xs
xsm
sm
md
lg

แฉแก๊งนรกปองร้ายไทยใช้จีนเป็นฐานป่วน ASTV

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - "สนธิ" แฉสัตว์นรกใช้เลห์เหลี่ยมป่วนสัญญาณ "เอเอสทีวี" ใช้จีนเป็นฐานปองร้ายไทย ด้วยการเช่าดาวเทียมยิงสัญญาณที่จีน 3-6 เดือนยิงสัญญาณโจมตีคลื่นสัญญาณเอเอสทีวี ขณะที่แกนนำพันธมิตรฯประณาม "สมชาย" ไม่ทำหน้าที่ปล่อย "แม้ว" โฟนอิน เชื่อเป็นแผนขอถวายฎีกา-อภัยโทษ ซัดคำพูด "หน้าเหลี่ยม" ทำลายกระบวนการยุติธรรม-ดึงสถาบันฯเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีของตนเองที่ถูกศาลพิพากษาจำคุกไปแล้ว อีกทั้งในการปราศรัยยังส่งสัญญาณที่จะไม่ยุติการต่อสู้ทางการเมือง เชื่อเกณฑ์รากหญ้ามาชุมนุมอีกแน่นอน จี้นายกฯรับผิดชอบคลิปฉาว

วานนี้ (2พ.ย.) เวลา 21.00 น.ที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำเนียบรัฐบาล นายสนธิลิ้มทองกุล แกนนำพันะมิตรฯได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยนายสนธิ ระบุว่า สัญญาณเอเสทีวีที่โดนรบกวนอย่างหนักในช่วงนี้ ทั้งในฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งผลการตรวจสอบแล้วพบว่าได้มีสัตว์นรกตัวหนึ่งไปเช่าช่องยิงสัญญาณที่จีน 3-6 เดือนเพื่อยิงสัญญาณโจมตีคลื่นสัญญาณของเอเอสทีวี
นายสนธิ ตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีดูเหมือนว่าจีนจะขมีขมันดูแล พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพิเศษ แม้แต่นายชูชีพ ชีวศิลป์ ที่หลบหนีคดีหมิ่นหนีไปจีนก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากนายหยวนปิง

นายสนธิ กล่าวว่า ตนเองอยากฝากให้คนไทยที่อยู่ในประเทศจีนหรือคนจีนที่พูดภาษาไทยได้ช่วยถามรัฐบาลจีนว่า คิดดีแล้วหรือที่ทำธุรกิจโดยให้ใช้ดาวเทียมเพื่อยิงสัญญาณรบกวนเอเอสทีวีที่ทำงานเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน

นายสนธิ ระบุว่า เรื่องดังกล่าวอาจเป็นปัญหาระหว่างประเทศ เพราะเป็นเรื่องของการก่อการร้ายข้ามชาติ ซึ่งวันนี้หากสัญญาณโดนรบกวนอีกก็จะนำเทปมาถ่ายทอดอีกครั้ง หลังจากพี่ "ตั้ว ศรัญญู" ขึ้นเวทีแล้ว และจะมีการถ่ายทอดอีกครั้งในวันนี้ (3 พ.ย.) และต้องขออภัยทุกท่าน หากเอเอสทีวีทำให้ท่านเครียด ไม่ได้นอน

**พันธมิตรฯเผยพร้อมเจรจากับเท่านั้น

ก่อนหน้านี้เวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวประจำวันที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล โดย พล.ต.จำลอง กล่าวว่าพันธมิตรฯเห็นด้วยกับแนวคิดเจรจาหาข้อยุติตามที่กลุ่มสานเสวนาเสนอ แต่ต้องเป็นการหารือเฉพาะฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรง คือระหว่างรัฐบาลและพันธมิตรฯเท่านั้น หากนำเอากลุ่มอื่นเช่น ทหาร ตำรวจ นักวิชาการ มาเจรจาด้วยจะเสียเวลาเปล่าๆ ส่วนตัวบุคคลที่จะเป็นผู้มาเจรจาพันธมิตรฯไม่เกี่ยงว่าเป็นใคร เราพร้อมรับการเจรจาทั้งนั้น แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ติดต่อขอเจรจาจากลุ่มใดทั้งสิ้น ส่วนแนวทางที่พันธมิตรฯ จะยึดเป็นกรอบการเจรจา จะรอจนกว่ามีการประสานขอเจรจาเข้ามา จากนั้นแกนนำจะหารือเพื่อกำหนดแนวทางต่อไป

