อุบลราชธานี - ม.อุบลราชธานีตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดร้ายแรงอาจารย์หื่น ขณะที่เจ้าตัวยังล่องหน ล่าสุดพ่อ-แม่ผู้ต้องหารับปากติดต่อลูกชายเข้ามอบตัวสู้คดีแล้ว
จากกรณี ผศ.จักรฤทธิ์ อุทโธ อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เรียกนักศึกษาสาวชั้นปี 3 ไปพบในห้องพักครูและลวนลาม แต่นักศึกษารายนี้ทราบพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลมาก่อน จึงแอบซ่อนกล้องไว้ในกระเป๋าถือใช้ถ่ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และใช้เป็นหลักฐานให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจวารินชำราบดำเนินคดีฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี หลังตกเป็นข่าวอาจารย์ขี้หลีรายนี้ยังกลบดานเงียบนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (1 ก.ค.) พ.ต.ต.รักเกียรติ แย้มบางยาง พนักงานสอบสวน สภ.วารินชำราบเจ้าของคดีได้รับการติดต่อจาก ผศ.จักรฤทธิ์ อุทโธ จะเข้ามอบตัวสู้คดีช่วงบ่ายของวันนี้ หรืออย่างช้าเป็นวันพรุ่งนี้ เพราะต้องการเวลาเตรียมหลักฐานที่ต้องใช้ในการต่อสู้คดี ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ได้เปิดโอกาสให้ตามที่ ผศ.จักรฤทธิ์ร้องขอ เพราะถือเป็นบุคคลมีชื่อเสียงและมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งคงไม่หลบหนี
ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนได้มีหนังสือขอหลักฐานเพิ่มเติม เช่น การต้องวินัย หรือการที่มหาวิทยาลัยมอบหมายให้ ผศ.จักรฤทธิ์ทำหน้าที่ต่างๆ ที่ผ่านมา เพื่อใช้เป็นหลักฐานเชื่อมโยงในสำนวนที่จะส่ง ผศ.จักรฤทธิ์ ฟ้องต่อศาลเพิ่มเติม
สำหรับ พ.ต.ท.ปรัชญา คงสกุล รอง ผกก.สส.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนกล่าวว่า ได้สอบปากคำพยานแวดล้อมที่เป็นเพื่อนของ น.ส.หน่อยผู้เสียหายที่ร่วมเดินทางไปเป็นเพื่อนและยืนรออยู่หน้าห้องพักครูในวันเกิดเหตุเสร็จเรียบร้อย ซึ่งพยานให้การสอดคล้องต้องกันเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก จึงไม่จำเป็นต้องสอบพยานแวดล้อมอื่นเพิ่มเติม เพราะพนักงานสอบสวนยังมีคลิปวีดีโอที่ถ่ายไว้ขณะเกิดเหตุ ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องผู้ถูกกล่าวได้เป็นอย่างดี
ขณะนี้รอเพียงให้ผู้ถูกกล่าวมารับทราบข้อหาจากเจ้าหน้าที่ แต่หากไม่มาก็จะขออนุญาตศาลออกหมายจับ ส่วนอัตราโทษฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ มีอัตราลงโทษสูงสุดจำคุก 10 ปี
ด้านความเคลื่อนไหวของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี หลัง ศ.ดร.ประกอบ วิโรจนกูฏ อธิการบดีสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับ ผศ.จักรฤทธิ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติกรของมหาวิทยาลัยก็ได้มีการจัดเตรียมเอกสารข้อมูลให้คณะกรรมใช้ประกอบการสอบสวน โดยเอกสารส่วนใหญ่ประกอบด้วยการทำหน้าที่เป็นอาจารย์ของ ผศ.จักรฤทธิ์ในสาขาวิชามนุษยศาสตร์ ระหว่างนั้นมีข้อบกพร่องและถูกร้องเรียนเรื่องใดบ้าง พร้อมยังมีการตรวจสอบการให้เกรดของ ผศ.จักรฤทธิ์ย้อนหลัง เพื่อดูว่ามีการให้เกรดตามมาตรฐานด้วยหรือไม่
