ผู้จัดการรายวัน - มติ"พลังแม้ว" ดัน"หอกหัก" เป็นนายกฯ อีกรอบ เจ้าตัวสุดด้าน ประกาศขอบคุณที่ยังไว้วางใจ อ้างต้องทำหน้าที่รักษาประชาธิปไตย แม้ลูก-เมียจะไม่เห็นด้วย ยันใช้ ครม.ชุดเดิม ไม่สนศาลอุทธรณ์ ตัดสินคดี 25 ก.ย.นี้ ส่วน 5 พรรคร่วม ยังกอดคอร่วมอุดมการณ์ขายชาติต่อไป ด้าน "อีสานพัฒนา" ยันไม่เอา"หมัก" ขู่โหวตสวน "อภิสิทธิ์" จี้ 6 พรรคร่วมชี้แจงเหตุผลต่อสังคม หากยังดึงดันจับมือกันต่อไป ผบ.ทบ.จี้เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้รัฐบาลแห่งชาติเหมาะสม
หลังจากเกิดกระแสความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชาชน รวมทั้งความเห็นที่แตกต่างระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ในการเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการโหวตกันในวันนี้ (12 ก.ย.) โดยในพรรคพลังประชาชนนั้น กลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ หรือ"แก๊งออฟโฟร์" ยังคงยืนยันที่จะสนับสนุนให้นายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่กลุ่ม ส.ส.ภาคเหนือ ที่อยู่ในสายของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นายยงยุทธ ติยะไพรัชและกลุ่มอีสานพัฒนา ไม่เห็นด้วย โดยเห็นว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ มีความเหมาะสมมากกว่า เช่นเดียวกับท่าทีของพรรคชาติไทย และพรรคประชาราช ก็อยากร่วมรัฐบาล แต่ไม่เอานายสมัคร
ดังนั้น เมื่อเวลา 10.00น.วานนี้ (11ก.ย.) จึงได้มีการประชุมพรรคพลังประชาชน โดยมีบรรดารัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนหัวหน้ากลุ่มต่างๆ เข้าร่วมโดยพร้อมเพรียง อาทิ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กลุ่มแก๊งออฟโฟร์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รักษาการ รมช.คมนาคม ประธานภาคอีสาน และแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รักษาการ รมว.วัฒนธรรม และหัวหน้ากลุ่มขุนค้อน นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ รักษาการ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รองประธานภาคเหนือ รวมทั้ง ส.ส.จากทุกกลุ่ม ทุกภาค เพื่อพิจารณาบุคคลที่พรรคจะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีนายสุวัตน์ วรรณศิริกุล รองหัวหน้าพรรคฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม
อย่างไรก็ตาม ปรากฎว่าแกนนำคนสำคัญ อาทิ นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ กลับไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย และหลังการประชุมก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเสนอใครเป็นนายกรัฐมนตรี
**ใครนายกฯรอใบสั่งจากลอนดอน
ทั้งนี้ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ก่อนเข้าประชุม ซึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกนายกฯ ต้องฟังสายตรงจากลอนดอน ในการตัดสินใจด้วยหรือไม่ ซึ่งนายสุทินตอบว่า ก็ต้องเอามาประกอบ ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง และต้องฟังเสียงคนไทย ที่อยู่ในลอนดอนด้วย
**ชท.ยังเข้าร่วม แต่ไม่เอา"หอกหัก"
ส่วนที่พรรคชาติไทย นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ก็ได้เรียกประชุมผู้บริหาร และ ส.ส.ของพรรคแต่เช้า เพื่อหารือถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนมาทาบทาม เข้าร่วมรัฐบาลโดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้น นายเอกพจน์ ปานแย้ม โฆษกพรรคชาติไทย แถลงชว่า พรรคชาติไทย ยินดีและพร้อมเข้าร่วมรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชาชน เป็นแกนนำต่อไป ส่วนการสรรหาชื่อนายกฯ เป็นหน้าที่ของพรรคพลังประชาชน เป็นผู้คัดเลือก ซึ่งขณะนี้พรรคพลังประชาชน ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร จึงต้องรอผลสรุปว่า เขาจะเสนอชื่อใคร และเมื่อทราบชื่อแล้ว พรรคชาติไทย จะนัดประชุมกันอีกครั้ง ในเวลา 07.30 น. วันนี้ (12ก.ย.) ที่รัฐสภา ก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกฯ
รายงานข่าวแจ้งว่าในที่ประชุมพรรค นายบรรหาร ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกพรรคแสดงความเห็น หากพรรคพลังประชาชน เสนอชื่อนายสมัคร กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง ซึ่งสมาชิกพรรคชาติไทย ทุกคนได้ลุกขึ้นพูดเปิดใจไปในแนวทางเดียวกันว่า ไม่ต้องการนายสมัคร โดยขอให้เห็นแก่สถานภาพของสังคม และเพื่อเป็นการลดความขัดแย้งในบ้านเมือง ซึ่งมีสมาชิกพรรคบางคนถึงกับเสนอว่า ถ้าพรรคพลังประชาชน ยังยืนยันที่จะเสนอนายสมัครเป็นนายกฯอีก ก็ขอให้พรรคชาติไทยถอนตัวออกจากการ ร่วมรัฐบาล
**รัฐบาลแห่งชาติเกิดยาก
ด้านนายบรรหาร ให้สัมภาษณ์ ภายหลังการประชุมพรรคว่า พรรคชาติไทย มีมติเห็นด้วยที่จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน และเช้าวันที่ 12 ก.ย. ก็จะประชุมพรรคกันอีกครั้งหลังจากที่พรรคพลังประชาชนส่งชื่อนายกฯ มาให้ทราบ ซึ่งจะเป็นใครตอนนี้ตอบไม่ได้ เพราะเขายังไม่บอกมา พรรคจะคุยในช่วงเช้าอีกครั้ง
เมื่อถามว่า ถ้าเป็นบุคคลที่เห็นว่าไม่ใช่ มติพรรคร่วมรัฐบาลไปแล้ว อาจจะเปลี่ยนใช่หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ต้องหารือกันอีกครั้ง ซึ่งการแถลง 6 พรรคร่วมรัฐบาล ยินดีที่จะเข้าร่วมรัฐบาลเท่านั้น แต่ไม่เกี่ยวกับตัวบุคคล และตอนนี้ในพรรคพลังประชาชน กำลังสู้กันไม่จบ ไปติดตามตรงนั้นดีกว่า
**"เหวียง"ยันร่วมแน่ ไม่เกี่ยงนายกฯ
เวลา 10.30 น. วันเดียวกันนี้ พล.อ. เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พร้อมด้วย สมาชิกพรรคได้มีการประชุมถึงท่าทีการร่วมรัฐบาลโดยหลังการประชุม พล.อ. เชษฐา ยืนยันจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน โดยยึดหลักว่า พรรคใดได้เสียงข้างมาก ต้องเป็นแกนกลางในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนนายกรัฐมนตรี จะเป็นใครก็ได้ ขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชาชน
** 6 พรรคยังเกาะกันแน่น
ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ บรรดา 6 แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ประกอบด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตัวแทนพรรคพลังประชาชน นางอุไรวรรณ เทียนทอง ตัวแทน พรรคประชาราช นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ตัวแทนพรรคชาติไทย พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ตัวแทนพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ตัวแทนพรรคมัชฌิมาธิปไตย และ ร.ต.(หญิง) ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ตัวแทนพรรคเพื่อแผ่นดิน ร่วมแถลงข่าว ยันยันร่วมจัดตั้งรัฐบาล
