อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย “จาตุรนต์ ฉายแสง” จี้ ผอ.ทบ.“อนุพงษ์ เผ่าจินดา” ต้องทำตามคำสั่งรัฐบาล คือ ให้ “พันธมิตรฯ” ออกจากทำเนียบ พร้อมจับตัว 9 แกนนำมามอบตัวให้ได้ ไม่มีสิทธิ์ทำตัวเป็นคนกลาง - วอน ปชช.อดทนรอรัฐบาลแก้ปัญหา อย่าเพิ่งร่วมขับไล่ตามกลุ่มพันธมิตรฯ
วันนี้ (2 ก.ย.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการ ถามจริง-ตอบตรง ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ถึงกรณีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินว่า โดยส่วนตัวแล้วตนเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวถือว่าเป็นสิ่งถูกต้องแล้ว เพราะสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ จำเป็นที่นายกรัฐมนตรีจะต้องหาวิธีการมาแก้ไข เพื่อให้ประเทศมีทางออกที่ดีที่สุด
นายจาตุรนต์ ยังกล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการในสถานการณ์ฉุกเฉิน กล่าวว่าจะวางตัวเป็นกลาง และใช้หลักการเจรจาเป็นหลักเพื่อไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเกิดการปะทะกันกัน ส่วนกลไกการแก้ไขปัญหาจะให้เป็นหน้าที่ของรัฐสภาและศาลเป็นกลไกหลักนั้น นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนมองว่า ขณะนี้ กองทัพไม่สามารถพูดว่า ระหว่างประชาชนสองฝ่ายทหารจะวางตัวเป็นกลาง แต่สิ่งที่กองทัพต้องทำก็คือ ทำตามคำสั่งของรัฐบาล เพราะเมื่อรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว กองทัพก็มีหน้าที่ต้องทำตามกฎหมาย ดังนั้นตอนนี้ ทหารจึงต้องหาทางที่จะทำให้ประชาชน ที่ละเมิดกฎหมายอยู่ กลับมาอยู่ภายใต้กฎหมายให้ได้
ทั้งนี้ ตนมองว่า หากปัญหาที่มีอยู่ในขณะนี้จะคลี่คลายไปได้ ก็คือ พล.อ.อนุพงษ์ จะต้องไปเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ หรือใช้มาตราการแวดล้อมใดๆ ก็ตามแต่ เพื่อทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ยอมออกมาจากทำเนียบรัฐบาล และให้ 9 แกนนำพันธมิตรฯ มอบตัวให้ได้
และข้อสำคัญที่สุด ก็คือ ประชาชนทุกคนต้องอดทน กับสถานการณ์ดังกล่าว อย่าเพิ่งมองว่า เมื่อสถานการณ์ในบ้านเมืองวุ่นวาย ถูกขู่ตัดน้ำ ตัดไฟ แล้วรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็ควรจะลาออกไปเสีย ซึ่งหากประชาชนคิดเช่นนั้น แล้วกดดันให้รัฐบาลลาออก การบริหารประเทศในอนาคตก็จะล้มเหลว เพราะหากนายกรัฐมนตรียอมลาออกในตอนนี้ ต่อไปบ้านเมืองจะไม่เคารพกติการตามระบอบประชาธิปไตย คิดแต่ว่าหากไม่พอใจรัฐบาลก็เพียงแค่ระดมคนมาปิดทำเนียบรัฐบาลให้ได้ ก็สามารถไล่รัฐบาลได้
นายจาตุรนต์ กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ตนมองว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นทางออกที่ดี ก็เพราะตนมองว่าปัญหา การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันนี้ยังไม่มีทางออกใดดีกว่าทางออกนี้ เช่นหากนายกรัฐมนตรีจะลาออกจริง แต่ปัญหาในบ้านเมืองก็ยังไม่จบอยู่ดี เพราะเมื่อนายสมัคร ลาออก ก็ต้องมีการเลือก ส.ส.ในสภา มาเป็นนายกฯ ซึ่งพรรคพลังประชาชนก็ต้องมีเสียงข้างมากในสภา สุดท้ายพรรคพลังประชาชนก็จะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ดี เมื่อนั้นกลุ่มพันธมิตรฯ ก็คงไม่ยอมอีก
หรือหากจะประกาศยุบสภา ตนก็เชื่อว่ากลุ่มพันธมิตรฯ คงไม่ยอมให้รัฐบาลชุดนี้รักษาการอีก หรือแม้แต่ข้อเสนอที่ให้ตั้งคนกลางขึ้นมาเป็นรัฐบาลแห่งชาติ ก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดีเพราะ รธน. ฉบับนี้ ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ต้องเป็น ส.ส.ซึ่งทางเดียวที่ทำได้ ก็คือ ต้องรัฐประหารฉีก รธน. ฉบับนี้ทิ้งเสีย ซึ่ง ผบ.ทบ.ก็ยืนยันแล้วว่าจะไม่ทำ แต่หากจะแก้ รธน.ให้ระบุว่า นายกรัฐมนตรีไม่ต้องเป็น ส.ส.ตนก็เชื่อว่า ประชาชนคงจะไม่ยอมให้แก้ง่ายๆ อย่างแน่นอน ดังนั้น โดยสรุปแล้ววิธีการแก้ที่ดีที่สุดในวันนี้ ก็คือ การประกาศสภาวะฉุกเฉินนั่นเอง