ส่วนอัตราโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงนี้ ถือเป็นการทำผิดกฎหมายและจรรยาบรรณของการเป็นครู จึงมีอัตราลงโทษรุนแรงถึงขั้นไล่ออกจากราชการและไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญ สำหรับผลการสอบสวนคาดว่าจะทราบคำตัดสินของคณะกรรมการภายใน 1 สัปดาห์
ด้านบรรยากาศของนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัย ยังมีการจับกลุ่มพูดคุยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยน้องอั้ม นศ.ปี 2 ซึ่งเคยเห็นพฤติกรรมของ ผศ.จักรฤทธิ์ที่คลุกคลีกับกลุ่มนักศึกษาเวลามีกิจกรรมกล่าวว่า ขณะนั้นรู้สึกศรัทธาในตัวของอาจารย์คนนี้ เพราะเป็นคนพูดเก่งให้คำแนะนำนักศึกษาอย่างเป็นกันเอง แต่ไม่เคยรู้ว่ามีพฤติกรรมชอบลวนลามนักศึกษา เพราะไม่ได้เข้าเรียนในสาขาวิชาที่ ผศ.จักรฤทธิ์สอน และเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง และอยากให้มหาวิทยาลัยจัดการกับอาจารย์ที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ทันที โดยไม่ต้องรอให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ก่อนด้วย
ส่วนความเคลื่อนไหวของ ผศ.จักรฤทธิ์ รายงานข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่เมื่อวานหลังเรื่องกลายเป็นข่าวใหญ่ ผศ.จักรฤทธิ์ได้หายตัวจากมหาวิทยาลัย และไม่มีการติดต่อกับกลุ่มเพื่อนอาจารย์ด้วยกัน จนกระทั่งเย็นมีข่าวว่าบิดา-มารดาของ ผศ.จักรฤทธิ์ได้เดินทางมาจากจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อมาเกลี่ยกล่อมให้เข้ามอบตัวสู้คดี พร้อมยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้น และกลับมาตั้งต้นชีวิตใหม่หลังคดีผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้ ผศ.จักรฤทธิ์ตัดสินใจติดต่อเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
จากกรณี ผศ.จักรฤทธิ์ อุทโธ อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เรียกนักศึกษาสาวชั้นปี 3 ไปพบในห้องพักครูและลวนลาม แต่นักศึกษารายนี้ทราบพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลมาก่อน จึงแอบซ่อนกล้องไว้ในกระเป๋าถือใช้ถ่ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และใช้เป็นหลักฐานให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจวารินชำราบดำเนินคดีฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี หลังตกเป็นข่าวอาจารย์ขี้หลีรายนี้ยังกลบดานเงียบนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (1 ก.ค.) พ.ต.ต.รักเกียรติ แย้มบางยาง พนักงานสอบสวน สภ.วารินชำราบเจ้าของคดีได้รับการติดต่อจาก ผศ.จักรฤทธิ์ อุทโธ จะเข้ามอบตัวสู้คดีช่วงบ่ายของวันนี้ หรืออย่างช้าเป็นวันพรุ่งนี้ เพราะต้องการเวลาเตรียมหลักฐานที่ต้องใช้ในการต่อสู้คดี ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ได้เปิดโอกาสให้ตามที่ ผศ.จักรฤทธิ์ร้องขอ เพราะถือเป็นบุคคลมีชื่อเสียงและมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งคงไม่หลบหนี
ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนได้มีหนังสือขอหลักฐานเพิ่มเติม เช่น การต้องวินัย หรือการที่มหาวิทยาลัยมอบหมายให้ ผศ.จักรฤทธิ์ทำหน้าที่ต่างๆ ที่ผ่านมา เพื่อใช้เป็นหลักฐานเชื่อมโยงในสำนวนที่จะส่ง ผศ.จักรฤทธิ์ ฟ้องต่อศาลเพิ่มเติม
