอีสานพัฒนา ซึ่ง ร.ต.ท.เชาวริน ให้สัมภาษณ์หลังได้พบกับนายกฯว่า เป็นการมาให้กำลังใจ และ คุยกันถึงเรื่องการทำงานในสภานิดหน่อย อยากให้ท่านรีบทำงาน ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวว่าต้องรอโปรดเกล้าฯ ตนคิดว่าวันนี้ (24 ก.ย.)คงจะมีการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ ฯ ส่วนเรื่องโผ ครม.ไม่ได้คุยกัน เพราะท่านส่งไปหมดแล้ว
ต่อมาเวลา15.00 น. นายจาง จิ่วหวน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เดินทางเข้าเยี่ยมคาราวะนายสมชาย ในโอกาสรับตำแหน่งนายกฯ คนที่ 26 ของประเทศไทย และเดินทางกลับใน เวลา 15.30 น. โดยนายสมชาย เดินออกมาส่งขึ้นรถ พร้อมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ท่านมาแสดงความยินดี ซึ่งก็ได้เรียนหมือนอย่างที่บอกกับเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากยังไม่ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ส่วนตัวรู้จักเอกอัครราชทูตจีน และเคยคุยกันมาหลายครั้ง ท่านทราบว่าตนเป็นนายกฯ จึงมาแสดงความยินดี
คุยจัดครม.ไม่มีโควต้ากลุ่ม
นายสมชาย ยังกล่าวถึงขั้นตอนการนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ว่า เรียบร้อยแล้ว ทางเลขาธิการ ครม. เป็นผู้ดำเนินการไปแล้ว เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า กลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรีเลย นายสมชาย ตอบว่าไม่ทราบว่าใครเป็นกลุ่มใคร เวลาจัดก็ดูตามความเหมาะสม รายชื่อออกมาก็คอยดูกัน ผู้สื่อข่าวอาจจะรู้ว่าใครอยู่กลุ่มใคร แต่ตนไม่รู้ เมื่อถามว่าหากเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นจริง จะเกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรค หรือการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่มีอะไรกระเพื่อม หากรัฐมนตรีได้รับการโปรดเกล้าฯ ก็ต้องทำงานให้ประชาชน ไม่ต้องห่วง ไม่เกิดปัญหาแน่นอน
"ผมพยายามดูว่า ใครสามารถทำงานตรงไหน เป้าหมายของผมคือ ประชาชน ไม่ใช่กลุ่ม" นายสมชาย กล่าว และว่า สถานการณ์ภายในพรรค ตนสามารถควบคุมได้ เพราะอยู่ร่วมกันมานาน และคิดว่าหลังการถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว จะประชุมครม.ได้ในวันอังคารหน้า (30 ก.ย.)
ไม่สน"เรืองไกร"คุ้ยบัญชีทรัพย์สิน
นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) สอบน.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นบุตรสาว หลังตรวจสอบพบว่า ไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินจำนวนกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูก คตส.อายัดไว้ต่อ ป.ป.ช. ว่า ยังไม่ทราบข้อมูล เนื่องจากบุตรสาวยังไม่ได้นำเรื่องมาหารือ แต่ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะหากเป็นความประมาทของบุตรสาว ก็แก้ไขได้ คงไม่เป็นไร ส่วนกระแสข่าวที่ว่า กรณีดังกล่าวอาจเป็นเกมการการเมืองของฝ่ายตรงข้าม เพื่อดิสเครดิตตนเอง และคนใกล้ชิดหรือมีการตั้งธงเรื่องนี้ไว้แล้วนั้น นายสมชาย กล่าวว่า ไม่รู้ ก็ไปช่วยกันคิดว่าเป็นยังไง
พันธมิตรฯไม่รับครม.ขี้หมูไหล
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข กล่าวถึงครม.ชุดใหม่ว่า เป็นรัฐบาลจับฉาย ฝนตกขี้หมูไหล ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับโผ ครม. ชุดนี้เลย เพราะรัฐบาลที่มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ ได้หมดความชอบธรรมไปแล้ว จึงไม่มีความหวังอะไร ที่ตั้งพรรคเพื่อไทย ขึ้นมา ก็เพื่อรองรับ ส.ส. จากพรรคพลังประชาชน ที่กำลังจะถูกยุบ
"หมดความชอบธรรม ไม่ใช่พูดเพราะลุแก่อำนาจ แต่พูดด้วยหลักนิติธรรม หลักกฎหมาย ผิดแล้วจะอยู่ได้อย่างไร ถ้าประชาชนไทยยังยอมรับรัฐบาล ที่ยกอำนาจอธิปไตยให้กัมพูชา แล้วยังคิดว่าเป็นเรื่องปกติก็แย่ รัฐบาลชื้อเสียงเข้ามา กกต. มีมติต้องยุบพรรค แต่ประชาชนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ผมว่าเป็นเรื่องน่าเศร้า กำลังจะถูกยุบอยู่แล้ว ยังจะมายื่นข้อเรียกร้อง เจราจาผลประโยชน์เพื่อส่วนตัวทั้งที่ไม่มีความชอบธรรมแล้ว เป็นพวกรัฐบาลกบฏ" นายสมศักดิ์กล่าว
สุขุมพงศ์ฟุ้งนายกฯให้ดูแลด้านกม.
นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึง ครม.ชุดใหม่ว่า เท่าที่ดูรายชื่อจากข่าวก็มีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถตรงกับหน้าที่ที่จะทำมากพอสมควร ประชาชนน่าจะรับได้ และขอยืนยันว่านายกฯ เป็นผู้จัดทำรายชื่อครม.ด้วยตนเอง ไม่มีใบสั่งมาจากต่างประเทศ และสิ่งที่รัฐบาลใหม่จะผลักดัน ยังคงเป็นการสานต่อนโยบายจากรัฐบาลที่แล้ว เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาล ยังคงเป็นชุดเดิมประมาณร้อยละ 90 ส่วนที่ปรับปรุงคงเป็นนโยบาย เร่งด่วนในการแก้ไขวิกฤติของชาติ
"ส่วนงานด้านกฎหมาย รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งรัด เนื่องจากรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้รัฐบาลเร่งเสนอกฎหมายหลายฉบับให้เสร็จภายในกำหนดเวลา เพราะบางฉบับได้เกินกรอบเวลาไปแล้ว ส่วนที่พิจารณากฎหมายกันช้า เป็นเพราะรัฐสภามีเอกสิทธิ์ในการพิจารณา อย่างบางฉบับเช่น กฎหมายองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มีการนำเสนอให้กฤษฎีกาตรวจร่างปรากฏว่า กฤษฎีกาตรวจร่างช้า เมื่อรัฐบาลที่แล้วส่งเข้ามาสภา ก็มีปัญหาในสาระสำคัญ จึงต้องถอนออกไป" นายสุขุมพงศ์กล่าว
นายสุขุมพงษ์ ยังกล่าวถึงการต่อรองตำแหน่งในพรรคร่วมรัฐบาลว่า เป็นเรื่องปกติของทุกครั้งที่มีการแต่งตั้ง ครม.ใหม่ เพราะใครๆก็อยาดเป็นรัฐมนตรี แต่เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ว ทุกอย่างคงจะเรียบร้อย โดยนายกฯ จะสามารถทำความเข้าใจกับลูกพรรค และส.ส.ได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา คงไม่มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล
นายสุขุมพงษ์ ยอมรับว่าตนเป็น 1 ในบุคคลที่ถูกคาดหมายว่าจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะได้รับการทาบทามจากนายกฯให้มาช่วยงานด้านกฎหมาย
"ชูศักดิ์"รู้ตัวว่าหลุดวงจร
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาการ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน และประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกระแสข่าวถูกวางตัวให้เป็น รมว.ศึกษาฯว่า ยังไม่มีชื่อ เป็นโผจากสื่อ ซึ่งเข้าใจว่านายกฯ คงมองคนอื่นไว้ ก็ไม่เป็นไร ส่วนตัวคงกลับมาทำงานให้พรรค ดูแลด้านกฎหมายและมาช่วยเรื่องคดียุบพรรค ก็จะได้ทำอย่างเต็มที่ เพราะที่ผ่านมา ทำงานในหน้าที่มา 7 เดือนแล้ว ถึงเวลาพักผ่อนมาช่วยงานพรรค ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไร คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่ผ่านมาก็เหนื่อยเต็มที่แล้ว
เมื่อถามว่าการจัดตั้ง ครม.ครั้งนี้ นายกฯ เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจคนเดียว ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า มีปัจจัยหลายอย่าง ก็มีการหมุนเวียนกันไป คนที่เคยเป็นการผลัดเปลี่ยนเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งได้ทำหน้าที่มา 7 เดือนก็พอแล้ว ซึ่งทราบมาหลายวัน มีการประสานภายในว่า จะไม่มีชื่อใน ครม. เราก็เฉยๆ ปล่อยให้สื่อวิจารณ์กันไป
สำหรับคนที่เข้ามาทำหน้าที่ด้านกฎหมายแทนตนนั้น ทราบมาว่าเป็นนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ก็เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ ขอเอาใจใช่วยให้งานที่ทำเป็นไปด้วยดี
"เติ้ง"สอดรู้ไม่มีสายตรงลอนดอน
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงการกระแสกดดันในการจัดโผ ครม.ว่า เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง เพราะมีพรรคการเมืองเข้าร่วมหลายพรรค สมัยที่ตนจัดยากกว่านี้ เพราะมีถึง 5-6 พรรค ส่วนแรงกดดันที่มาจากคนในพรรคพลังประชาชนนั้น ท่านนายกฯ ต้องเด็ดขาด ดูเหตุผลว่าใครมีความเหมาะสม ส่วนที่มีข่าวว่ามีโทรศัพท์สายตรงจากลอนดอนสั่งการมาถึงนายกฯนั้น ไม่น่าจะมี เพราะเท่าที่ฟังนายกฯ เองก็อยากให้เสร็จโดยเร็ว และอยากให้ราบรื่น โดยนายกฯ จะตัดสินใจเอง
อย่างไรก็ตาม นายบรรหาร ไม่ยอมตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามถึงเรื่อง มีผู้ใหญ่จากพรรคเพื่อแผ่นดิน มาขอความช่วยเหลือให้ช่วยเจรจาขอเก้าอี้รัฐมนตรีจากนายกฯให้ รวมทั้งเรื่องที่นายวราวุธ ศิลปอาชา จะได้เป็น รมช.คมนาคม โดยอ้างว่า ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ
ทั้งนี้นายบรรหารเชื่อว่า รัฐบาลนี้จะสามารถอยู่บริหารงานได้นาน เนื่องจากนายกฯ มีบุคลิกอ่อนโยน ประนีประนอม ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยเฉพาะหลังจากที่มีการโหวตนายกฯแล้ว ท่านก็ไปจับมือขอบคุณผู้นำฝ่ายค้าน และยังประกาศว่า จะออกไปพบผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายฝ่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี
นายบรรหาร ยังแสดงความเป็นห่วงกรณี นายสุชาติ ธาดาดำรงเวช จะมาเป็น รมว.คลัง เพราะเมื่อตอนที่เข้ามาเป็น รมช.คลัง ก็โจมตีแบงก์ชาติไปแล้ว หากมาเป็นรมว.คลัง คิดว่าการบริหารงานอาจจะมีปัญหา ฉะนั้นท่านต้องดูให้รอบคอบ ให้แบงก์ชาติวางตัวเป็นกลาง เป็นตัวของเขาเอง คงไม่น่ามีปัญหา