ด้านนายพิภพ กล่าวถึงการจัดรายการความจริงวันนี้สัญจรว่า พันธมิตรฯขอประณามนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ยอมทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี กลับหนีไป จ.เชียงใหม่ ไม่ทำหน้าที่อยู่ในเมืองหลวง ถือว่าขาดความรับผิดชอบในการบริหารบ้านเมือง ทั้งๆที่มีเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวาย ด้วยการรวมพลคนเสื้อแดงและการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการใช้คลื่นความถี่ที่รัฐเป็นเจ้าของพันธมิตรฯ ขอประณามว่านายกฯขาดความรับผิดชอบที่จะทำให้บ้านเมืองสงบสุขโดยปล่อยให้คนที่เป็นนักโทษหนีหมายศาลโฟนอินโดยใช้คลื่นความถี่ที่รัฐดูแลอยู่พูดกับประชาชนในที่สาธารณะ
"เมื่อวานนี้เป็นเครื่องสะท้อนการทำหน้าที่ของนายกฯเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักโทษชายไม่มีสิทธิที่จะพูดในที่สาธารณะและคำพูดจ้องทำลายความเป็นธรรมของสถาบันตุลาการ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอ้างว่าเขามีความชอบธรรม แต่กลับไม่ได้รับความเป็นธรรม พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามทำให้เกิดปัญหา ทำให้ประชาชนสงสัยในคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ" นายพิภพกล่าว

**อัด"นช.แม้ว"ดึงสถาบันมาเกี่ยวข้องคดี

นอกจากนี้ ในการโฟนอิน มีการดึงเอาสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อด้วย เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า จะกลับมาประเทศไทยได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับพระบารมีฯ การพูดเช่นนี้เป็นการทำให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม และเป็นการดึงเอาสถาบันฯมาเกี่ยวข้องกับคดีความของตนและได้ตัดสินไปแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรัสกับตุลาการว่า ประเทศไทยมีปัญหาวิกฤตที่สุดในโลก ควรใช้กระบวนการยุติธรรมเข้ามาแก้ปัญหา ซึ่งถือว่ามีความชัดเจน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับหนีคดี แม้ศาลโอกาสมาต่อสู้ตามกระบวนการแล้วก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ประชาชนชาวรากหญ้าหลงเชื่อ ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง ดังนั้น ถ้าสังคมยังคล้อยตามในคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะก่อให้เกิดความแตกแยกทางสังคมในระดับลึกอย่างแน่นอน ดังนั้นพันธมิตรฯ เชื่อว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาโฟนอินกับคนเสื้อแดงมีเจตนาที่จะกดดันให้มีการรวมตัวกันเพื่อถวายฎีกาขอให้มีการอภัยโทษ ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นการนำปัญหาส่วนตัวไปให้สถาบันฯ

"อีกทั้งในการปราศรัยครั้งนี้ก็เป็นการส่งสัญญาณที่จะไม่ยุติการต่อสู้ทางการเมือง เหมือนกับที่นายสมชาย ที่ยังไม่หยุดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าจะต้องมีการดึงเอาประชาชนในระดับรากหญ้ามาร่วมชุมนุมอีกแน่นอน" นายพิภพ กล่าว

เมื่อถามว่าแกนนำประเมินสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวกับผู้ชุมนุมว่ามีท่าทีที่จะถอยหรือสู้ต่อ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาเมื่อใดก็ได้ ซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วก็กลับมาสู้คดีที่เมืองไทยได้เลยไม่ต้องอาศัยพระบารมีฯ เพราะศาลได้ตัดสินไปภายใต้พระปรมาภิไธยอยู่แล้ว

นายพิภพ กล่าวเสริมว่า เมื่อประเมินตั้งแต่ศาลมีคำพิพากษาจนถึงเมื่อวานนี้ เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ยุติการต่อสู้ โดยยังคงดำเนินการตามแนวทางที่จะทำให้พ้นผิดจะทำอย่างต่อเนื่อง โดยจะดำเนินการจ้างวานผ่านหัวคะแนน เพื่อให้กลุ่มรากหญ้าออกมาชุมนุม

"รัฐบาลซึ่งเป็นรัฐบาลตัวแทน ยังเคลื่อนไปโดยอาศัยความได้เปรียบในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพื่อไม่ให้มีมาตราเกี่ยวกับความผิดปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คนและยังอาศัยความได้เปรียบในการซื้อเสียง เพื่อมากุมอำนาจ นี่คือการต่อสู้ที่ไม่สิ้นสุดของ พ.ต.ท.ทักษิณ" นายพิภพกล่าว

