ในที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ติดคุก!
หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองวานนี้(21 ต.ค.)ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงในการอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯที่เขาและภรรยา พจมาน ชินวัตร ตกเป็นจำเลยที่ 1 และ 2 โดยที่พ.ต.ท.ทักษิณถูกพิพากษาว่ามีความผิดต้องโทษจำคุก 2 ปี ขณะที่พจมานพ้นจากข้อกล่าวหา
เมื่อผลออกมา ... คดีนี้ซึ่งเดิมก็ได้รับความสนใจจากทุกฝ่ายเป็นพิเศษอยู่แล้วเพราะถือเป็นคดีสำคัญ คดีประวัติศาสตร์ คดีแรกที่อดีตนายกรัฐมนตรีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจนจบกระบวนการ นับตั้งแต่ถูกโค่นล้มอำนาจเมื่อปี 2549 จนไร้แผ่นดินอยู่ ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้นไปอีกหลายเท่า
ประการแรก ไม่เพียงเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่พิสูจน์ให้เห็นว่า การเคลื่อนไหวจาก “ปรากฏการณ์สนธิ” เมื่อปี 2548 จนถึง “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ในการต่อต้านระบอบทักษิณที่เพียรพยายามเปิดโปง และ เฟ้นหาหลักฐานมาตีแผ่ให้สาธารณะมาต่อเนื่องยาวนานเพื่อชี้ให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทุจริตคอร์รัปชัน ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้องนั้นไม่ใช่ข้อกล่าวหาลอยๆ
ในแง่จิตวิทยา คำตัดสินวานนี้ย่อมเป็นผลตอบแทนสำหรับความอดทน ความกล้าหาญของประชาชนผู้อดทนชุมนุมมายาวนานต่อเนื่อง เป็นผลตอบแทนในการทำดีเพื่อต่อต้านนักการเมืองโกงชาติที่คุ้มค่ายิ่ง
คำที่ตะโกน “ท้ากกกกกสิน” แล้วขานรับกันว่า “ติดคุก” ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นจริงขึ้นมาจนได้
ประการที่สอง ไม่เพียงเป็นคำตอบให้แก่สังคมว่า องค์กรที่ก่อตั้งจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 นั้นมิใช่ผลไม้พิษจากต้นไม้พิษที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามบิดเบือนปลุกปลอบในหมู่คนรักทักษิณ เพราะ เนื้อหาของคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ นับเป็นมีคำตอบอย่างละเอียดในทุกประเด็นข้อสงสัย
... แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ! นอกจากไม่ยี่หระและไม่สำนึกต่อความผิดแล้ว ยังตีโพยตีพายกับสื่อต่างประเทศ ให้ร้ายต่อศาล ต่อกระบวนการยุติธรรม ต่อแผ่นดินเกิดของตัวเองอย่างไร้ยางอายที่สุดเหมือนเดิม
“ผมได้รับแจ้งผลคำตัดสินแล้ว ผมคาดหมายไว้ล่วงหน้ามานานแล้วว่ามันจะออกมาในแนวทางนี้ คดีนี้เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง และคุณก็รู้อยู่แล้วว่าการเมืองในประเทศไทยนั้นเป็นอย่างไร” พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ทันทีหลังจากที่ทราบคำพิพากษา
ความจริง พ.ต.ท.ทักษิณ จะอ้างอะไรก็คงไม่มีใครเชื่อ เพราะ ในสายตาชาวโลกแล้ว นี่นับเป็นคดีที่หมดจด ตั้งแต่แรกเริ่ม จนสิ้นสุดจากกระบวนการตรวจสอบ การสอบสวน ไล่มาจนถึงการไต่สวนของศาล พยานที่มาให้การทั้งจำเลย และ ฝ่ายโจทก์ล้วนเป็นบุคคลสำคัญ และ ครบถ้วนกระบวนความทุกอย่าง
แม้กระทั่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และ ภรรยาก็ยังแสดงความเชื่อมั่นกระบวนการดังกล่าว แม้ก่อนหน้านี้ทั้งคู่จะหนีหมายจับไปกบดานที่โน่นที่นี่ สุดท้ายก็ยังบากหน้ากลับมารายงานตัวต่อศาลจนเป็นกลายเป็นคดีเดียวในหลายสิบคดีที่สองสามีภรรยาคู่นี้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาชญากรโกงชาติหนีหมายจับถูกตัดสินพิพากษาลับหลังในที่สุด
หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ย้อนเวลาได้ แล้วกลับไปดูภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ตนเองก้มลงกราบพื้นดินสนามบินสุวรรณภูมิ ทำตนราวซาบซึ้งกับแผ่นดินแม่สุดฤทธิ์ ก็คงต้องสบถกับตัวเองหรือนึกโทษทีมที่ปรึกษาที่เชียร์ให้กลับมาต่อสู้คดีนี้ แถมยังให้คณะทนายหิ้วถุงขนม 2 ล้านบาทเป็นค่าติดสินบนศาลอีกด้วย
เนื่องเพราะ การตัดสินใจพลาดครั้งนั้นเรื่องราวจึงพัฒนามาถึงวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ คงคิดว่า ถ้าไม่มาแสดงตน คดีก็คงจำหน่ายเหมือนหลายสิบคดีในวันนี้
ทว่า ... แม้จะสำนึกเสียใจก็ช้าไปแล้ว ตาข่ายฟ้าได้ทำหน้าที่คลี่คลุมคนไปเรียบร้อย! พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี ไม่มีทางอุทธรณ์ ส่วนคณะทนาย 3 คนก็กำลังชดใช้กรรมอยู่ในคุก
ปัญหาน่าสนใจต่อไป พ.ต.ท.ทักษิณ ยังจะคงคิดอีกหรือว่า “วันนี้ไม่ใช่วันของผม ขอให้ผู้สนับสนุนผมอดทนอีกนิด” เหมือนที่เคยเขียนไว้ในแถลงการณ์ที่ไม่มารายงานตัวต่อศาลฎีกาฯครั้งก่อนจะระเห็จออกนอกประเทศเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
แม้วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยังมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยสืบทอดอำนาจรัฐบาลทรราชเอาไว้ แต่เมื่อความจริงประจักษ์แล้ว อีกทั้งตัวนายสมชายและ รัฐบาลเถื่อนๆ ของเขายังจะหน้าด้านไปอีกนานแค่ไหน ไม่มีใครตอบได้เพราะ รัฐบาลมือเปื้อนเลือด รอวันตายอยู่รอมร่อ ไหนเลยยังมีวันของ พ.ต.ท.ทักษิณ อีก?