เมื่อถามว่า จะแสดงความเสียใจกับนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ไม่ได้รับตำแหน่งหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ต้องรอให้เกิดขึ้นก่อน ยังไม่เกิดขึ้น แล้วจะไปดี หรือเสียใจกับใครอย่างไร ให้โปรดเกล้าฯ ก่อน เมื่อถามว่า เรื่องที่อัยการสูงสุดมีมติส่งเรื่องยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว นายบรรหาร กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ผมไม่ตอบ
"สุวิทย์"วืด ส่งลูกน้องแถลงแทน
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ รัฐสภา นพ. อลงกต มณีกาศ ส.ส.นครพนม นายนพดล พลซื่อ ส.ส.ร้อยเอ็ด นายสุชาติ ตันติวณิชชานนท์ ส.ส.อุบลราชธานี นายวิทยา บุตรดีวงค์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อแผ่นดินร่วมกันแถลง กรณีนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ไม่ได้รับตำแหน่งในครม.ชุดใหม่ โดย นพ.อลงกต กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายสุวิทย์ ให้มาแถลงว่า นายสุวิทย์ไม่รับตำแหน่งใดๆในครม.ชุดนี้ เพราะต้องการเห็นการเมืองเดินหน้าไปได้ ลดความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล และระหว่างบางกลุ่มในพรรค
"ท่านมีความคิดตั้งแต่แรกแล้วว่า จะไม่รับตำแหน่ง เพราะต้องการเปิดทางให้บุคคลที่มีความสามารถในพรรคมาช่วยประเทศ ให้นายกฯ มีตัวเลือกหลายทางในการหาคนภายนอกมารับตำแหน่งรองนายกฯ ฉะนั้นการที่ท่านเว้นวรรค ถือเป็นการเสียสละครั้งใหญ่ ทั้งที่ตอนแรก 20 ส.ส.ของพรรคก็สนับสนุน
อย่างไรก็ดี เมื่อนายสุวิทย์ ไม่รับตำแหน่ง ที่ประชุมพรรคจึงมีมติส่ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็น รมว.อุตสาหกรรม ในโควตาของพรรค และพรรคส่งรายชื่อรัฐมนตรีของพรรคให้นายกฯแล้ว เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ย. ทั้งนี้เชื่อว่า การแสดงสปิริตครั้งนี้ของนายสุวิทย์ จะทำให้ความสามัคคีในพรรคดีขึ้น
นพ.อลงกต ยืนยันว่าการที่นายสุวิทย์ไม่ได้รับตำแหน่ง ไม่ใช่ถูกบีบ แต่นายสุวิทย์ บอกตั้งแต่แรกแล้วว่า ไม่อยากรับ แต่เมื่อตอนแรกกรรมการบริหารพรรค และ20 ส.ส.ของพรรคมีมติสนับสนุนให้รับตำแหน่ง นาย สุวิทย์ จึงไม่ปฏิเสธ ภายหลังเมื่อส่งชื่อไปยังนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน แล้วนายสมพงษ์ ส่งกลับมาให้แกนนำมาหารืออีกครั้ง โดยไม่ได้ระบุเหตุผล แต่ก็คงพอทราบกันว่ามี ส.ส.พรรคพลังประชาชน ลงชื่อไม่เอานายสุวิทย์ เป็นรัฐมนตรี นายสุวิทย์ จึงบอกว่า ส่งไปแบบเดิมก็ขัดแย้งอีก จึงเปิดทางให้บุคคลอื่นของพรรค
เมื่อถามว่า เป็นเพราะคนที่ลอนดอน ไม่พอใจนายสุวิทย์ เพราะคราวที่แล้วก็ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลมาแล้วครั้งหนึ่ง นพ.อลงกต กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ทั้งนี้กรณีปราสาทพระวิหาร นายสุวิทย์ อาจเห็นว่า มติครม.ล่อแหลม ขัดรัฐธรรมนูญ เลยประกาศลาออก
"สุชาติ"ยันไม่เอา"สุวิทย์"นั่งในครม.
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคพลังประชาชน กล่าวยืนยันว่า ตนและ ส.ส.อีกจำนวนหนึ่ง ยังยืนยันจุดยืนเดิมที่คัดค้าน นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เข้ามาร่วมใน ครม.ชุดนี้ เพราะเกรงว่าจะสร้างปัญหา และเกิดความไม่เป็นเอกภาพของรัฐบาล เนื่องจากการออกมาประกาศถอนตัวของนายสุวิทย์ เป็นสิ่งที่ยังคาใจในความรู้สึกของ ส.ส.รัฐบาลหลายคน พร้อมกันนี้ อยากให้เป็นอุทธาหรณ์ ให้กับการจัดสรร ครม.ควรเปิดโอกาสให้ ส.ส.ที่กว่าจะผ่านการเลือกตั้งเข้าได้ทำหน้าที่บ้าง ไม่ใช่ว่าเมื่อมีการจัด ครม.คนที่ไปจับมือนายทุน ได้โอกาสดำรงตำแหน่ง โดยที่ ส.ส.ไม่ได้รับการดูแลแก้ปัญหาในพื้นที่อย่างแท้จริง
กลุ่มบ้านริมน้ำโวย"ประสงค์"
นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร นายพิกิฎ ศรีธนะ ส.ส.ยโสธร และนายปุระพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ส.ส.สัดส่วน ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายรณฤทธิชัย กล่าวว่า กลุ่มบ้านริมน้ำ และกลุ่มนายสรุเดช ยะสวัสดิ์ ส.ส.สัดส่วน จำนวน 8 คน ไม่เห็นด้วยที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้เสนอชื่อคนนอกคือ นายประสงค์ โฆษิตานนท์ เป็นรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค ซึ่งมีกระแสข่าวว่า เป็นกระเป๋าเงินของพรรค แต่ไม่รู้เป็นกระเป๋าเงินของใคร ทั้งๆ ที่นายประสงค์ ได้เคยพูดไว้ว่าเป็นคนโลว์โพรไฟล์ ไม่มีความชำนาญในเรื่องการเมือง แต่กลับได้เป็นรัฐมนตรี ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่า เป็นรัฐมนตรีได้อย่างไร เพราะก่อนหน้านี้มีสื่อมวลโทรศัพท์มาสอบถามเหมือนกันว่า มีการซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้น แต่ตนไม่อยากพูดมาก เกรงว่าจะทำให้นักการเมืองเสียหาย