โดยนายสมชาย กล่าวว่า พรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 5 พรรค ได้หารือกันในเบื้องต้นแล้ว ยืนยันว่า จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง โดยให้พรรคพลังประชาชน เป็นแกนนำ ในการเสนอชื่อนายกฯ คนใหม่ ส่วนจะเป็นใคร พรรคจะหารือกันอีกครั้ง แล้วเลขาธิการพรรคพลังประชาชน จะเป็นผู้ประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรค เพื่อแจ้งให้ทราบว่า จะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ
นางอนงค์วรรณ กล่าวว่า พรรคมัชฌิมาฯ ไม่ได้คิดถึงเรื่องบุคคล เรายึดถือในหลักการ ทางพรรคมัชฌิมาธิปไตย จะยังสนับสนุนพรรคพลังประชาชน ที่เป็นแกนนำ และเราจะให้เกียรติพรรคพลังประชาชน เสนอชื่อนายกฯ
นางอุไรวรรณ กล่าวว่า พรรคประชาราช ยืนยันในการที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคพลังประชาชน เป็นพรรคแกนนำคัดสรรคนมาเป็นนายกฯ เพื่อที่จะให้สภาผู้แทนราษฎร ลงมติคัดเลือก
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พรรคชาติไทย ตระหนักถึงความสำคัญ และจำเป็นที่ประเทศจะต้องมีรัฐบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในการบริหารประเทศ ซึ่งปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีรัฐบาล พรรคชาติไทย ให้เกียรติพรรคที่มีเสียงข้างมากในการหาตัวนายกฯก่อน ส่วนตัวบุลคลที่จะมาเป็นนายกฯ ที่พรรคพลังประชาชน สรรหามา พรรคชาติไทย เห็นว่าน่าจะเหมาะสม และน่าจะคลี่คลายสถานการณ์ได้ ซึ่งคิดว่าพรรคพลังประชาชน จะนำมาข้อสังเกตของพรรคชาติไทย มาพิจารณาในการสรรหาตัวนายกฯ ด้วย
ร.ต.(หญิง) ระนองรักษ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อแผ่นดิน คิดว่าทางพรรคที่มีเสียงข้างมากต้องเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ตนในนามพรรคร่วมฯ ก็ขอจับมือร่วมรัฐบาลไปด้วย ส่วนผู้ที่จะมาเป็นนายกฯนั้น คิดว่าพรรคพลังประชาชน คงคัดสรร คนที่บ้านเมืองยอมรับ และสามารถแก้วิกฤติบ้านเมืองได้ ต่อมานายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้เปิดโอกาสให้ ผู้สื่อข่าวซักถาม โดยผู้สื่อข่าวถามว่า ที่พรรคพลังประชาชนเสนอ นายสมัคร เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกฯ เหมือนเดิม แสดงว่า พรรคร่วมรัฐบาล จะยอมรับได้ใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ทั้ง 6 พรรค เข้าร่วมรัฐบาล โดย 5 พรรคร่วมฯ ได้มอบหมายให้พรรคพลังประชาชน เป็นผู้เสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมเข้าดำรงตำแหน่งนายกฯ ซึ่งขณะนี้ มีการประชุมอยู่ และทางเลขาธิกรพรรคพลังประชาชนจะเรียนแจ้งให้ทราบต่อไป
เมื่อถามว่า แสดงว่ากระแสข่าวที่จะเป็นนายสมัคร ยังไม่จริงใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังประชุมอยู่ ซึ่งเลขาธิการพรรคพลังประชาชน จะแจ้งความชัดเจนให้มีการโหวตในสภาฯ ต่อไป เมื่อถามต่อว่าหากพรรคร่วมรัฐบาลไม่ยอมรับนายสมัคร จะต้องมีการหารือใหม่ ใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยพูดอย่างนั้น ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาล จะยืนยันร่วมจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่าหากพรรคพลังประชาชน เสนอใครเข้ามา ทางพรรคชาติไทยจะร่วมสนับสนุนรัฐบาลต่อไป นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รับได้ หรือไม่ได้ ถามตนคนเดียวไม่ได้ แต่เป็นแนวทางที่พรรคชาติไทยได้แถลงจุดยืนมาโดยตลอดว่า จะร่วมรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการเสนอชื่อนายกฯ เป็นที่แน่นอน ดังนั้น ความคิดเห็นทั้งหมดนี้ไม่ได้อยู่ที่ตนเพียงคนเดียว ต้องขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรคทั้งหมดด้วย หากพรรคพลังประชาชน เสนอชื่อเข้ามา ทางสมาชิกพรรคชาติไทย จะหารือในช่วงเช้าวันที่ 12 ก.ย. ที่รัฐสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขอถามพรรคประชาราช ภรรยา นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ว่า หากพรรคพลังประชาชนเสนอชื่อนายสมัคร จะยกมือให้หรือไม่ นางอุไรวรรณ กล่าวว่า "คุณอุไรวรรณโหวตไม่ได้ ค่ะ" และว่า แม้พรรคประชาราชจะมี ส.ส.5 คน ก็ต้องถามความเห็นทั้ง 5 คน ว่าจะอย่างไร ซึ่งก็เชื่อมั่นว่า พรรคพลังประชาชน ก็ต้องฟังเสียงประชาชน
** "หอกหัก"สุดด้านรับนั่งนายกฯต่อ
ด้านบรรดาแกนนำ ทั้งในอดีตและปัจจุบันของพรรคพลังประชาชน รวมถึงอดีตแกนนำคนสำคัญอย่าง นายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้เข้าพบนายสมัคร ที่บ้านพักในช่วงบ่าย เพื่อหารือถึงการกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง ซึ่งนายสมัคร กล่าวกับกลุ่มสมาชิกที่เข้าพบว่า พร้อมที่จะสู้ต่อ หากสภาโหวตให้ตนได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ก็พร้อมที่จะรับตำแหน่ง โดยตนยังคงมีกำลังใจดี และจะทำหน้าที่ต่อไป เพื่อรักษาประชาธิปไตย สำหรับเรื่องคดีอื่นๆ หรือ ว่ากระแสการเมือง กระแสกดดัน ต่างๆ ก็พร้อมที่จะฝ่าฟัน ไม่หวั่นไหว
**"อีสานพัฒนา"ยันไม่เอา"หอกหัก"
เมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกันนี้ ส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนา นำโดย นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร และนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย ได้ให้สัมภาษณ์ ปฏิเสธข่าวที่ระบุว่า พรรคพลังประชาชน มีมติหนุนนายสมัคร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยนายไพจิต กล่าวว่า พรรคยังไม่ได้มีมติใดๆว่าจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ เพียงแต่มอบหมายให้คณะทำงานซึ่งมี นายยงยุทธ ติยะไพรัช นายสันติ พร้อมพัฒน์ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นผู้ไปเจรจากับนายสมัคร ที่บ้านพัก เพื่อขอคำตอบจากนายสมัคร ว่า ยังยืนที่จะเป็นนายกฯ ต่อหรือไม่ หากได้คำตอบอย่างไร ก็จะนำมาหารือในที่ประชุม ส.ส.เย็นวันเดียวกันนี้ แต่กลับมีบางกลุ่มไปส่งซิกให้ แถลงออกมาว่า เป็นมติพรรค
ทั้งนี้ ตำแหน่งนายกฯ จะดูเฉพาะท่าทีภายในพรรคพลังประชาชนไม่ได้ ต้องดูท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลด้วย
ด้านนายปรีชา กล่าวว่า การที่คณะทำงานไปหารือกับนายสมัคร เพื่อต้องการบอกให้นายสมัคร ถอยเพื่อให้เห็นแก่ชื่อเสียงประเทศชาติ เพราะนอกจากคนรอบนอกจะไม่เอาแล้ว แม้แต่ ส.ส.กว่า100 คน ของพรรคพลังประชาชน ซึ่งถือว่าเกินครึ่ง ต่างก็ไม่เอานายสมัคร ยังไม่รวมกับเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล ที่เห็นไปในแนวทางเดียวกัน หากนายสมัคร ยังจะรับตำแหน่งอีก กลุ่มอีสานพัฒนา ซึ่งมี 23 เสียง จะไม่ยกมือหนุนแน่นอน