นายพิภพ ยังกล่าวเรียกร้องให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความชัดเจนกรณีที่มีภาพบุคคลที่มีหน้าตาคล้ายนายกรัฐมนตรี พาผู้หญิงไปรับประทานอาหาร ซึ่งกลุ่มเด็กและสิทธิสตรี ขอให้นายกฯ ออกมาปฏิเสธ หรือยอมรับ อย่าปล่อยให้เกิดความคลุมเครือ เพราะหากเป็นเรื่องจริง ก็จะกระทบต่อความซื่อสัตย์ของครอบครัว จะทำให้ความซื่อสัตย์ในการบริหารประเทศหมดไป ดังนั้น นายกรัฐมนตรี จะต้องออกมาพูดเพียงว่าจริงหรือเท็จ เพราะนายกรัฐมนตรีต้องมีมาตรฐานทางจริยธรรมสูงกว่าคนปกติ ไม่ใช่คนธรรมดาหรือหนัวหน้าครอบครัวธรรมดา

**"แม้ว"ไร้สำนึกโจมตีสถาบันอยู่เรื่อยไป

เวลา 20.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานพันธมิตรฯ แถลงถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้ามาในรายการ"ความจริงวันนี้สัญจร" ว่า มี 2 ประเด็นที่อยากให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หาวิธีระงับความเข้าใจผิดของสังคม คือ 1.ท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อสถาบันเบื้องสูง เพราะการที่ระบุว่าจะกลับประเทศไทยได้ก็เพราะพระบารมีนั้นอาจจะถูกตีความว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับหรือไม่กลับนั้นขึ้นอยู่กับพระองค์ท่าน 2.การโจมตีสถาบันตุลาการ เช่นคำพูดที่ว่า "ขบวนการยุติความเป็นธรรม" ตรงนี้ เป็นการท้าทายศาลอย่างรุนแรง เชื่อว่าศาลเองก็คงหาวิธีการแก้ปัญหานี้อยู่ว่าละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ คงโจมตีสถาบันตุลาการและดึงพระมหากษัตริย์ มาเกี่ยวข้องกับการเมืองอยู่เรื่อยไป

อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯ ไม่ให้ความสำคัญกับบรรยากาศเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาเพราะเป็นบรรยากาศที่หวังกลบกระแสขาลง ของรัฐบาลชุดนี้ ทั้งกรณีเหตุการณ์รุนแรง เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ยังไม่มีความรับผิดชอบ จากผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งรัฐบาลและตำรวจ รวมถึงกรณีคลิปวีดีโอ เนื่องจากการเมืองใหม่ ให้ความสำคัญ กับจริยธรรมของนักการเมือง ซึ่งนายกรัฐมนตรี ยังไม่ให้ความชัดเจนในเรื่องนี้ และองค์กรสตรี ก็กำลังเตรียมเคลื่อนไหวด้วย ทั้งนี้ยืนยันว่า พันธมิตรฯ เรายังมุ่งมั่น เดินหน้าขับไล่รัฐบาล ที่หมดความชอบธรรม และเชื่อว่าหัวใจสำคัญของรัฐบาลคือ การแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อนิรโทษกรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และตนก็เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คาดหวังเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อฟอกผิดตัวเองและเครือข่ายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ สถานการณ์วันนี้ยังไม่น่าไว้วางใจ เพราะหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน เมื่อช่วงดึกคืนวานนี้ ซึ่งเรายังคงต้องระวังตัว และเตรียมพร้อมตลอดเวลา

ส่วนกรณีที่กลุ่ม นปช.เตรียมล่ารายชื่อเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ในการยื่นถวายฎีกาเป็นสิทธิอันชอบธรรมของปวงชนชาวไทย แต่ขึ้นอยู่กับพระบรมราชวินิจฉัย ของพระมหากษัตริย์ด้วย ไม่ใช่ยื่นถวายฎีกาแล้วต้องสำเร็จทุกเรื่อง เพราะถ้าหากมองในเรื่องของความชอบธรรม ถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความชอบธรรม เนื่องจากจงใจทำผิดและไม่ใช่ว่าไม่รู้กฎหมาย ดังนั้น การล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษ จึงไม่เหมาะสม ขอให้เลิกคิด เพราะจะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทโดยเจตนา และหากสถานการณ์ยังคงต่างฝ่ายต่างคุมเชิง กันอยู่แบบนี้ โดยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ยอมสารภาพผิด ก็จะยิ่งทำให้ บรรยากาศคลุมเครืออยู่แบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เกิดจากคนเพียงคนเดียว