นายรณฤทธิชัย กล่าวด้วยว่าการที่ นพ. อลงกต ออกมาระบุว่าโผครม.ในสัดส่วนของพรรค 4 คน ได้รับความเห็นชอบจาก 20 ส.ส. จึงอยากถามว่า มีใครบ้าง เพราะพรรคเพื่อแผ่นดินมี ส.ส. 24 คน ทางกลุ่มบ้านริมน้ำมี 3 ส.ส. คือ ตน นายพิกิฎ และนายพิเชษ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มของนายสรุเดช ที่มีนายปุระพัฒน์ พร้อมกันนี้ยังมี ม.ร.ว.กิติวัฒนาไชยยันต์ ปกมนตรี นพ.แวมาหะดี แวดาโอะ และนายมานพ ปัตนวงศ์ ส.ส.สัดส่วน รวม 8 คน จึงเหลือส.ส.อีกแค่ 16 คน โดยทางกลุ่มที่ออกมาแถลงข่าวครั้งนี้ เพื่อต้องการความเป็นธรรม เพราะถ้าเอาเก้าอี้รัฐมนตรีมาหารกับสัดส่วนของส.ส. จะพบว่ามีการนำส.ส. 16 คน เสนอขอตำแหน่งรัฐมนตรี 4 ตำแหน่ง แต่เรา ส.ส. 8 คนไม่ได้ตำแหน่งเลย หมายความว่าอย่างไร เราไม่ได้สนใจโควต้าหรือตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ทำไมไม่เลือกคนที่เป็นส.ส.เป็นรัฐมนตรี มีนัยอะไรหรือไม่ ทำไมต้องเอาคนนอกมาเป็นรัฐมนตรี
นายรณฤทธิชัย กล่าวต่อว่า ตามรายชื่อ 4 รัฐมนตรีที่เสนอให้เป็นรัฐมนตรีในโควต้าของพรรคเพื่อแผ่นดิน คือนาย มั่น พัธโนทัย ส.ส.กลุ่มปากน้ำ ซึ่งเป็นโควต้าของผู้ก่อตั้งพรรค พญ.ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี เป็นโควต้าของกลุ่มโคราช พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นโควต้าของ นายพินิจ จารุสมบัติ ขณะที่ นายประสงค์ เป็นโควต้าของใคร ดังนั้น ทางกลุ่มที่มีส.ส. 8 คน ควรจะได้รัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง เพื่อเป็นตัวแทนโดย จะเสนอนายพิเชษ ตันเจริญ เป็นรัฐมนตรี
ตั้งใครเป็นรมต.ต้องชี้แจงได้
นายสาทิตย์ วงศหนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ฝ่ายค้านขอให้นายกรัฐมนตรี แสดงภาวะผู้นำ ในการเร่งจัดคนมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีโดยเร็ว โดยต้องมีหลักคือ รัฐมนตรีที่แต่งตั้งต้องอธิบายได้ว่า มีความเหมาะสมกับตำแหน่งนั้น เพราะเหตุใด เนื่องจากเวลานี้มีข่าวเสนอผลประโยชน์ต่อรองตำแหน่ง ดังนั้นทุกตำแหน่งต้องอธิบายความเหมาะสมได้ และการจัดทำนโยบายของครม. ต้องทำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ด้วย
"เวลานี้นอกจากต้องเร่งตั้งครม. ต้องมีนโยบายที่เหมาะสมด้วย นอกจากนั้นต้องไม่สร้างเงื่อนไข ที่เป็นวิกฤตการเมืองเพื่อซ้ำเติมสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพื่อช่วยอดีตนายกฯ และข่าวใบสั่งจากลอนดอน ที่กระทบความเชื่อมั่นของรัฐบาล หากมีข่าวเช่นนี้ นายกฯ ซึ่งเป็นคนที่มาจากกระบวนการยุติธรรม จะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมนั้นคงไม่จริง" นายสาทิตย์ กล่าว และว่า ฝ่ายค้านไม่สนว่า ร.ต.อ.เฉลิม หรือ พล.อ.ชวลิต จะกลับมาหรือไม่ แต่อยากรู้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม กับพล.อ.ชวลิตเหมาะกับสถานการณ์อย่างไร หรือจะเป็นผู้มาซ้ำเติมวิกฤต เราจะรอให้มีการแต่งตั้งก่อน แล้วเราจะวิจารณ์ ครม.อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี หลังจากใช้เวลา 2 วันเต็มเก็บตัวอยู่ภายในบ้านพัก หมู่บ้านเบเวอร์ลี่ฮิลส์ ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อคณะรัฐมนตรี"สมชาย 1" โดยเมื่อเช้าวานนี้ (23 ก.ย.) ยังคงมีนักการเมืองขอเข้าพบหลายคน อาทิ นายสุทิน คลังแสง กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีต ที่ปรึกษานายกฯ (นายสมัคร สุนทรเวช)
ต่อมาเวลา 10.55 น. นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อตรวจความคืบหน้าการจัดเตรียมสถานที่ทำงานของครม. และข้าราชการ
นายสมชาย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้จัดทำบัญชีรายชื่อ ครม.เสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้ส่งไปให้เลขาธิการครม. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พอใจรายชื่อที่ออกมาหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า คิดว่าดีแล้ว คอยดูก็แล้วกัน เพราะบางทีบางคนว่าสวย บางคนก็ว่าไม่สวย ซึ่งก็ไม่เป็นไร หากโปรดเกล้าฯลงมาแล้ว ตนสามารถตอบคำถามได้ และขอให้รอดูเขาทำงานก็แล้วกัน
เมื่อถามว่า การร่างนโยบายจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ก็มีบ้าง ซึ่งจะให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติช่วยดู ว่าที่ทำไว้เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งตอนนี้จะเร่งดูเรื่องนโยบาย
เมื่อถามการเตรียมความพร้อมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงปลายปี ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพ จะทำอย่างไร นายสมชาย กล่าว่า เดิมตนยังไม่ได้รับมาผิดชอบ แต่คิดว่าหลังจากถวายสัตย์ฯแล้ว จะยกหลายๆเรื่อง เช่น เรื่องอาเซียน การประชุมที่จำเป็นต้องไป มาเป็นงานเร่งด่วนที่ต้องทำก่อน ขณะนี้ต้องรอขั้นตอนเวลาก่อน
อีสานพัฒนาตบเท้าพบนายกฯ