เมื่อถามว่าโอกาสที่ตำแหน่งนายกฯ จะพลิกผันไปเป็นของพรรคการเมืองอื่น มีอยู่หรือไม่ นายปรีชา กล่าวปฏิเสธว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ตอนนี้พูดกันอยู่แค่ว่า จะเอาหรือไม่เอานายสมัคร เท่านั้น เพราะคนที่มีอักษรย่อ"ส" อีก 2 คนในพรรคก็ยังมีสิทธิ์อยู่ ไม่เป็นของพรรคอื่นแน่
ต่อมา เวลา 17.00 น.วันเดียวกัน ส.ส.พรรคพลังประชาชน ส่วนหนึ่ง ประกอบด้วย แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา กลุ่มขุนค้อน กลุ่มโคราช ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และกทม. ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม กล่าวว่า พวกตนประมาณ 70 คน เห็นตรงกันว่า ขณะนี้พรรคยังไม่มีมติที่จะเสนอชื่อนายสมัคร ให้กลับมาเป็นนายกฯ และกลุ่มของเราเห็นตรงกันว่านายสมัคร ได้ทำภาระหน้าที่มาอย่างดี แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาแล้ว แม้เราจะไม่เห็นด้วยกับมติศาล แต่ก็ต้องเคารพคำพิพากษา และยังเห็นว่า ควรที่จะเสนอชื่อบุคคลอื่นให้สภาพิจารณา เพื่อให้บรรยากาศทางการเมืองดีขึ้น ซึ่งพรรคจะมีการเรียกประชุมส.ส.เพื่อขอมติ เพื่อความรอบคอบ และหากยังหาข้อยุติที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไม่ได้ ทางกลุ่มก็จะขอให้พรรคเสนอต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร เลื่อนการพิจารณาเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯออกไประยะหนึ่งก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากที่ประชุมพรรคมีมติเสนอชื่อนายสมัคร เป็นนายกฯ ทางกลุ่มจะดำเนินการอย่างไร นายไพจิต กล่าวว่า เชื่อว่าพรรคจะฟังความเห็นของสมาชิกจำนวน 70-80 คน ที่ถือว่ามีความหมาย ที่จะทำให้พรรคเดินไปในทิศทางเดียวกัน หวังว่าจะมีการทบทวนให้เกิดความรอบคอบ และหากวันนี้ (12 ก.ย.) ยังไม่มีมติของพรรค ก็ถือว่าพรรคจะให้โหวตตามอัธยาศัย หรือฟรีโหวต แต่ถ้าพรรคจะมีมติ เราก็คงจะได้อภิปรายอย่างตรงไปตรงมา เพื่อหาข้อยุติที่ตรงกัน
เมื่อถามว่าทางกลุ่มจะโหวตสวนใช่หรือไม่ นายไพจิต กล่าวว่า คำว่า เป็นเอกสิทธ์ ก็คือส่วนใหญ่จะโหวตไปอีกทางหนึ่ง บางส่วนที่เกรงใจ ก็อาจจะงดออกเสียง หรือส่วนที่เกรงใจมากๆก็อาจจะโหวตตาม ในชั้นนี้ไม่ได้ลงในรายละเอียด อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มยังไม่มีชื่อบุคคลที่จะเสนอแทนนายสมัคร แต่เห็นว่ายังมีคนที่เหมาะสมอยู่ พอที่จะทำงานประคับประคองพรรคได้ ส่วนนายสมัครไม่เหมาะแน่
**มติพปช.ให้"หอกหัก"นั่งนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ได้มีการประชุมพรรคพลังประชาชน และที่ประชุมพรรคมีมติให้เสนอชื่อนายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
โอกาสนี้ นายสมัคร ได้กล่าวขอบคุณส.ส. ที่มีมติให้เสนอชื่อกลับมาเป็นนายกฯ ซึ่งตนก็พร้อมน้อมรับ แม้คุณหญิงจะบอกให้ถอย อย่าสู้ เพราะวันนี้มีบันได้ให้ลง ก็ลงได้แล้ว
"แต่ผมก็จะสู้เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย แม้วันนี้จะมีคนชอบบ้าง ไม่ชอบบ้างไม่เป็นไร แต่จะไม่ให้คนเพียงไม่กี่คนมาปลุกม็อบไล่ ส่วนพวกเราในพรรค ถ้ามีอะไรก็ควรจะมาคุยกันเอง ผมเป็นนายกฯ บริหารประเทศมาหลายเดือนยังไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่ได้ทุจริตคอร์รัปชัน งบประมาณยังไม่ผ่านสภา เงินสักบาทยังไม่ได้ใช้ แต่มีการไปปลุกกระแสไล่รัฐบาล ผมอายุ 73 แล้ว รับใช้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมานานแล้ว การกลับมาเป็นนายกฯครั้งนี้ มีภารกิจใหญ่ 2 ประการ คืองานพระราชพิธีของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครรินทร์ และ อยู่เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย ให้การเมืองเดินไปได้ สภายังอยู่ รักษากติกาบ้านเมือง ไม่ให้การเมืองนอกกติกา ประเภทรัฐบาลแห่งชาติ การเมืองใหม่ 70-30 เข้ามา ผมจะอยู่รับใช้พระบาทเต็มที่ ขอให้รอดูการโปรดเกล้าฯ"
**ยันสู้คดีหมิ่นประมาทถึงฎีกา
นายสมัคร กล่าวด้วยว่า ขอให้พวกเราทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ วันที่ 25 ก.ย. เพราะคดีนี้มี 3 ศาล และเป็นแค่คดีลหุโทษ ตนจะสู้จนถึงศาลฎีกา เชื่อว่าศาลจะเห็นใจ
"ที่มีคนบอกผมจะติดคุกเลย มันไม่ใช่ ศาลคงไม่ทำขนาดนั้น ผมจะสู้โดยยกกรณีของน.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ ที่อุทธรณ์ได้ มีการขยายเวลารอลงอาญา และผมจะดำเนินการเรื่องของคดีเอง วันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ผมเดินทางกลับจากอุดรธานี โดยรถยนต์ใช้เวลา 7 ช.ม. หวังว่าจะเจอคุณหญิง แต่ก็หลับไปก่อน เจอแต่ลูกเขยกับลูกสาว ซึ่งได้มีการปาฐกถากันแบบยกใหญ่ โดยผมบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเป้าประสงค์อยู่ที่ตัวผม เมื่อผมหลุดจากตำแหน่งนายกฯแล้ว ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกพรรค ผมก็พร้อมที่จะทำเพื่อบ้านเมือง วันนี้ตามปกติแล้วผมจะย้ำว่า อย่าให้ข่าวรั่วไหล แต่วันนี้อยากบอกว่า ขอเชิญให้ข่าวรั่วออกไปเลย สำหรับคดีชิมไปบ่นไป ที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าผิดนั้น คดีแบบนี้นักกฎหมายฮาร์เวิร์ด เห็นก็คงจะงง เพราะการตีความพนักงานลูกจ้างนั้น ต้องยกคุณให้จำเลย แต่ไม่เป็นไร ผมพร้อมยอมรับ แต่การเมืองวันนี้ ต้องเป็นไปตามกติกา ผมต้องแทนคุณแผ่นดิน แต่ขอให้พวกเขาเชื่อว่า เวรกรรมมีจริง"
**ประกาศชัดใช้ ครม.ชุดเดิม
นายสมัครยังกล่าวถึง การตั้ง ครม.ชุดใหม่ว่า จะไม่มีการปรับเปลี่ยน แต่เป็น ครม.ชุดเดิมทั้งหมด ส่วนเรื่องของกระทรวง ทบวง กรม หรือแม้แต่เรื่องทหาร ตนก็ดูแลให้อยู่ตัวหมดแล้ว แม้แต่พันธมิตรฯ เองก็เป็นปัญหาที่อยู่ตัวหมดแล้วเหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังนายสมัคร พูดจบ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคได้เดินเข้าไปหานายสมัคร แล้วจับมือท่ามกลางเสียงปรบมือ จากสมาชิกพรรคดังกึกก้อง โดยนายสมชาย กล่าวว่า
"ผมขอยืนยันสิ่งที่พูดกัน 2-3 วันนี้ เป็นเพราะกระแสทางการเมือง แต่ผมไม่เคยปารถนาเป็นนายกฯ ไม่เคยคิดแย่งตำแหน่งจากท่านสมัคร วันนี้ การเมืองต้องการผู้นำอย่างท่านสมัคร เพราะสามารถสู้กับแรงเสียดทานแบบนี้ได้ ขอให้ท่านสมัคร เป็นที่พึ่งของเราต่อไป เพื่อรักษาประชาธิปไตยให้ได้ และยึดหลักที่ว่า เราต้องเป็นรัฐบาล" นายสมชายกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนท้ายแกนนำพรรค แกนนำส.ส. หัวหน้ากลุ่มต่างๆได้กำชับให้ส.ส.ในสังกัดลงมติโหวตให้ นายสมัคร ห้ามแตกแถวเป็นอันขาด นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี ได้เสนอความคิดว่า ในการจัดครม.จะต้องแบ่งโควตาเป็นสูตร 1-15 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกกลุ่ม