สำหรับยุทธศาสตร์ดาวกระจายของพันธมิตรฯจะมีขึ้นอีกหรือไม่นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ใน 1-2 วันนี้ จะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง ส่วนจากนี้จะเปิดเส้นทางบริเวณสะพานมัฆวานฯถึงแยกมิสกวันหรือไม่เนื่องจากใกล้จะถึงวันพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์แล้วนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า พล.ต.จำลอง ได้เคยระบุไว้แล้วว่า ประมาณวันที่ 13 พ.ย.จะมีการรื้ออย่างแน่นอนและจากนั้นจะขอความร่วมมือ จากสารวัตรทหาร (สห.) เพื่อรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะบริเวณสะพานมัฆวานฯ และแยกมิสกวัน ซึ่งถือว่า มีความล่อแหลมมากที่สุด

**พธม.สงขลาอัดแม้วหมิ่นศาล-สถาบัน

นายสุมิตร นวลมณี คณะทำงานพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งบัดนี้ตกเป็นนักโทษหลบหนีคดีอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และได้โทรศัพท์ทางไกลมาปราศรัยให้ผู้สนับสนุนฟังนั้น ถือเป็นการกระทำที่หมิ่นต่อคำตัดสินของศาล เนื่องจากมีประโยคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่าถูกยัดเยียดความผิด ซึ่งมีความชัดเจนว่าไม่เคารพในกระบวนการยุติธรรมของไทย

"ประเด็นนี้ไม่ได้สะเทือนไปถึงศาลอย่างเดียว แต่ยังระคายเบื้องพระยุคลบาทด้วยเพราะศาลทำหน้าที่พิพากษาความผิดจำเลยภายใต้พระปรมาภิไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อทักษิณบอกว่าถูกยัดเยียดความผิด ก็เท่ากับว่าไม่เคารพและเป็นการดูหมิ่นศาลโดยชัดเจน" นายสุมิตร กล่าว

**อัดสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง

น.ส.อาภารัตน์ ชาติชุติกำจร ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย เมืองภูเก็ต กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ "นช.แม้ว" โฟนอินเข้ารายการ "ความจริงวันนี้" ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า เป็นเกมส์ที่คนคนนี้ถนัด และเป็นแนวทางการตอบโต้ทุกวิถีทาง ที่สามารถจะทำได้เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง โดยการปลุกระดม และเรียกร้องความสนใจ เรียกคะแนนสงสารจากกลุ่มมวลชนรากหญ้า เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้ขาดซึ่งการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ชัดเจนที่แท้จริง โดยมีการโหนพระบารมีขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งถือว่าไม่เป็นการบังควรอย่างยิ่งในการที่สามัญชนธรรมดาคนหนึ่งจะกล่าวถึงพระองค์ท่านเยี่ยงนี้ เพราะอาจจะสร้างความเคลือบแคลงใจแก่ประชาชนทั่วไปได้

"ความจริงแล้วประชาชนชาวไทยทั้งประเทศรู้กันดีว่าพ่อหลวงของแผ่นดินทรงเป็นผู้ที่มีความเมตตาสูงมาก แต่กรณีของ นช.แม้ว คงจะไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจาก นช.แม้ว ยังไม่ได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม ของศาล และขั้นตอนตามกฎหมายที่ถูกต้อง นช.แม้ว ต้องต่อสู้ในทางกฎหมายให้เสร็จสิ้น และต้องรับโทษตามกฎหมายเสียก่อน จึงจะมาอ้างถึงการอภัยโทษ และยื่นถวายฎีกาได้ แต่คำพูดของ นช.แม้ว เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำเพียงเพื่อประชาสัมพันธ์ และหาเสียงให้กับตนเอง และครอบครัวเท่านั้น ซึ่งเป็นวิธีการที่เค้าถนัด"

ผู้ประสานงานพันธมิตรฯเมืองภูเก็ต ยังกล่าวถึงคำพูดที่ นช.แม้ว บอกว่าขณะนี้ตนเองกำลังได้รับผลกรรม แต่เป็นกรรมที่ตนเองไม่ได้ก่อ ว่าทุกคำพูดของคนคนนี้ เป็นคำพูดที่ต้องการให้กลุ่มมวลชนที่ตนเองว่าจ้างมา และไม่รู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเห็นใจ และคล้อยตามเท่านั้น ทั้ง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น และศาลท่านได้ตัดสินโทษไปแล้วนั้น มีข้อมูลหลักฐานชัดเจน และเป็นไปตามกระบวนการบุติธรรม
กำลังโหลดความคิดเห็น