สำหรับ พ.ต.ท.ปรัชญา คงสกุล รอง ผกก.สส.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนกล่าวว่า ได้สอบปากคำพยานแวดล้อมที่เป็นเพื่อนของ น.ส.หน่อยผู้เสียหายที่ร่วมเดินทางไปเป็นเพื่อนและยืนรออยู่หน้าห้องพักครูในวันเกิดเหตุเสร็จเรียบร้อย ซึ่งพยานให้การสอดคล้องต้องกันเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก จึงไม่จำเป็นต้องสอบพยานแวดล้อมอื่นเพิ่มเติม เพราะพนักงานสอบสวนยังมีคลิปวีดีโอที่ถ่ายไว้ขณะเกิดเหตุ ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องผู้ถูกกล่าวได้เป็นอย่างดี
ขณะนี้รอเพียงให้ผู้ถูกกล่าวมารับทราบข้อหาจากเจ้าหน้าที่ แต่หากไม่มาก็จะขออนุญาตศาลออกหมายจับ ส่วนอัตราโทษฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ มีอัตราลงโทษสูงสุดจำคุก 10 ปี
ด้านความเคลื่อนไหวของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี หลัง ศ.ดร.ประกอบ วิโรจนกูฏ อธิการบดีสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับ ผศ.จักรฤทธิ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติกรของมหาวิทยาลัยก็ได้มีการจัดเตรียมเอกสารข้อมูลให้คณะกรรมใช้ประกอบการสอบสวน โดยเอกสารส่วนใหญ่ประกอบด้วยการทำหน้าที่เป็นอาจารย์ของ ผศ.จักรฤทธิ์ในสาขาวิชามนุษยศาสตร์ ระหว่างนั้นมีข้อบกพร่องและถูกร้องเรียนเรื่องใดบ้าง พร้อมยังมีการตรวจสอบการให้เกรดของ ผศ.จักรฤทธิ์ย้อนหลัง เพื่อดูว่ามีการให้เกรดตามมาตรฐานด้วยหรือไม่
ส่วนอัตราโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงนี้ ถือเป็นการทำผิดกฎหมายและจรรยาบรรณของการเป็นครู จึงมีอัตราลงโทษรุนแรงถึงขั้นไล่ออกจากราชการและไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญ สำหรับผลการสอบสวนคาดว่าจะทราบคำตัดสินของคณะกรรมการภายใน 1 สัปดาห์
ด้านบรรยากาศของนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัย ยังมีการจับกลุ่มพูดคุยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยน้องอั้ม นศ.ปี 2 ซึ่งเคยเห็นพฤติกรรมของ ผศ.จักรฤทธิ์ที่คลุกคลีกับกลุ่มนักศึกษาเวลามีกิจกรรมกล่าวว่า ขณะนั้นรู้สึกศรัทธาในตัวของอาจารย์คนนี้ เพราะเป็นคนพูดเก่งให้คำแนะนำนักศึกษาอย่างเป็นกันเอง แต่ไม่เคยรู้ว่ามีพฤติกรรมชอบลวนลามนักศึกษา เพราะไม่ได้เข้าเรียนในสาขาวิชาที่ ผศ.จักรฤทธิ์สอน และเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง และอยากให้มหาวิทยาลัยจัดการกับอาจารย์ที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ทันที โดยไม่ต้องรอให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ก่อนด้วย
ส่วนความเคลื่อนไหวของ ผศ.จักรฤทธิ์ รายงานข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่เมื่อวานหลังเรื่องกลายเป็นข่าวใหญ่ ผศ.จักรฤทธิ์ได้หายตัวจากมหาวิทยาลัย และไม่มีการติดต่อกับกลุ่มเพื่อนอาจารย์ด้วยกัน จนกระทั่งเย็นมีข่าวว่าบิดา-มารดาของ ผศ.จักรฤทธิ์ได้เดินทางมาจากจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อมาเกลี่ยกล่อมให้เข้ามอบตัวสู้คดี พร้อมยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้น และกลับมาตั้งต้นชีวิตใหม่หลังคดีผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้ ผศ.จักรฤทธิ์ตัดสินใจติดต่อเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