**"อีสานพัฒนา"ขู่โหวตสวน
ด้านนายไพจิต ศรีวรขาน กล่าวว่า ส่วนตัวยังคงยืนยัน ที่จะไม่โหวตให้นายสมัคร เป็นนายกฯ ถ้าไม่งดออกเสียง ก็จะทำการโหวตไปอีกทาง ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวม ส.ส.กลุ่มอีสาน และ กลุ่มอื่นๆ เพื่องดออกเสียงให้นายสมัคร
นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ส.ส.นครพนม กล่าวว่า การโหวต ลงมติของส.ส.พรรคพลังประชาชนในวันพรุ่งนี้จะเป็นเอกภพา การที่นายไพจิตรอ้างว่าจะมีส.ส. 70 คน ไม่สนับสนุนนายสมัคร นั้น คงรวมไปถึงคนขับรถ และคนติดตามด้วย พวกนี้อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ว่าที่ออกมาเพื่อต้องการตำแหน่ง เพราะคิดว่าจะต่อรองได้ แต่การตั้งครม.ชุดใหม่ คาดว่าจะใช้ชุดเดิมเกือบทั้งหมด
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี กล่าวว่า ถ้า ส.ส.ไม่ไปโหวตเลือกนายกฯ ก็เท่ากับเป็นการฆ่าตัวเอง และเชื่อว่า กลุ่มอีสานพัฒนา คงไม่กล้าไม่ไปโหวต กลุ่มพวกนี้ถ้าได้เป็นรัฐมนตรีคงหยุดเคลื่อนไหว ที่ออกมาป่วนเพราะต้องการตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น ส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนาได้ทยอยเดินทางไปร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านรัชโยธิน เพื่อหารือถึงท่าทีการโหวตนายกฯ อีกครั้ง ท่ามกลางกระแสข่าวว่า กลุ่มอีสานพัฒนาจะโหวตสวน
**พรรคร่วมต้องมีคำตอบให้ปชช.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงที่พรรคร่วมรัฐบาลกำลังตัดสินใจกันอยู่ เราจึงต้องรอฟัง เพราะไม่อยากให้เกิดความรู้สึกว่า เป็นการแย่งชิงอะไร สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ ทำมาทั้งหมดนั้นไม่ได้สนใจเรื่องการแย่งชิงอำนาจ แต่เป็นการเสนอความคิดในการหาทางออกให้กับประเทศ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลตัดสินใจเดินต่อไป ต้องให้เหตุผลกับสังคมว่า เขามีทางออกสำหรับสังคมอย่างไร อีกทั้งต้องรอดูว่าสภาฯ จะเลือกใครเป็นนายกฯ และให้ผู้นั้นเป็นคนแสดงออกเพื่อคลี่คลายวิกฤติต่างๆ
ส่วนการที่ตนเสนอให้มีรัฐบาลพิเศษ ก็เพื่อให้เป็นทางออกหนึ่งเท่านั้น และไม่เหมือนรัฐบาลแห่งชาติในอดีต สิ่งที่ตนพูดหมายถึง รัฐบาลเปิดพื้นที่ให้บุคคลอื่นๆ ที่ไม่ใช่พรรคการเมืองมีส่วนร่วมด้วย และต้องมีการประกาศให้ชัดว่า เงื่อนเวลาและภารกิจ คืออะไร ถ้าจะไม่มีฝ่ายค้าน เพราะโดยหลัก ควรมีฝ่ายค้าน ถ้าไม่มีฝ่ายค้าน อายุของรัฐบาลก็ต้องจำกัดมากๆ มีภารกิจที่ชัด และทำงานในสถานการณ์พิเศษ ซึ่งไม่เหมือนกับที่พูดกันทั่วไป
**เตือนอย่าท้าทายประชาชน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมฯ ยังคงเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล หาตัวนายกฯว่า ตราบใดที่รัฐบาลคิดว่าเป็นความชอบธรรม ตัวเองกุมเสียงข้างมาก แล้วยังดึงดันจัดตั้งรัฐบาลในลักษณะนี้ ผมคิดว่าท้าทายความรู้สึกของประชาชน ยิ่งตัวบุคคลที่คาดหวังให้เป็นนายกฯ คือนายสมัคร และนายสมชาย น่าเป็นห่วงทั้งนั้น
" ผมยังคิดว่า การรวมกลุ่มกันในวงเดิม เพื่อตั้งรัฐบาลในรูปแบบเดิมๆ คงไม่สามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ในขณะนี้ นอกจากนี้ ผมก็ไม่คิดว่านายบรรหาร จะขึ้นมาเป็นนายกฯได้" นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะมีการเปลี่ยนขั้วเป็นพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เราต้องยอมรับความจริงว่า พรรคประชาธิปัตย์มี 164 เสียง หากพรรคร่วมยังจับมือกับพรรคพลังประชาชนหนาแน่นอย่างนี้ โอกาสที่จะเปลี่ยนขั้วมาพรรคประชาธิปัตย์ เกิดขึ้นยากมาก
***ผบ.ทบ.รัฐบาลแห่งชาติคือทางออก
"ผมได้เรียนให้รักษาการนายกรัฐมนตรี (นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์) ทราบแล้วว่าจากการประเมินสถานการณ์มีความเหมาะสม ในการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่กทม. เนื่องจากมีผลกระทบในด้านต่างๆ และกระทบด้านสังคม" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวเมื่อเช้าวานนี้ (11 ก.ย.)
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวา คณะกรรมการ ได้พิจารณาข้อกำหนดของ พ.ร.ก. พบว่าหากดำเนินการตาม พ.ร.ก. จะทำให้เกิดความวุ่นวายมากขึ้น และสถานการณ์ในขณะนี้มองว่ากฎหมายตามปกติน่าจะดูแลได้
***แนะตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
ล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติหากสามารถทำได้น่าจะเป็นหนทางออกที่ดีที่สุด แต่ทั้งนี้ ยอมรับว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ยาก อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่สมควรเป็นผู้ที่ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น และลดความขัดแย้งให้หมดไปเพื่อจะทำให้ผ่านพ้นวิกฤติในช่วงนี้ไปได้ รวมไปถึงต้องมาช่วยกันร่วมสร้างสิ่งดีๆให้กับสังคมและประชาชน
ผู้บัญชาการทหารบกกล่าวด้วยว่า ทุกพรรคการเมืองควรที่จะเสียสละร่วมกันเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ประเทศชาติ
**ทบ.แถลงการณ์หนุนยกเลิก พ.ร.ก.
วันเดียวกัน ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก ได้ออกแถลงการณ์ ชี้แจงถึง ผลกระทบหากดำเนินการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยมีใจความว่า "กองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) และกองทัพบก ประเมินพิจารณาสถานการณ์ในพื้นที่ กทม. ภาพรวมขณะนี้คลี่คลายปราศจากการปะทะกันระหว่างกลุ่มของประชาชน จนไม่ถึงขั้นเรียกว่าสถานการณ์ฉุกเฉินอีกต่อไป
ส่วนการดำเนินขณะนี้ของ กอฉ. ยังคงใช้กำลังตำรวจเป็นหลักดูแลการชุมนุมและเตรียมกำลังทหารจากกองร้อยรักษาความสงบเรียบร้อยของทุกเหล่าทัพไว้เป็นกำลังสนับสนุนอย่างเพียงพอ ขอให้เชื่อมั่นต่อมาตรการการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
หนังสือระบุด้วยว่า อยากให้ผู้ชุมนุมทุกฝ่าย เคร่งครัด และชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ขอให้งดใช้อุปกรณ์อื่นใดที่อาจจะแปรสภาพเป็นอาวุธทุกประเภท ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นมีมายาวนาน ดังนั้น การประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ย่อมทำได้ยาก กอฉ. และกองทัพบก พิจารณาเห็นว่า การบังคับใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ในวันนี้ อาจส่งผลกระทบเสียหายวงกว้าง หากมีการประกาศยกเลิกในอนาคตอันใกล้ ย่อมส่งผลไปในทางที่ดีมากกว่า กองทัพบก พร้อมจะสนับสนุนการทำงานของตำรวจในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ทำให้เกิดความสงบสุขและเรียบร้อยในบ้านเมือง.
หลังจากเกิดกระแสความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชาชน รวมทั้งความเห็นที่แตกต่างระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ในการเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการโหวตกันในวันนี้ (12 ก.ย.) โดยในพรรคพลังประชาชนนั้น กลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ หรือ"แก๊งออฟโฟร์" ยังคงยืนยันที่จะสนับสนุนให้นายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่กลุ่ม ส.ส.ภาคเหนือ ที่อยู่ในสายของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นายยงยุทธ ติยะไพรัชและกลุ่มอีสานพัฒนา ไม่เห็นด้วย โดยเห็นว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ มีความเหมาะสมมากกว่า เช่นเดียวกับท่าทีของพรรคชาติไทย และพรรคประชาราช ก็อยากร่วมรัฐบาล แต่ไม่เอานายสมัคร
ดังนั้น เมื่อเวลา 10.00น.วานนี้ (11ก.ย.) จึงได้มีการประชุมพรรคพลังประชาชน โดยมีบรรดารัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนหัวหน้ากลุ่มต่างๆ เข้าร่วมโดยพร้อมเพรียง อาทิ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กลุ่มแก๊งออฟโฟร์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รักษาการ รมช.คมนาคม ประธานภาคอีสาน และแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รักษาการ รมว.วัฒนธรรม และหัวหน้ากลุ่มขุนค้อน นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ รักษาการ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รองประธานภาคเหนือ รวมทั้ง ส.ส.จากทุกกลุ่ม ทุกภาค เพื่อพิจารณาบุคคลที่พรรคจะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีนายสุวัตน์ วรรณศิริกุล รองหัวหน้าพรรคฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม
อย่างไรก็ตาม ปรากฎว่าแกนนำคนสำคัญ อาทิ นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ กลับไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย และหลังการประชุมก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเสนอใครเป็นนายกรัฐมนตรี
**ใครนายกฯรอใบสั่งจากลอนดอน
ทั้งนี้ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ก่อนเข้าประชุม ซึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกนายกฯ ต้องฟังสายตรงจากลอนดอน ในการตัดสินใจด้วยหรือไม่ ซึ่งนายสุทินตอบว่า ก็ต้องเอามาประกอบ ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง และต้องฟังเสียงคนไทย ที่อยู่ในลอนดอนด้วย
**ชท.ยังเข้าร่วม แต่ไม่เอา"หอกหัก"
ส่วนที่พรรคชาติไทย นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ก็ได้เรียกประชุมผู้บริหาร และ ส.ส.ของพรรคแต่เช้า เพื่อหารือถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนมาทาบทาม เข้าร่วมรัฐบาลโดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้น นายเอกพจน์ ปานแย้ม โฆษกพรรคชาติไทย แถลงชว่า พรรคชาติไทย ยินดีและพร้อมเข้าร่วมรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชาชน เป็นแกนนำต่อไป ส่วนการสรรหาชื่อนายกฯ เป็นหน้าที่ของพรรคพลังประชาชน เป็นผู้คัดเลือก ซึ่งขณะนี้พรรคพลังประชาชน ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร จึงต้องรอผลสรุปว่า เขาจะเสนอชื่อใคร และเมื่อทราบชื่อแล้ว พรรคชาติไทย จะนัดประชุมกันอีกครั้ง ในเวลา 07.30 น. วันนี้ (12ก.ย.) ที่รัฐสภา ก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกฯ
รายงานข่าวแจ้งว่าในที่ประชุมพรรค นายบรรหาร ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกพรรคแสดงความเห็น หากพรรคพลังประชาชน เสนอชื่อนายสมัคร กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง ซึ่งสมาชิกพรรคชาติไทย ทุกคนได้ลุกขึ้นพูดเปิดใจไปในแนวทางเดียวกันว่า ไม่ต้องการนายสมัคร โดยขอให้เห็นแก่สถานภาพของสังคม และเพื่อเป็นการลดความขัดแย้งในบ้านเมือง ซึ่งมีสมาชิกพรรคบางคนถึงกับเสนอว่า ถ้าพรรคพลังประชาชน ยังยืนยันที่จะเสนอนายสมัครเป็นนายกฯอีก ก็ขอให้พรรคชาติไทยถอนตัวออกจากการ ร่วมรัฐบาล
**รัฐบาลแห่งชาติเกิดยาก
ด้านนายบรรหาร ให้สัมภาษณ์ ภายหลังการประชุมพรรคว่า พรรคชาติไทย มีมติเห็นด้วยที่จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน และเช้าวันที่ 12 ก.ย. ก็จะประชุมพรรคกันอีกครั้งหลังจากที่พรรคพลังประชาชนส่งชื่อนายกฯ มาให้ทราบ ซึ่งจะเป็นใครตอนนี้ตอบไม่ได้ เพราะเขายังไม่บอกมา พรรคจะคุยในช่วงเช้าอีกครั้ง
เมื่อถามว่า ถ้าเป็นบุคคลที่เห็นว่าไม่ใช่ มติพรรคร่วมรัฐบาลไปแล้ว อาจจะเปลี่ยนใช่หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ต้องหารือกันอีกครั้ง ซึ่งการแถลง 6 พรรคร่วมรัฐบาล ยินดีที่จะเข้าร่วมรัฐบาลเท่านั้น แต่ไม่เกี่ยวกับตัวบุคคล และตอนนี้ในพรรคพลังประชาชน กำลังสู้กันไม่จบ ไปติดตามตรงนั้นดีกว่า
**"เหวียง"ยันร่วมแน่ ไม่เกี่ยงนายกฯ
เวลา 10.30 น. วันเดียวกันนี้ พล.อ. เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พร้อมด้วย สมาชิกพรรคได้มีการประชุมถึงท่าทีการร่วมรัฐบาลโดยหลังการประชุม พล.อ. เชษฐา ยืนยันจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน โดยยึดหลักว่า พรรคใดได้เสียงข้างมาก ต้องเป็นแกนกลางในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนนายกรัฐมนตรี จะเป็นใครก็ได้ ขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชาชน
** 6 พรรคยังเกาะกันแน่น
ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ บรรดา 6 แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ประกอบด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตัวแทนพรรคพลังประชาชน นางอุไรวรรณ เทียนทอง ตัวแทน พรรคประชาราช นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ตัวแทนพรรคชาติไทย พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ตัวแทนพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ตัวแทนพรรคมัชฌิมาธิปไตย และ ร.ต.(หญิง) ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ตัวแทนพรรคเพื่อแผ่นดิน ร่วมแถลงข่าว ยันยันร่วมจัดตั้งรัฐบาล
โดยนายสมชาย กล่าวว่า พรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 5 พรรค ได้หารือกันในเบื้องต้นแล้ว ยืนยันว่า จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง โดยให้พรรคพลังประชาชน เป็นแกนนำ ในการเสนอชื่อนายกฯ คนใหม่ ส่วนจะเป็นใคร พรรคจะหารือกันอีกครั้ง แล้วเลขาธิการพรรคพลังประชาชน จะเป็นผู้ประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรค เพื่อแจ้งให้ทราบว่า จะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ
นางอนงค์วรรณ กล่าวว่า พรรคมัชฌิมาฯ ไม่ได้คิดถึงเรื่องบุคคล เรายึดถือในหลักการ ทางพรรคมัชฌิมาธิปไตย จะยังสนับสนุนพรรคพลังประชาชน ที่เป็นแกนนำ และเราจะให้เกียรติพรรคพลังประชาชน เสนอชื่อนายกฯ
นางอุไรวรรณ กล่าวว่า พรรคประชาราช ยืนยันในการที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคพลังประชาชน เป็นพรรคแกนนำคัดสรรคนมาเป็นนายกฯ เพื่อที่จะให้สภาผู้แทนราษฎร ลงมติคัดเลือก
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พรรคชาติไทย ตระหนักถึงความสำคัญ และจำเป็นที่ประเทศจะต้องมีรัฐบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในการบริหารประเทศ ซึ่งปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีรัฐบาล พรรคชาติไทย ให้เกียรติพรรคที่มีเสียงข้างมากในการหาตัวนายกฯก่อน ส่วนตัวบุลคลที่จะมาเป็นนายกฯ ที่พรรคพลังประชาชน สรรหามา พรรคชาติไทย เห็นว่าน่าจะเหมาะสม และน่าจะคลี่คลายสถานการณ์ได้ ซึ่งคิดว่าพรรคพลังประชาชน จะนำมาข้อสังเกตของพรรคชาติไทย มาพิจารณาในการสรรหาตัวนายกฯ ด้วย
ร.ต.(หญิง) ระนองรักษ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อแผ่นดิน คิดว่าทางพรรคที่มีเสียงข้างมากต้องเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ตนในนามพรรคร่วมฯ ก็ขอจับมือร่วมรัฐบาลไปด้วย ส่วนผู้ที่จะมาเป็นนายกฯนั้น คิดว่าพรรคพลังประชาชน คงคัดสรร คนที่บ้านเมืองยอมรับ และสามารถแก้วิกฤติบ้านเมืองได้ ต่อมานายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้เปิดโอกาสให้ ผู้สื่อข่าวซักถาม โดยผู้สื่อข่าวถามว่า ที่พรรคพลังประชาชนเสนอ นายสมัคร เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกฯ เหมือนเดิม แสดงว่า พรรคร่วมรัฐบาล จะยอมรับได้ใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ทั้ง 6 พรรค เข้าร่วมรัฐบาล โดย 5 พรรคร่วมฯ ได้มอบหมายให้พรรคพลังประชาชน เป็นผู้เสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมเข้าดำรงตำแหน่งนายกฯ ซึ่งขณะนี้ มีการประชุมอยู่ และทางเลขาธิกรพรรคพลังประชาชนจะเรียนแจ้งให้ทราบต่อไป
เมื่อถามว่า แสดงว่ากระแสข่าวที่จะเป็นนายสมัคร ยังไม่จริงใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังประชุมอยู่ ซึ่งเลขาธิการพรรคพลังประชาชน จะแจ้งความชัดเจนให้มีการโหวตในสภาฯ ต่อไป เมื่อถามต่อว่าหากพรรคร่วมรัฐบาลไม่ยอมรับนายสมัคร จะต้องมีการหารือใหม่ ใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยพูดอย่างนั้น ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาล จะยืนยันร่วมจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่าหากพรรคพลังประชาชน เสนอใครเข้ามา ทางพรรคชาติไทยจะร่วมสนับสนุนรัฐบาลต่อไป นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รับได้ หรือไม่ได้ ถามตนคนเดียวไม่ได้ แต่เป็นแนวทางที่พรรคชาติไทยได้แถลงจุดยืนมาโดยตลอดว่า จะร่วมรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการเสนอชื่อนายกฯ เป็นที่แน่นอน ดังนั้น ความคิดเห็นทั้งหมดนี้ไม่ได้อยู่ที่ตนเพียงคนเดียว ต้องขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรคทั้งหมดด้วย หากพรรคพลังประชาชน เสนอชื่อเข้ามา ทางสมาชิกพรรคชาติไทย จะหารือในช่วงเช้าวันที่ 12 ก.ย. ที่รัฐสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขอถามพรรคประชาราช ภรรยา นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ว่า หากพรรคพลังประชาชนเสนอชื่อนายสมัคร จะยกมือให้หรือไม่ นางอุไรวรรณ กล่าวว่า "คุณอุไรวรรณโหวตไม่ได้ ค่ะ" และว่า แม้พรรคประชาราชจะมี ส.ส.5 คน ก็ต้องถามความเห็นทั้ง 5 คน ว่าจะอย่างไร ซึ่งก็เชื่อมั่นว่า พรรคพลังประชาชน ก็ต้องฟังเสียงประชาชน
** "หอกหัก"สุดด้านรับนั่งนายกฯต่อ
ด้านบรรดาแกนนำ ทั้งในอดีตและปัจจุบันของพรรคพลังประชาชน รวมถึงอดีตแกนนำคนสำคัญอย่าง นายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้เข้าพบนายสมัคร ที่บ้านพักในช่วงบ่าย เพื่อหารือถึงการกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง ซึ่งนายสมัคร กล่าวกับกลุ่มสมาชิกที่เข้าพบว่า พร้อมที่จะสู้ต่อ หากสภาโหวตให้ตนได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ก็พร้อมที่จะรับตำแหน่ง โดยตนยังคงมีกำลังใจดี และจะทำหน้าที่ต่อไป เพื่อรักษาประชาธิปไตย สำหรับเรื่องคดีอื่นๆ หรือ ว่ากระแสการเมือง กระแสกดดัน ต่างๆ ก็พร้อมที่จะฝ่าฟัน ไม่หวั่นไหว
**"อีสานพัฒนา"ยันไม่เอา"หอกหัก"
เมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกันนี้ ส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนา นำโดย นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร และนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย ได้ให้สัมภาษณ์ ปฏิเสธข่าวที่ระบุว่า พรรคพลังประชาชน มีมติหนุนนายสมัคร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยนายไพจิต กล่าวว่า พรรคยังไม่ได้มีมติใดๆว่าจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ เพียงแต่มอบหมายให้คณะทำงานซึ่งมี นายยงยุทธ ติยะไพรัช นายสันติ พร้อมพัฒน์ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นผู้ไปเจรจากับนายสมัคร ที่บ้านพัก เพื่อขอคำตอบจากนายสมัคร ว่า ยังยืนที่จะเป็นนายกฯ ต่อหรือไม่ หากได้คำตอบอย่างไร ก็จะนำมาหารือในที่ประชุม ส.ส.เย็นวันเดียวกันนี้ แต่กลับมีบางกลุ่มไปส่งซิกให้ แถลงออกมาว่า เป็นมติพรรค
ทั้งนี้ ตำแหน่งนายกฯ จะดูเฉพาะท่าทีภายในพรรคพลังประชาชนไม่ได้ ต้องดูท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลด้วย
ด้านนายปรีชา กล่าวว่า การที่คณะทำงานไปหารือกับนายสมัคร เพื่อต้องการบอกให้นายสมัคร ถอยเพื่อให้เห็นแก่ชื่อเสียงประเทศชาติ เพราะนอกจากคนรอบนอกจะไม่เอาแล้ว แม้แต่ ส.ส.กว่า100 คน ของพรรคพลังประชาชน ซึ่งถือว่าเกินครึ่ง ต่างก็ไม่เอานายสมัคร ยังไม่รวมกับเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล ที่เห็นไปในแนวทางเดียวกัน หากนายสมัคร ยังจะรับตำแหน่งอีก กลุ่มอีสานพัฒนา ซึ่งมี 23 เสียง จะไม่ยกมือหนุนแน่นอน
เมื่อถามว่าโอกาสที่ตำแหน่งนายกฯ จะพลิกผันไปเป็นของพรรคการเมืองอื่น มีอยู่หรือไม่ นายปรีชา กล่าวปฏิเสธว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ตอนนี้พูดกันอยู่แค่ว่า จะเอาหรือไม่เอานายสมัคร เท่านั้น เพราะคนที่มีอักษรย่อ"ส" อีก 2 คนในพรรคก็ยังมีสิทธิ์อยู่ ไม่เป็นของพรรคอื่นแน่