ต่อมาเวลา 13.00 น. นายสมชาย เดินทางไปยังเมืองทองธานี และแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน"เก็จแก้ว" ตรงข้ามวัดผาสุกมณีจักร ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนา อาทิ นายไพจิต ศรีวรขาน นายศักดา คงเพชร นายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร รวมทั้งร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน ได้เดินทางมายังบ้านพักของนายสมชาย โดยระบุว่า ต้องการมาแสดงความยินดีกับนายสมชาย ในโอกาสที่รับตำแหน่งนายกฯ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการจัดโผ ครม. และไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า
กระทั่งเวลา เวลา 14.00น. นายสมชาย จึงเดินทางกลับเข้าบ้านพักและได้พบกับ กลุ่มอีสานพัฒนา ซึ่ง ร.ต.ท.เชาวริน ให้สัมภาษณ์หลังได้พบกับนายกฯว่า เป็นการมาให้กำลังใจ และ คุยกันถึงเรื่องการทำงานในสภานิดหน่อย อยากให้ท่านรีบทำงาน ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวว่าต้องรอโปรดเกล้าฯ ตนคิดว่าวันนี้ (24 ก.ย.)คงจะมีการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ ฯ ส่วนเรื่องโผ ครม.ไม่ได้คุยกัน เพราะท่านส่งไปหมดแล้ว
ต่อมาเวลา15.00 น. นายจาง จิ่วหวน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เดินทางเข้าเยี่ยมคาราวะนายสมชาย ในโอกาสรับตำแหน่งนายกฯ คนที่ 26 ของประเทศไทย และเดินทางกลับใน เวลา 15.30 น. โดยนายสมชาย เดินออกมาส่งขึ้นรถ พร้อมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ท่านมาแสดงความยินดี ซึ่งก็ได้เรียนหมือนอย่างที่บอกกับเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากยังไม่ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ส่วนตัวรู้จักเอกอัครราชทูตจีน และเคยคุยกันมาหลายครั้ง ท่านทราบว่าตนเป็นนายกฯ จึงมาแสดงความยินดี
คุยจัดครม.ไม่มีโควต้ากลุ่ม
นายสมชาย ยังกล่าวถึงขั้นตอนการนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ว่า เรียบร้อยแล้ว ทางเลขาธิการ ครม. เป็นผู้ดำเนินการไปแล้ว เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า กลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรีเลย นายสมชาย ตอบว่าไม่ทราบว่าใครเป็นกลุ่มใคร เวลาจัดก็ดูตามความเหมาะสม รายชื่อออกมาก็คอยดูกัน ผู้สื่อข่าวอาจจะรู้ว่าใครอยู่กลุ่มใคร แต่ตนไม่รู้ เมื่อถามว่าหากเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นจริง จะเกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรค หรือการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่มีอะไรกระเพื่อม หากรัฐมนตรีได้รับการโปรดเกล้าฯ ก็ต้องทำงานให้ประชาชน ไม่ต้องห่วง ไม่เกิดปัญหาแน่นอน
"ผมพยายามดูว่า ใครสามารถทำงานตรงไหน เป้าหมายของผมคือ ประชาชน ไม่ใช่กลุ่ม" นายสมชาย กล่าว และว่า สถานการณ์ภายในพรรค ตนสามารถควบคุมได้ เพราะอยู่ร่วมกันมานาน และคิดว่าหลังการถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว จะประชุมครม.ได้ในวันอังคารหน้า (30 ก.ย.)
ไม่สน"เรืองไกร"คุ้ยบัญชีทรัพย์สิน
นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) สอบน.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นบุตรสาว หลังตรวจสอบพบว่า ไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินจำนวนกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูก คตส.อายัดไว้ต่อ ป.ป.ช. ว่า ยังไม่ทราบข้อมูล เนื่องจากบุตรสาวยังไม่ได้นำเรื่องมาหารือ แต่ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะหากเป็นความประมาทของบุตรสาว ก็แก้ไขได้ คงไม่เป็นไร ส่วนกระแสข่าวที่ว่า กรณีดังกล่าวอาจเป็นเกมการการเมืองของฝ่ายตรงข้าม เพื่อดิสเครดิตตนเอง และคนใกล้ชิดหรือมีการตั้งธงเรื่องนี้ไว้แล้วนั้น นายสมชาย กล่าวว่า ไม่รู้ ก็ไปช่วยกันคิดว่าเป็นยังไง
พันธมิตรฯไม่รับครม.ขี้หมูไหล
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข กล่าวถึงครม.ชุดใหม่ว่า เป็นรัฐบาลจับฉาย ฝนตกขี้หมูไหล ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับโผ ครม. ชุดนี้เลย เพราะรัฐบาลที่มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ ได้หมดความชอบธรรมไปแล้ว จึงไม่มีความหวังอะไร ที่ตั้งพรรคเพื่อไทย ขึ้นมา ก็เพื่อรองรับ ส.ส. จากพรรคพลังประชาชน ที่กำลังจะถูกยุบ
"หมดความชอบธรรม ไม่ใช่พูดเพราะลุแก่อำนาจ แต่พูดด้วยหลักนิติธรรม หลักกฎหมาย ผิดแล้วจะอยู่ได้อย่างไร ถ้าประชาชนไทยยังยอมรับรัฐบาล ที่ยกอำนาจอธิปไตยให้กัมพูชา แล้วยังคิดว่าเป็นเรื่องปกติก็แย่ รัฐบาลชื้อเสียงเข้ามา กกต. มีมติต้องยุบพรรค แต่ประชาชนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ผมว่าเป็นเรื่องน่าเศร้า กำลังจะถูกยุบอยู่แล้ว ยังจะมายื่นข้อเรียกร้อง เจราจาผลประโยชน์เพื่อส่วนตัวทั้งที่ไม่มีความชอบธรรมแล้ว เป็นพวกรัฐบาลกบฏ" นายสมศักดิ์กล่าว
สุขุมพงศ์ฟุ้งนายกฯให้ดูแลด้านกม.
นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึง ครม.ชุดใหม่ว่า เท่าที่ดูรายชื่อจากข่าวก็มีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถตรงกับหน้าที่ที่จะทำมากพอสมควร ประชาชนน่าจะรับได้ และขอยืนยันว่านายกฯ เป็นผู้จัดทำรายชื่อครม.ด้วยตนเอง ไม่มีใบสั่งมาจากต่างประเทศ และสิ่งที่รัฐบาลใหม่จะผลักดัน ยังคงเป็นการสานต่อนโยบายจากรัฐบาลที่แล้ว เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาล ยังคงเป็นชุดเดิมประมาณร้อยละ 90 ส่วนที่ปรับปรุงคงเป็นนโยบาย เร่งด่วนในการแก้ไขวิกฤติของชาติ
"ส่วนงานด้านกฎหมาย รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งรัด เนื่องจากรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้รัฐบาลเร่งเสนอกฎหมายหลายฉบับให้เสร็จภายในกำหนดเวลา เพราะบางฉบับได้เกินกรอบเวลาไปแล้ว ส่วนที่พิจารณากฎหมายกันช้า เป็นเพราะรัฐสภามีเอกสิทธิ์ในการพิจารณา อย่างบางฉบับเช่น กฎหมายองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มีการนำเสนอให้กฤษฎีกาตรวจร่างปรากฏว่า กฤษฎีกาตรวจร่างช้า เมื่อรัฐบาลที่แล้วส่งเข้ามาสภา ก็มีปัญหาในสาระสำคัญ จึงต้องถอนออกไป" นายสุขุมพงศ์กล่าว
นายสุขุมพงษ์ ยังกล่าวถึงการต่อรองตำแหน่งในพรรคร่วมรัฐบาลว่า เป็นเรื่องปกติของทุกครั้งที่มีการแต่งตั้ง ครม.ใหม่ เพราะใครๆก็อยาดเป็นรัฐมนตรี แต่เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ว ทุกอย่างคงจะเรียบร้อย โดยนายกฯ จะสามารถทำความเข้าใจกับลูกพรรค และส.ส.ได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา คงไม่มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล
นายสุขุมพงษ์ ยอมรับว่าตนเป็น 1 ในบุคคลที่ถูกคาดหมายว่าจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะได้รับการทาบทามจากนายกฯให้มาช่วยงานด้านกฎหมาย
"ชูศักดิ์"รู้ตัวว่าหลุดวงจร
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาการ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน และประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกระแสข่าวถูกวางตัวให้เป็น รมว.ศึกษาฯว่า ยังไม่มีชื่อ เป็นโผจากสื่อ ซึ่งเข้าใจว่านายกฯ คงมองคนอื่นไว้ ก็ไม่เป็นไร ส่วนตัวคงกลับมาทำงานให้พรรค ดูแลด้านกฎหมายและมาช่วยเรื่องคดียุบพรรค ก็จะได้ทำอย่างเต็มที่ เพราะที่ผ่านมา ทำงานในหน้าที่มา 7 เดือนแล้ว ถึงเวลาพักผ่อนมาช่วยงานพรรค ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไร คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่ผ่านมาก็เหนื่อยเต็มที่แล้ว
เมื่อถามว่าการจัดตั้ง ครม.ครั้งนี้ นายกฯ เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจคนเดียว ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า มีปัจจัยหลายอย่าง ก็มีการหมุนเวียนกันไป คนที่เคยเป็นการผลัดเปลี่ยนเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งได้ทำหน้าที่มา 7 เดือนก็พอแล้ว ซึ่งทราบมาหลายวัน มีการประสานภายในว่า จะไม่มีชื่อใน ครม. เราก็เฉยๆ ปล่อยให้สื่อวิจารณ์กันไป
สำหรับคนที่เข้ามาทำหน้าที่ด้านกฎหมายแทนตนนั้น ทราบมาว่าเป็นนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ก็เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ ขอเอาใจใช่วยให้งานที่ทำเป็นไปด้วยดี
"เติ้ง"สอดรู้ไม่มีสายตรงลอนดอน
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงการกระแสกดดันในการจัดโผ ครม.ว่า เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง เพราะมีพรรคการเมืองเข้าร่วมหลายพรรค สมัยที่ตนจัดยากกว่านี้ เพราะมีถึง 5-6 พรรค ส่วนแรงกดดันที่มาจากคนในพรรคพลังประชาชนนั้น ท่านนายกฯ ต้องเด็ดขาด ดูเหตุผลว่าใครมีความเหมาะสม ส่วนที่มีข่าวว่ามีโทรศัพท์สายตรงจากลอนดอนสั่งการมาถึงนายกฯนั้น ไม่น่าจะมี เพราะเท่าที่ฟังนายกฯ เองก็อยากให้เสร็จโดยเร็ว และอยากให้ราบรื่น โดยนายกฯ จะตัดสินใจเอง
