“พัชรวาท” เครียด เข้าให้ข้อมูลซื้อขายตำแหน่งต่อ อนุ ก.ตร.เลี่ยงตอบคำถามหนีสื่อ ขณะที่ รอง ผกก.เมืองเพชรบุรี พยานปากเอกของนายศิริโชค ยันถูกย้ายไม่เป็นธรรมหลายครั้ง ครวญอาวุโสอันดับต้นถูกรุ่นน้องย้ายข้ามหัว วอนอนุ ก.ตร.สอบเส้นทางการเงินผู้ถูกโยกย้าย เชื่อหากมีการสั่งย้ายผู้มีอำนาจออกพื้นที่อาจมีพยานออกมาให้ข้อมูลการซื้อขายตำแหน่ง
วันนี้ (21 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อนุ ก.ตร.ชุดพิเศษ ตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งมีนายสมศักดิ์ บุญทอง ประธานอนุ ก.ตร. เข้าประชุมโดยพร้อมเพรียงกันที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยวันนี้ คณะอนุ ก.ตร.เชิญ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร., พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก., พล.ต.ท.อัศวิน ณรงค์พันธ์ ผบช.ภ.2, พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.3 และ พ.ต.ท.วีระยศ ชื่นกลิ่นธูปศิริ รอง ผกก.ป.สภ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นพยานปากเอกที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อ้างถึงในเอกสารที่ส่งให้คณะอนุ ก.ตร.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ได้เข้าให้ข้อมูลตั้งแต่เวลา 10.10 น. จนถึงเวลา ประมาณ 11.15 น. ก่อนกลับออกมาได้พูดคุยกับ พล.ต.ท.อำนวย ดิษฐ์กวี หนึ่งในคณะอนุ ก.ตร.ประมาณ 10 นาที ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นได้เดินเลี่ยงผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวไปอย่างรวดเร็ว โดยปฏิเสธที่ให้จะสัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ก่อนเดินขึ้นลิฟต์ไปยังสำนักงานทันที
ด้าน พ.ต.ท.วีระยศ กล่าวก่อนให้ข้อมูลกับคณะอนุ ก.ตร.ว่า ตลอดชีวิตการรับราชการตำรวจนั้น มีการโยกย้ายไปประจำที่ต่างๆ อย่างไม่เป็นธรรมหลายครั้ง อย่างการแต่งตั้งครั้งที่ผ่านมา ตนดำรงตำแหน่งรอง ผกก.มีลำดับอาวุโสเป็นที่ 3 ของ บช.ภ.7 ปรากฏว่าคนที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผกก. กลับเป็นอาวุโสอันดับ 4 ซึ่งตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้ง กำหนดว่า ผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ให้พิจารณาอาวุโส 25 % ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ อาวุโสลำดับที่ 1-3 จะต้องได้ขึ้น แต่ปรากฏว่าผู้ที่ได้ขึ้นคือ อาวุโสลำดับ 4 ลำดับ 53, 72, 87, 93, 107, 108 และ 191 ซึ่งรายสุดท้าย ตอนสมัยที่ตนเป็นรองผกก.สภ.อ.โพธิ์แก้ว นายตำรวจนายนี้ ยังดำรงตำแหน่ง รองสารวัตร ยศ ร.ต.อ. จากนั้นวันที่ 5 ธ.ค.2551 ตนจึงได้ร้องขอความเป็นธรรมเรื่องดังกล่าว ถึงประธาน ก.ตร. ผ่านเลขา ก.ตร.
“การแต่งตั้งของ บช.ภ.7 ใช้หลักเกณฑ์อะไร ผมอาวุโสอันดับต้นๆ แต่ปรากฏว่าตำรวจรุ่นน้องที่ด้อยอาวุโสกว่าได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งเป็นการแต่งตั้งข้ามหัว ผมอยากถามว่าคนที่ถูกข้ามหัวเขาผิดอะไรจึงไม่ได้รับการพิจารณา” พ.ต.ท.วีระยศ กล่าว
พ.ต.ท.วีระยศ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนได้รับการร้องเรียนว่าในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจครั้งที่ผ่านมา มีการใช้เงินใช้ทองในการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้ตำแหน่ง อย่างกรณีระดับสารวัตรหากต้องการอยู่ในพื้นที่ดีๆ โรงพักเกรดเอ ต้องใช้เงิน 3-4 แสนในการวิ่งเต้นอยู่ที่เดิม แต่หากต้องการย้ายก็ต้องเพิ่มเงินอีก 2 แสน ซึ่งการวิ่งเต้นต้องวิ่งผ่านผู้มีอำนาจใน บช.ภ.7 ระดับนายพล แต่ตนขอไม่บอกว่าเป็นใคร จากที่กล่าวมาแสดงให้เห็นว่าไม่มีความเป็นธรรมต่อข้าราชการตำรวจที่ตั้งใจทำงานปฎิบัติหน้าที่แต่ไม่มีเงินที่จะวิ่งเต้น