ต่อมา เวลา 17.00 น.วันเดียวกัน ส.ส.พรรคพลังประชาชน ส่วนหนึ่ง ประกอบด้วย แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา กลุ่มขุนค้อน กลุ่มโคราช ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และกทม. ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม กล่าวว่า พวกตนประมาณ 70 คน เห็นตรงกันว่า ขณะนี้พรรคยังไม่มีมติที่จะเสนอชื่อนายสมัคร ให้กลับมาเป็นนายกฯ และกลุ่มของเราเห็นตรงกันว่านายสมัคร ได้ทำภาระหน้าที่มาอย่างดี แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาแล้ว แม้เราจะไม่เห็นด้วยกับมติศาล แต่ก็ต้องเคารพคำพิพากษา และยังเห็นว่า ควรที่จะเสนอชื่อบุคคลอื่นให้สภาพิจารณา เพื่อให้บรรยากาศทางการเมืองดีขึ้น ซึ่งพรรคจะมีการเรียกประชุมส.ส.เพื่อขอมติ เพื่อความรอบคอบ และหากยังหาข้อยุติที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไม่ได้ ทางกลุ่มก็จะขอให้พรรคเสนอต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร เลื่อนการพิจารณาเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯออกไประยะหนึ่งก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากที่ประชุมพรรคมีมติเสนอชื่อนายสมัคร เป็นนายกฯ ทางกลุ่มจะดำเนินการอย่างไร นายไพจิต กล่าวว่า เชื่อว่าพรรคจะฟังความเห็นของสมาชิกจำนวน 70-80 คน ที่ถือว่ามีความหมาย ที่จะทำให้พรรคเดินไปในทิศทางเดียวกัน หวังว่าจะมีการทบทวนให้เกิดความรอบคอบ และหากวันนี้ (12 ก.ย.) ยังไม่มีมติของพรรค ก็ถือว่าพรรคจะให้โหวตตามอัธยาศัย หรือฟรีโหวต แต่ถ้าพรรคจะมีมติ เราก็คงจะได้อภิปรายอย่างตรงไปตรงมา เพื่อหาข้อยุติที่ตรงกัน
เมื่อถามว่าทางกลุ่มจะโหวตสวนใช่หรือไม่ นายไพจิต กล่าวว่า คำว่า เป็นเอกสิทธ์ ก็คือส่วนใหญ่จะโหวตไปอีกทางหนึ่ง บางส่วนที่เกรงใจ ก็อาจจะงดออกเสียง หรือส่วนที่เกรงใจมากๆก็อาจจะโหวตตาม ในชั้นนี้ไม่ได้ลงในรายละเอียด อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มยังไม่มีชื่อบุคคลที่จะเสนอแทนนายสมัคร แต่เห็นว่ายังมีคนที่เหมาะสมอยู่ พอที่จะทำงานประคับประคองพรรคได้ ส่วนนายสมัครไม่เหมาะแน่
**มติพปช.ให้"หอกหัก"นั่งนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ได้มีการประชุมพรรคพลังประชาชน และที่ประชุมพรรคมีมติให้เสนอชื่อนายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
โอกาสนี้ นายสมัคร ได้กล่าวขอบคุณส.ส. ที่มีมติให้เสนอชื่อกลับมาเป็นนายกฯ ซึ่งตนก็พร้อมน้อมรับ แม้คุณหญิงจะบอกให้ถอย อย่าสู้ เพราะวันนี้มีบันได้ให้ลง ก็ลงได้แล้ว
"แต่ผมก็จะสู้เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย แม้วันนี้จะมีคนชอบบ้าง ไม่ชอบบ้างไม่เป็นไร แต่จะไม่ให้คนเพียงไม่กี่คนมาปลุกม็อบไล่ ส่วนพวกเราในพรรค ถ้ามีอะไรก็ควรจะมาคุยกันเอง ผมเป็นนายกฯ บริหารประเทศมาหลายเดือนยังไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่ได้ทุจริตคอร์รัปชัน งบประมาณยังไม่ผ่านสภา เงินสักบาทยังไม่ได้ใช้ แต่มีการไปปลุกกระแสไล่รัฐบาล ผมอายุ 73 แล้ว รับใช้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมานานแล้ว การกลับมาเป็นนายกฯครั้งนี้ มีภารกิจใหญ่ 2 ประการ คืองานพระราชพิธีของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครรินทร์ และ อยู่เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย ให้การเมืองเดินไปได้ สภายังอยู่ รักษากติกาบ้านเมือง ไม่ให้การเมืองนอกกติกา ประเภทรัฐบาลแห่งชาติ การเมืองใหม่ 70-30 เข้ามา ผมจะอยู่รับใช้พระบาทเต็มที่ ขอให้รอดูการโปรดเกล้าฯ"
**ยันสู้คดีหมิ่นประมาทถึงฎีกา
นายสมัคร กล่าวด้วยว่า ขอให้พวกเราทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ วันที่ 25 ก.ย. เพราะคดีนี้มี 3 ศาล และเป็นแค่คดีลหุโทษ ตนจะสู้จนถึงศาลฎีกา เชื่อว่าศาลจะเห็นใจ
"ที่มีคนบอกผมจะติดคุกเลย มันไม่ใช่ ศาลคงไม่ทำขนาดนั้น ผมจะสู้โดยยกกรณีของน.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ ที่อุทธรณ์ได้ มีการขยายเวลารอลงอาญา และผมจะดำเนินการเรื่องของคดีเอง วันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ผมเดินทางกลับจากอุดรธานี โดยรถยนต์ใช้เวลา 7 ช.ม. หวังว่าจะเจอคุณหญิง แต่ก็หลับไปก่อน เจอแต่ลูกเขยกับลูกสาว ซึ่งได้มีการปาฐกถากันแบบยกใหญ่ โดยผมบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเป้าประสงค์อยู่ที่ตัวผม เมื่อผมหลุดจากตำแหน่งนายกฯแล้ว ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกพรรค ผมก็พร้อมที่จะทำเพื่อบ้านเมือง วันนี้ตามปกติแล้วผมจะย้ำว่า อย่าให้ข่าวรั่วไหล แต่วันนี้อยากบอกว่า ขอเชิญให้ข่าวรั่วออกไปเลย สำหรับคดีชิมไปบ่นไป ที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าผิดนั้น คดีแบบนี้นักกฎหมายฮาร์เวิร์ด เห็นก็คงจะงง เพราะการตีความพนักงานลูกจ้างนั้น ต้องยกคุณให้จำเลย แต่ไม่เป็นไร ผมพร้อมยอมรับ แต่การเมืองวันนี้ ต้องเป็นไปตามกติกา ผมต้องแทนคุณแผ่นดิน แต่ขอให้พวกเขาเชื่อว่า เวรกรรมมีจริง"
**ประกาศชัดใช้ ครม.ชุดเดิม
นายสมัครยังกล่าวถึง การตั้ง ครม.ชุดใหม่ว่า จะไม่มีการปรับเปลี่ยน แต่เป็น ครม.ชุดเดิมทั้งหมด ส่วนเรื่องของกระทรวง ทบวง กรม หรือแม้แต่เรื่องทหาร ตนก็ดูแลให้อยู่ตัวหมดแล้ว แม้แต่พันธมิตรฯ เองก็เป็นปัญหาที่อยู่ตัวหมดแล้วเหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังนายสมัคร พูดจบ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคได้เดินเข้าไปหานายสมัคร แล้วจับมือท่ามกลางเสียงปรบมือ จากสมาชิกพรรคดังกึกก้อง โดยนายสมชาย กล่าวว่า
"ผมขอยืนยันสิ่งที่พูดกัน 2-3 วันนี้ เป็นเพราะกระแสทางการเมือง แต่ผมไม่เคยปารถนาเป็นนายกฯ ไม่เคยคิดแย่งตำแหน่งจากท่านสมัคร วันนี้ การเมืองต้องการผู้นำอย่างท่านสมัคร เพราะสามารถสู้กับแรงเสียดทานแบบนี้ได้ ขอให้ท่านสมัคร เป็นที่พึ่งของเราต่อไป เพื่อรักษาประชาธิปไตยให้ได้ และยึดหลักที่ว่า เราต้องเป็นรัฐบาล" นายสมชายกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนท้ายแกนนำพรรค แกนนำส.ส. หัวหน้ากลุ่มต่างๆได้กำชับให้ส.ส.ในสังกัดลงมติโหวตให้ นายสมัคร ห้ามแตกแถวเป็นอันขาด นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี ได้เสนอความคิดว่า ในการจัดครม.จะต้องแบ่งโควตาเป็นสูตร 1-15 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกกลุ่ม