อย่างไรก็ตาม นายบรรหาร ไม่ยอมตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามถึงเรื่อง มีผู้ใหญ่จากพรรคเพื่อแผ่นดิน มาขอความช่วยเหลือให้ช่วยเจรจาขอเก้าอี้รัฐมนตรีจากนายกฯให้ รวมทั้งเรื่องที่นายวราวุธ ศิลปอาชา จะได้เป็น รมช.คมนาคม โดยอ้างว่า ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ
ทั้งนี้นายบรรหารเชื่อว่า รัฐบาลนี้จะสามารถอยู่บริหารงานได้นาน เนื่องจากนายกฯ มีบุคลิกอ่อนโยน ประนีประนอม ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยเฉพาะหลังจากที่มีการโหวตนายกฯแล้ว ท่านก็ไปจับมือขอบคุณผู้นำฝ่ายค้าน และยังประกาศว่า จะออกไปพบผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายฝ่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี
นายบรรหาร ยังแสดงความเป็นห่วงกรณี นายสุชาติ ธาดาดำรงเวช จะมาเป็น รมว.คลัง เพราะเมื่อตอนที่เข้ามาเป็น รมช.คลัง ก็โจมตีแบงก์ชาติไปแล้ว หากมาเป็นรมว.คลัง คิดว่าการบริหารงานอาจจะมีปัญหา ฉะนั้นท่านต้องดูให้รอบคอบ ให้แบงก์ชาติวางตัวเป็นกลาง เป็นตัวของเขาเอง คงไม่น่ามีปัญหา
เมื่อถามว่า จะแสดงความเสียใจกับนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ไม่ได้รับตำแหน่งหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ต้องรอให้เกิดขึ้นก่อน ยังไม่เกิดขึ้น แล้วจะไปดี หรือเสียใจกับใครอย่างไร ให้โปรดเกล้าฯ ก่อน เมื่อถามว่า เรื่องที่อัยการสูงสุดมีมติส่งเรื่องยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว นายบรรหาร กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ผมไม่ตอบ
"สุวิทย์"วืด ส่งลูกน้องแถลงแทน
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ รัฐสภา นพ. อลงกต มณีกาศ ส.ส.นครพนม นายนพดล พลซื่อ ส.ส.ร้อยเอ็ด นายสุชาติ ตันติวณิชชานนท์ ส.ส.อุบลราชธานี นายวิทยา บุตรดีวงค์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อแผ่นดินร่วมกันแถลง กรณีนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ไม่ได้รับตำแหน่งในครม.ชุดใหม่ โดย นพ.อลงกต กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายสุวิทย์ ให้มาแถลงว่า นายสุวิทย์ไม่รับตำแหน่งใดๆในครม.ชุดนี้ เพราะต้องการเห็นการเมืองเดินหน้าไปได้ ลดความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล และระหว่างบางกลุ่มในพรรค
"ท่านมีความคิดตั้งแต่แรกแล้วว่า จะไม่รับตำแหน่ง เพราะต้องการเปิดทางให้บุคคลที่มีความสามารถในพรรคมาช่วยประเทศ ให้นายกฯ มีตัวเลือกหลายทางในการหาคนภายนอกมารับตำแหน่งรองนายกฯ ฉะนั้นการที่ท่านเว้นวรรค ถือเป็นการเสียสละครั้งใหญ่ ทั้งที่ตอนแรก 20 ส.ส.ของพรรคก็สนับสนุน
อย่างไรก็ดี เมื่อนายสุวิทย์ ไม่รับตำแหน่ง ที่ประชุมพรรคจึงมีมติส่ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็น รมว.อุตสาหกรรม ในโควตาของพรรค และพรรคส่งรายชื่อรัฐมนตรีของพรรคให้นายกฯแล้ว เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ย. ทั้งนี้เชื่อว่า การแสดงสปิริตครั้งนี้ของนายสุวิทย์ จะทำให้ความสามัคคีในพรรคดีขึ้น
นพ.อลงกต ยืนยันว่าการที่นายสุวิทย์ไม่ได้รับตำแหน่ง ไม่ใช่ถูกบีบ แต่นายสุวิทย์ บอกตั้งแต่แรกแล้วว่า ไม่อยากรับ แต่เมื่อตอนแรกกรรมการบริหารพรรค และ20 ส.ส.ของพรรคมีมติสนับสนุนให้รับตำแหน่ง นาย สุวิทย์ จึงไม่ปฏิเสธ ภายหลังเมื่อส่งชื่อไปยังนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน แล้วนายสมพงษ์ ส่งกลับมาให้แกนนำมาหารืออีกครั้ง โดยไม่ได้ระบุเหตุผล แต่ก็คงพอทราบกันว่ามี ส.ส.พรรคพลังประชาชน ลงชื่อไม่เอานายสุวิทย์ เป็นรัฐมนตรี นายสุวิทย์ จึงบอกว่า ส่งไปแบบเดิมก็ขัดแย้งอีก จึงเปิดทางให้บุคคลอื่นของพรรค
เมื่อถามว่า เป็นเพราะคนที่ลอนดอน ไม่พอใจนายสุวิทย์ เพราะคราวที่แล้วก็ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลมาแล้วครั้งหนึ่ง นพ.อลงกต กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ทั้งนี้กรณีปราสาทพระวิหาร นายสุวิทย์ อาจเห็นว่า มติครม.ล่อแหลม ขัดรัฐธรรมนูญ เลยประกาศลาออก
"สุชาติ"ยันไม่เอา"สุวิทย์"นั่งในครม.