พ.ต.ท.วีระยศ กล่าวว่า หลักฐานที่เป็นใบเสร็จคงไม่มี เช่นเดียวกับเวลาที่นักการเมืองซื้อเสียง เขาคงไม่มีใบเสร็จให้มาเอาผิดได้ในภายหลัง ขณะเดียวกัน คนที่จ่ายเงินและคนที่รับเงินคงไม่ออกมาแสดงตัวหรอก จึงเป็นหน้าที่ของคณะอนุ ก.ตร.ที่ต้องไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน การกู้หนี้ยืมสินของผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้าย เพื่อที่จะได้ทราบว่ามีการใช้เงินไปมากน้อยเท่าไหร่ในฤดูกาลโยกย้าย รวมถึงต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้บังคับบัญชาของผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งด้วย
พ.ต.ท.วีระยศ กล่าวต่อว่า ที่มาวันนี้เพราะคณะอนุ ก.ตร.เรียกมาให้ข้อมูล เนื่องจากนายศิริโชคมีการอ้างถึงตน โดยก่อนหน้านี้ตนเคยร้องขอความเป็นธรรมต่อ ก.ตร.แล้ว แต่ไม่ได้รับคำตอบว่าจะเยียวยาอย่างไร ตนถึงถ่ายเอกสารร้องเรียนดังกล่าวให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นประธาน ก.ตร. แต่ก็ไม่รับคำตอบอีก จึงสำเนาหนังสือดังกล่าวให้กับนายกฯ ผ่านนายศิริโชค ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดกับนายกฯ เพื่อให้แก้ไขปัญหา เพราะการโยกย้ายครั้งที่ผ่านมาก็ไม่ได้รับการแก้ไขและจะมีโยกย้ายครั้งใหม่อีกแล้ว ซึ่งตอนนี้เริ่มมีนายตำรวจรุ่นน้องเล่าให้ฟังว่า เริ่มวางมัดจำกันแล้ว
เมื่อถามว่า ในวันนี้มีหลักฐานสำคัญอะไรมายื่นให้คณะอนุ ก.ตร. พ.ต.ท.วีระยศ กล่าวว่า เป็นหลักฐานเดิม คือ หนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่ตนเคยยื่นไปก่อนหน้านี้ และข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับการบอกเล่าต่อๆ กันมาจากรุ่นน้อง ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งครั้งที่แล้ว ซึ่งพยานเองก็คงไม่มีใครกล้ามายืนยัน เพราะคนมีอำนาจยังอยู่ในพื้นที่ หากมีการสั่งย้ายผู้มีอำนาจในพื้นที่ก็อาจมีพยานมาให้ข้อมูลก็ได้
อย่างไรก็ตาม ตนตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนแต่งตั้งโยกย้าย ทำไมถึงมีแฟกซ์จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงผบก.จว.นครปฐม ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.7 และผบ.ตร. ในแฟกซ์ดังกล่าวมีรายชื่อยศ พ.ต.ท.จำนวน 4 นาย ในนี้มีชื่อตนรวมอยู่ด้วย จึงคิดว่าการแต่งตั้งดังกล่าวน่าจะมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
พ.ต.ท.วีระยศ กล่าวถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กล่าวในสภาว่า มีนายตำรวจชื่อ “อีจ๋อย” อยู่เบื้องหลังจากซื้อขายตำแหน่งว่า ทุกคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสื่อมวลชนคงรู้จักกันดี เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับคนที่มีอำนาจ มีพฤติกรรมผิดเพศ ผิวขาว รูปร่างสันทัด สูงวัย ใกล้ปลดเกษียณ โดยส่วนตัวไม่เคยสัมผัสกับนายตำรวจนายนี้ แต่ก่อนหน้านี้สมัยที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. กำกับดูแลบช.ภ. 7 เดินทางไปประชุมที่บช.ภ. 7 มีการพูดคุยในวงตำรวจกันว่า หากต้องการเลื่อนตำแหน่ง ต้องเสียเงินให้คนนี้ หากไม่เสียเงินก็เสียตัว แต่ไม่ได้พูดกันว่าเป็น “อีจ๋อย”หรือเปล่า
ด้านพล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาให้ข้อเท็จจริงกับคณะอนุก.ตร. ว่าขั้นตอนการพิจารณาแต่งตั้งของ บช.ก. ได้ดำเนินการไปตามกฎ ก.ตร.และระเบียบที่เกี่ยวข้องหรือไม่ โดยยอมรับว่าการแต่งตั้ง โยกย้ายจะมีการแนะนำกันมาบ้าง เป็นลักษณะของการแนะนำของผู้บังคับบัญชาระดับสูงและอดีตผู้บังคับบัญชา แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ ซึ่งพิจารณาตามหลักเกณฑ์และประวัติการทำงานด้วยอยู่แล้ว ยืนยันกระบวนการทุกอย่างดำเนินการอย่างโปร่งใส ท้งนี้ยืนยันว่า ไม่มีใบสั่งจากนักการเมือง เพราะนักการเมืองทำเช่นนั้นไมได้ ผิดกฎหมาย