ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่ทำการพรรคพลังประชาชนว่า เมื่อเวลา12.00 น. วานนี้ (5 ก.ย.) มีการประชุมแกนนำพรรคพลังประชาชนเพื่อประเมินสภานการณ์ทางการเมือง และหารือแนวทางการต่อสู้ของพรรคในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตี และ รมว.ศึกษาธิการ ฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นประธานการประชุม พร้อมแกนนำเช่น นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรค นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ เหรัญญิกพรรค เป็นต้นเข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี เข้าร่วมประชุมด้วย
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้ตั้งคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ทำงานการเมืองของพรรคมีนายสมชาย เป็นหัวหน้า เพื่อเดินหน้ารักษาประชาธิปไตย ระบบ และกฎหมาย เพื่อทำงานให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยืดหยัดอยู่ได้อย่างไร หากถูกกดดันจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและสนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีอยู่ต่อไป ไม่ลาออกหรือยุบสภา เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ตั้งทีมทำงานย่อยประกอบด้วย 1.ด้านสื่อสารมวลชน และการประชาสัมพันธ์เพื่อเชื่อมโยงกับรัฐมนตรีของพรรคให้ออกมาแสดงบทบาท ต่อสาธารณะในด้านต่างๆ ให้ประชาชนได้รับทราบ โดยเฉพาะผลเสียของการชุมนุม ของกลุ่มพันธมิตรฯทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างไร มีตนเป็นหัวหน้าทีมและยังมีคณะทำงาน อาทิ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม นายนิสิต สุนธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่
2.ทีมงานมวลชน ทำหน้าที่ประสานงานมวลชนกลุ่มต่างๆ ที่สนับสนุนรัฐบาล และพรรคพลังประชาชนเราจะต้องเข้าไปมีส่วนกับมวลชนเหล่านั้นด้วยโดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น และส.ส.ในพื้นที่ของมวลชนนั้นรับผิดชอบเป็นกรณีๆไป
3.ทีมทำงานด้านกฎหมาย มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีม มีหน้าที่ชี้แจงถึงเรื่องต่างๆ ในตามหลักนิติรัฐ นอกจากนี้ยังมีแกนนำของพรรคคนอื่น พร้อม111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่จะมาร่วมในการแสดงความคิดเห็นในด้านต่างๆ ด้วยเช่น นายจาตุรงค์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายอดิศร เพียงเกษ นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย
นายสุทิน กล่าวว่า ในการหารือในสรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับวิกฤติการเมืองว่าประชาชนต้องการแสดงออกในการร่วมตัดสินปัญหาของประเทศ โดยเฉพาะการที่ประชาชนจะออกมาเคลื่อนไหวในการต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งส.ส.จะปล่อยให้ประชาชนสามารถแสดงออกได้เต็มที่ แต่ส.ส.จะทำความเข้าใจภายใต้กรอบของประชาธิปไตย ซึ่งนายจาตุรนต์ได้แสดงความเห็นด้วยกับการที่ประชาชนจะออกมาเคลื่อนไหวโดยระบุว่าถึงเวลาแล้วที่จะประชาชนจะต้องออกมาปกป้องประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์กันว่า ถึงแม้นายสมัครจะลาออกปัญหาก็ไม่จบ ดังนั้นครจะแก้ปัญหาด้วยการฟังเสียงส่วนใหญ่ หรือการเคลื่อนไหวในรูปแบบอื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้เกิดกระแสต่อต้านการทำประชามติเนื่องจากว่า ใช้เวลานานกว่าจะแก้ปัญหาได้ และล่าสุดกลุ่ม ส.ว.ได้เสนอให้นายกรัฐมนตรี ยุบสภา นายสุทิน คลังผา ตอบแทนว่า หากจะต้องการประชาธิปไตยสิ่งสำคัญ คือ การให้ประชาชนมีส่วนร่วม จึงขอย้อนถามกลุ่ม ส.ว.ว่า หากยุบสภา หรือ ลาออกจะแก้ปัญหาไม่ให้ กลุ่มพันธมิตรฯออกมาชุมนุมได้หรือไม่