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคพลังประชาชน กล่าวยืนยันว่า ตนและ ส.ส.อีกจำนวนหนึ่ง ยังยืนยันจุดยืนเดิมที่คัดค้าน นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เข้ามาร่วมใน ครม.ชุดนี้ เพราะเกรงว่าจะสร้างปัญหา และเกิดความไม่เป็นเอกภาพของรัฐบาล เนื่องจากการออกมาประกาศถอนตัวของนายสุวิทย์ เป็นสิ่งที่ยังคาใจในความรู้สึกของ ส.ส.รัฐบาลหลายคน พร้อมกันนี้ อยากให้เป็นอุทธาหรณ์ ให้กับการจัดสรร ครม.ควรเปิดโอกาสให้ ส.ส.ที่กว่าจะผ่านการเลือกตั้งเข้าได้ทำหน้าที่บ้าง ไม่ใช่ว่าเมื่อมีการจัด ครม.คนที่ไปจับมือนายทุน ได้โอกาสดำรงตำแหน่ง โดยที่ ส.ส.ไม่ได้รับการดูแลแก้ปัญหาในพื้นที่อย่างแท้จริง
กลุ่มบ้านริมน้ำโวย"ประสงค์"
นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร นายพิกิฎ ศรีธนะ ส.ส.ยโสธร และนายปุระพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ส.ส.สัดส่วน ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายรณฤทธิชัย กล่าวว่า กลุ่มบ้านริมน้ำ และกลุ่มนายสรุเดช ยะสวัสดิ์ ส.ส.สัดส่วน จำนวน 8 คน ไม่เห็นด้วยที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้เสนอชื่อคนนอกคือ นายประสงค์ โฆษิตานนท์ เป็นรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค ซึ่งมีกระแสข่าวว่า เป็นกระเป๋าเงินของพรรค แต่ไม่รู้เป็นกระเป๋าเงินของใคร ทั้งๆ ที่นายประสงค์ ได้เคยพูดไว้ว่าเป็นคนโลว์โพรไฟล์ ไม่มีความชำนาญในเรื่องการเมือง แต่กลับได้เป็นรัฐมนตรี ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่า เป็นรัฐมนตรีได้อย่างไร เพราะก่อนหน้านี้มีสื่อมวลโทรศัพท์มาสอบถามเหมือนกันว่า มีการซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้น แต่ตนไม่อยากพูดมาก เกรงว่าจะทำให้นักการเมืองเสียหาย
นายรณฤทธิชัย กล่าวด้วยว่าการที่ นพ. อลงกต ออกมาระบุว่าโผครม.ในสัดส่วนของพรรค 4 คน ได้รับความเห็นชอบจาก 20 ส.ส. จึงอยากถามว่า มีใครบ้าง เพราะพรรคเพื่อแผ่นดินมี ส.ส. 24 คน ทางกลุ่มบ้านริมน้ำมี 3 ส.ส. คือ ตน นายพิกิฎ และนายพิเชษ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มของนายสรุเดช ที่มีนายปุระพัฒน์ พร้อมกันนี้ยังมี ม.ร.ว.กิติวัฒนาไชยยันต์ ปกมนตรี นพ.แวมาหะดี แวดาโอะ และนายมานพ ปัตนวงศ์ ส.ส.สัดส่วน รวม 8 คน จึงเหลือส.ส.อีกแค่ 16 คน โดยทางกลุ่มที่ออกมาแถลงข่าวครั้งนี้ เพื่อต้องการความเป็นธรรม เพราะถ้าเอาเก้าอี้รัฐมนตรีมาหารกับสัดส่วนของส.ส. จะพบว่ามีการนำส.ส. 16 คน เสนอขอตำแหน่งรัฐมนตรี 4 ตำแหน่ง แต่เรา ส.ส. 8 คนไม่ได้ตำแหน่งเลย หมายความว่าอย่างไร เราไม่ได้สนใจโควต้าหรือตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ทำไมไม่เลือกคนที่เป็นส.ส.เป็นรัฐมนตรี มีนัยอะไรหรือไม่ ทำไมต้องเอาคนนอกมาเป็นรัฐมนตรี
นายรณฤทธิชัย กล่าวต่อว่า ตามรายชื่อ 4 รัฐมนตรีที่เสนอให้เป็นรัฐมนตรีในโควต้าของพรรคเพื่อแผ่นดิน คือนาย มั่น พัธโนทัย ส.ส.กลุ่มปากน้ำ ซึ่งเป็นโควต้าของผู้ก่อตั้งพรรค พญ.ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี เป็นโควต้าของกลุ่มโคราช พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นโควต้าของ นายพินิจ จารุสมบัติ ขณะที่ นายประสงค์ เป็นโควต้าของใคร ดังนั้น ทางกลุ่มที่มีส.ส. 8 คน ควรจะได้รัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง เพื่อเป็นตัวแทนโดย จะเสนอนายพิเชษ ตันเจริญ เป็นรัฐมนตรี
ตั้งใครเป็นรมต.ต้องชี้แจงได้
นายสาทิตย์ วงศหนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ฝ่ายค้านขอให้นายกรัฐมนตรี แสดงภาวะผู้นำ ในการเร่งจัดคนมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีโดยเร็ว โดยต้องมีหลักคือ รัฐมนตรีที่แต่งตั้งต้องอธิบายได้ว่า มีความเหมาะสมกับตำแหน่งนั้น เพราะเหตุใด เนื่องจากเวลานี้มีข่าวเสนอผลประโยชน์ต่อรองตำแหน่ง ดังนั้นทุกตำแหน่งต้องอธิบายความเหมาะสมได้ และการจัดทำนโยบายของครม. ต้องทำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ด้วย
"เวลานี้นอกจากต้องเร่งตั้งครม. ต้องมีนโยบายที่เหมาะสมด้วย นอกจากนั้นต้องไม่สร้างเงื่อนไข ที่เป็นวิกฤตการเมืองเพื่อซ้ำเติมสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพื่อช่วยอดีตนายกฯ และข่าวใบสั่งจากลอนดอน ที่กระทบความเชื่อมั่นของรัฐบาล หากมีข่าวเช่นนี้ นายกฯ ซึ่งเป็นคนที่มาจากกระบวนการยุติธรรม จะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมนั้นคงไม่จริง" นายสาทิตย์ กล่าว และว่า ฝ่ายค้านไม่สนว่า ร.ต.อ.เฉลิม หรือ พล.อ.ชวลิต จะกลับมาหรือไม่ แต่อยากรู้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม กับพล.อ.ชวลิตเหมาะกับสถานการณ์อย่างไร หรือจะเป็นผู้มาซ้ำเติมวิกฤต เราจะรอให้มีการแต่งตั้งก่อน แล้วเราจะวิจารณ์ ครม.อีกครั้ง