**"อีสานพัฒนา"ขู่โหวตสวน
ด้านนายไพจิต ศรีวรขาน กล่าวว่า ส่วนตัวยังคงยืนยัน ที่จะไม่โหวตให้นายสมัคร เป็นนายกฯ ถ้าไม่งดออกเสียง ก็จะทำการโหวตไปอีกทาง ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวม ส.ส.กลุ่มอีสาน และ กลุ่มอื่นๆ เพื่องดออกเสียงให้นายสมัคร
นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ส.ส.นครพนม กล่าวว่า การโหวต ลงมติของส.ส.พรรคพลังประชาชนในวันพรุ่งนี้จะเป็นเอกภพา การที่นายไพจิตรอ้างว่าจะมีส.ส. 70 คน ไม่สนับสนุนนายสมัคร นั้น คงรวมไปถึงคนขับรถ และคนติดตามด้วย พวกนี้อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ว่าที่ออกมาเพื่อต้องการตำแหน่ง เพราะคิดว่าจะต่อรองได้ แต่การตั้งครม.ชุดใหม่ คาดว่าจะใช้ชุดเดิมเกือบทั้งหมด
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี กล่าวว่า ถ้า ส.ส.ไม่ไปโหวตเลือกนายกฯ ก็เท่ากับเป็นการฆ่าตัวเอง และเชื่อว่า กลุ่มอีสานพัฒนา คงไม่กล้าไม่ไปโหวต กลุ่มพวกนี้ถ้าได้เป็นรัฐมนตรีคงหยุดเคลื่อนไหว ที่ออกมาป่วนเพราะต้องการตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น ส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนาได้ทยอยเดินทางไปร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านรัชโยธิน เพื่อหารือถึงท่าทีการโหวตนายกฯ อีกครั้ง ท่ามกลางกระแสข่าวว่า กลุ่มอีสานพัฒนาจะโหวตสวน
**พรรคร่วมต้องมีคำตอบให้ปชช.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงที่พรรคร่วมรัฐบาลกำลังตัดสินใจกันอยู่ เราจึงต้องรอฟัง เพราะไม่อยากให้เกิดความรู้สึกว่า เป็นการแย่งชิงอะไร สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ ทำมาทั้งหมดนั้นไม่ได้สนใจเรื่องการแย่งชิงอำนาจ แต่เป็นการเสนอความคิดในการหาทางออกให้กับประเทศ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลตัดสินใจเดินต่อไป ต้องให้เหตุผลกับสังคมว่า เขามีทางออกสำหรับสังคมอย่างไร อีกทั้งต้องรอดูว่าสภาฯ จะเลือกใครเป็นนายกฯ และให้ผู้นั้นเป็นคนแสดงออกเพื่อคลี่คลายวิกฤติต่างๆ
ส่วนการที่ตนเสนอให้มีรัฐบาลพิเศษ ก็เพื่อให้เป็นทางออกหนึ่งเท่านั้น และไม่เหมือนรัฐบาลแห่งชาติในอดีต สิ่งที่ตนพูดหมายถึง รัฐบาลเปิดพื้นที่ให้บุคคลอื่นๆ ที่ไม่ใช่พรรคการเมืองมีส่วนร่วมด้วย และต้องมีการประกาศให้ชัดว่า เงื่อนเวลาและภารกิจ คืออะไร ถ้าจะไม่มีฝ่ายค้าน เพราะโดยหลัก ควรมีฝ่ายค้าน ถ้าไม่มีฝ่ายค้าน อายุของรัฐบาลก็ต้องจำกัดมากๆ มีภารกิจที่ชัด และทำงานในสถานการณ์พิเศษ ซึ่งไม่เหมือนกับที่พูดกันทั่วไป
**เตือนอย่าท้าทายประชาชน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมฯ ยังคงเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล หาตัวนายกฯว่า ตราบใดที่รัฐบาลคิดว่าเป็นความชอบธรรม ตัวเองกุมเสียงข้างมาก แล้วยังดึงดันจัดตั้งรัฐบาลในลักษณะนี้ ผมคิดว่าท้าทายความรู้สึกของประชาชน ยิ่งตัวบุคคลที่คาดหวังให้เป็นนายกฯ คือนายสมัคร และนายสมชาย น่าเป็นห่วงทั้งนั้น
" ผมยังคิดว่า การรวมกลุ่มกันในวงเดิม เพื่อตั้งรัฐบาลในรูปแบบเดิมๆ คงไม่สามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ในขณะนี้ นอกจากนี้ ผมก็ไม่คิดว่านายบรรหาร จะขึ้นมาเป็นนายกฯได้" นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะมีการเปลี่ยนขั้วเป็นพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เราต้องยอมรับความจริงว่า พรรคประชาธิปัตย์มี 164 เสียง หากพรรคร่วมยังจับมือกับพรรคพลังประชาชนหนาแน่นอย่างนี้ โอกาสที่จะเปลี่ยนขั้วมาพรรคประชาธิปัตย์ เกิดขึ้นยากมาก
***ผบ.ทบ.รัฐบาลแห่งชาติคือทางออก
"ผมได้เรียนให้รักษาการนายกรัฐมนตรี (นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์) ทราบแล้วว่าจากการประเมินสถานการณ์มีความเหมาะสม ในการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่กทม. เนื่องจากมีผลกระทบในด้านต่างๆ และกระทบด้านสังคม" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวเมื่อเช้าวานนี้ (11 ก.ย.)
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวา คณะกรรมการ ได้พิจารณาข้อกำหนดของ พ.ร.ก. พบว่าหากดำเนินการตาม พ.ร.ก. จะทำให้เกิดความวุ่นวายมากขึ้น และสถานการณ์ในขณะนี้มองว่ากฎหมายตามปกติน่าจะดูแลได้
***แนะตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
ล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติหากสามารถทำได้น่าจะเป็นหนทางออกที่ดีที่สุด แต่ทั้งนี้ ยอมรับว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ยาก อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่สมควรเป็นผู้ที่ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น และลดความขัดแย้งให้หมดไปเพื่อจะทำให้ผ่านพ้นวิกฤติในช่วงนี้ไปได้ รวมไปถึงต้องมาช่วยกันร่วมสร้างสิ่งดีๆให้กับสังคมและประชาชน
ผู้บัญชาการทหารบกกล่าวด้วยว่า ทุกพรรคการเมืองควรที่จะเสียสละร่วมกันเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ประเทศชาติ
**ทบ.แถลงการณ์หนุนยกเลิก พ.ร.ก.
วันเดียวกัน ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก ได้ออกแถลงการณ์ ชี้แจงถึง ผลกระทบหากดำเนินการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยมีใจความว่า "กองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) และกองทัพบก ประเมินพิจารณาสถานการณ์ในพื้นที่ กทม. ภาพรวมขณะนี้คลี่คลายปราศจากการปะทะกันระหว่างกลุ่มของประชาชน จนไม่ถึงขั้นเรียกว่าสถานการณ์ฉุกเฉินอีกต่อไป
ส่วนการดำเนินขณะนี้ของ กอฉ. ยังคงใช้กำลังตำรวจเป็นหลักดูแลการชุมนุมและเตรียมกำลังทหารจากกองร้อยรักษาความสงบเรียบร้อยของทุกเหล่าทัพไว้เป็นกำลังสนับสนุนอย่างเพียงพอ ขอให้เชื่อมั่นต่อมาตรการการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
หนังสือระบุด้วยว่า อยากให้ผู้ชุมนุมทุกฝ่าย เคร่งครัด และชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ขอให้งดใช้อุปกรณ์อื่นใดที่อาจจะแปรสภาพเป็นอาวุธทุกประเภท ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นมีมายาวนาน ดังนั้น การประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ย่อมทำได้ยาก กอฉ. และกองทัพบก พิจารณาเห็นว่า การบังคับใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ในวันนี้ อาจส่งผลกระทบเสียหายวงกว้าง หากมีการประกาศยกเลิกในอนาคตอันใกล้ ย่อมส่งผลไปในทางที่ดีมากกว่า กองทัพบก พร้อมจะสนับสนุนการทำงานของตำรวจในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ทำให้เกิดความสงบสุขและเรียบร้อยในบ้านเมือง.