ส่วนกรณีที่การทำประชามติใช้จำนวนเท่ากับการเลือกตั้ง ตนขอเถียงว่าไม่จริง เพราะวิกฤติการของประเทศในขณะนี้ทำให้ประเทศเสียหายมากกว่า และคิดว่าคุ้มกว่า ส่วนกรณีที่มีมติหารือระหว่างประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา และผู้นำฝ่ายค้านนั้น ให้นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นคนกลางในการเจรจาระหว่างพันธมิตรฯ และรัฐบาลนั้น ตนไม่เห็นด้วยเพราะนายประสพสุข มีประชาธิปไตยไม่ถึงครึ่งใบ เป็น ส.ว.ที่มาจากการสรรหา รวมทั้งก่อนหน้านี้นายประสพสุข เคยระบุว่า ผลการเลือกตั้งไม่สำคัญ
ด้านนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อบ่ายวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมแกนนำของพรรค โดยมีมติตั้ง กลุ่มปกป้องประชาธิปไตยหยุดคนทำลายประเทศ และจะเปิดตัวกลุ่มครั้งแรกในวันที่ 5 ก.ย.นี้ที่ท่าน้ำนนทบุรี จะมีนักวิชาการ ส.ส.ของพรรค รวมถึงอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย111 คนเข้าร่วม เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ร่วมขึ้นเวทีปราศรัย เพื่อเชิญชวนพลังเงียบปกป้องประชาธิปไตยคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยไม่ต่ำกว่า 5 พันคน และจะมีการเปิดเวทีปราศรัยแบบนี้ทุกจังหวัดทั่วประเทศเริ่มวันเสาร์นี้ในจังหวัดใหญ่ และจังหวัดที่มีความพร้อม เช่น จ.นครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น เชียงใหม่
จากนั้นทุกเวทีจะมีการปราศรัยทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยมีเป้าหมายชัดเจน ไม่นำคนมาปะทะกันและทำความเข้าใจประชาชนเกี่ยวกับการทำประชามติที่เป็นแนวทางหนึ่งที่จะยุติความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ส่วนการจัดประชุมครม.สัญจรตามจังหวัดต่างๆนั้น เป็นการทำของฝ่ายบริหารไม่เกี่ยวข้องกับเวทีปราศรัย
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี เข้าร่วมประชุมด้วย
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้ตั้งคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ทำงานการเมืองของพรรคมีนายสมชาย เป็นหัวหน้า เพื่อเดินหน้ารักษาประชาธิปไตย ระบบ และกฎหมาย เพื่อทำงานให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยืดหยัดอยู่ได้อย่างไร หากถูกกดดันจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและสนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีอยู่ต่อไป ไม่ลาออกหรือยุบสภา เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ตั้งทีมทำงานย่อยประกอบด้วย 1.ด้านสื่อสารมวลชน และการประชาสัมพันธ์เพื่อเชื่อมโยงกับรัฐมนตรีของพรรคให้ออกมาแสดงบทบาท ต่อสาธารณะในด้านต่างๆ ให้ประชาชนได้รับทราบ โดยเฉพาะผลเสียของการชุมนุม ของกลุ่มพันธมิตรฯทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างไร มีตนเป็นหัวหน้าทีมและยังมีคณะทำงาน อาทิ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม นายนิสิต สุนธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่
2.ทีมงานมวลชน ทำหน้าที่ประสานงานมวลชนกลุ่มต่างๆ ที่สนับสนุนรัฐบาล และพรรคพลังประชาชนเราจะต้องเข้าไปมีส่วนกับมวลชนเหล่านั้นด้วยโดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น และส.ส.ในพื้นที่ของมวลชนนั้นรับผิดชอบเป็นกรณีๆไป
3.ทีมทำงานด้านกฎหมาย มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีม มีหน้าที่ชี้แจงถึงเรื่องต่างๆ ในตามหลักนิติรัฐ นอกจากนี้ยังมีแกนนำของพรรคคนอื่น พร้อม111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่จะมาร่วมในการแสดงความคิดเห็นในด้านต่างๆ ด้วยเช่น นายจาตุรงค์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายอดิศร เพียงเกษ นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย
นายสุทิน กล่าวว่า ในการหารือในสรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับวิกฤติการเมืองว่าประชาชนต้องการแสดงออกในการร่วมตัดสินปัญหาของประเทศ โดยเฉพาะการที่ประชาชนจะออกมาเคลื่อนไหวในการต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งส.ส.จะปล่อยให้ประชาชนสามารถแสดงออกได้เต็มที่ แต่ส.ส.จะทำความเข้าใจภายใต้กรอบของประชาธิปไตย ซึ่งนายจาตุรนต์ได้แสดงความเห็นด้วยกับการที่ประชาชนจะออกมาเคลื่อนไหวโดยระบุว่าถึงเวลาแล้วที่จะประชาชนจะต้องออกมาปกป้องประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์กันว่า ถึงแม้นายสมัครจะลาออกปัญหาก็ไม่จบ ดังนั้นครจะแก้ปัญหาด้วยการฟังเสียงส่วนใหญ่ หรือการเคลื่อนไหวในรูปแบบอื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้เกิดกระแสต่อต้านการทำประชามติเนื่องจากว่า ใช้เวลานานกว่าจะแก้ปัญหาได้ และล่าสุดกลุ่ม ส.ว.ได้เสนอให้นายกรัฐมนตรี ยุบสภา นายสุทิน คลังผา ตอบแทนว่า หากจะต้องการประชาธิปไตยสิ่งสำคัญ คือ การให้ประชาชนมีส่วนร่วม จึงขอย้อนถามกลุ่ม ส.ว.ว่า หากยุบสภา หรือ ลาออกจะแก้ปัญหาไม่ให้ กลุ่มพันธมิตรฯออกมาชุมนุมได้หรือไม่
ส่วนกรณีที่การทำประชามติใช้จำนวนเท่ากับการเลือกตั้ง ตนขอเถียงว่าไม่จริง เพราะวิกฤติการของประเทศในขณะนี้ทำให้ประเทศเสียหายมากกว่า และคิดว่าคุ้มกว่า ส่วนกรณีที่มีมติหารือระหว่างประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา และผู้นำฝ่ายค้านนั้น ให้นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นคนกลางในการเจรจาระหว่างพันธมิตรฯ และรัฐบาลนั้น ตนไม่เห็นด้วยเพราะนายประสพสุข มีประชาธิปไตยไม่ถึงครึ่งใบ เป็น ส.ว.ที่มาจากการสรรหา รวมทั้งก่อนหน้านี้นายประสพสุข เคยระบุว่า ผลการเลือกตั้งไม่สำคัญ
ด้านนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อบ่ายวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมแกนนำของพรรค โดยมีมติตั้ง กลุ่มปกป้องประชาธิปไตยหยุดคนทำลายประเทศ และจะเปิดตัวกลุ่มครั้งแรกในวันที่ 5 ก.ย.นี้ที่ท่าน้ำนนทบุรี จะมีนักวิชาการ ส.ส.ของพรรค รวมถึงอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย111 คนเข้าร่วม เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ร่วมขึ้นเวทีปราศรัย เพื่อเชิญชวนพลังเงียบปกป้องประชาธิปไตยคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยไม่ต่ำกว่า 5 พันคน และจะมีการเปิดเวทีปราศรัยแบบนี้ทุกจังหวัดทั่วประเทศเริ่มวันเสาร์นี้ในจังหวัดใหญ่ และจังหวัดที่มีความพร้อม เช่น จ.นครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น เชียงใหม่
จากนั้นทุกเวทีจะมีการปราศรัยทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยมีเป้าหมายชัดเจน ไม่นำคนมาปะทะกันและทำความเข้าใจประชาชนเกี่ยวกับการทำประชามติที่เป็นแนวทางหนึ่งที่จะยุติความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ส่วนการจัดประชุมครม.สัญจรตามจังหวัดต่างๆนั้น เป็นการทำของฝ่ายบริหารไม่เกี่ยวข้องกับเวทีปราศรัย