ประการสำคัญที่สุด นัยของคดีนี้ต้องถือเป็นมิติใหม่ของประเทศไทย!
เพราะนับจากวันนี้เป็นต้นไป นักการเมืองที่ชั่วช้า ไร้จริยธรรม ทำทุกอย่างเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตนเองและเพื่อนพ้องมีสิทธิติดคุกเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทุกรายแม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหนก็ตาม
อานุภาพของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 มาตรา 100 นั้นจะเป็นบรรทัดฐานจัดการกับนักการเมืองเหล่านี้ได้ชะงัด
คนเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีมีอำนาจ ไม่อาจที่จะกล่าวอ้างว่า ตนไม่มีอำนาจดูแล ไม่ได้กำกับหน่วยงานนั้น หน่วยงานนี้ ไม่มีส่วนรู้เห็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ ประเภทโยนกลอง โยนความผิดให้ข้าราชการประจำร่ำไปนั้นทำได้ยากแล้ว
คดีอย่างปล่อยกู้ให้กับพม่า หรือ คดีอื่นๆที่เกี่ยวข้องพ.ต.ท.ทักษิณก็ย่อมอยู่ในเกณฑ์เดียวกันนี้!
นักการเมืองทุกคนต้องศึกษา โดยเฉพาะ นายกฯมือเปื้อนเลือด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์...น่าจะเป็นคนที่ต้องศึกษาบทเรียนนี้ให้มากเข้าไว้ มากกว่าใคร
เมื่อศึกษาแล้ว คนอย่างนายสมชายที่เคยเป็นถึงผู้พิพากษา เป็นข้าราชการกระทรวงยุติธรรมมาก่อนย่อมจะได้คำตอบแน่นอน…
เป็นนายกฯ จะปฏิเสธได้หรือไม่ว่า วันที่ 7 ตุลาฯ ไม่ได้สั่งฆ่าประชาชน!
หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองวานนี้(21 ต.ค.)ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงในการอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯที่เขาและภรรยา พจมาน ชินวัตร ตกเป็นจำเลยที่ 1 และ 2 โดยที่พ.ต.ท.ทักษิณถูกพิพากษาว่ามีความผิดต้องโทษจำคุก 2 ปี ขณะที่พจมานพ้นจากข้อกล่าวหา
เมื่อผลออกมา ... คดีนี้ซึ่งเดิมก็ได้รับความสนใจจากทุกฝ่ายเป็นพิเศษอยู่แล้วเพราะถือเป็นคดีสำคัญ คดีประวัติศาสตร์ คดีแรกที่อดีตนายกรัฐมนตรีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจนจบกระบวนการ นับตั้งแต่ถูกโค่นล้มอำนาจเมื่อปี 2549 จนไร้แผ่นดินอยู่ ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้นไปอีกหลายเท่า
ประการแรก ไม่เพียงเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่พิสูจน์ให้เห็นว่า การเคลื่อนไหวจาก “ปรากฏการณ์สนธิ” เมื่อปี 2548 จนถึง “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ในการต่อต้านระบอบทักษิณที่เพียรพยายามเปิดโปง และ เฟ้นหาหลักฐานมาตีแผ่ให้สาธารณะมาต่อเนื่องยาวนานเพื่อชี้ให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทุจริตคอร์รัปชัน ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้องนั้นไม่ใช่ข้อกล่าวหาลอยๆ
ในแง่จิตวิทยา คำตัดสินวานนี้ย่อมเป็นผลตอบแทนสำหรับความอดทน ความกล้าหาญของประชาชนผู้อดทนชุมนุมมายาวนานต่อเนื่อง เป็นผลตอบแทนในการทำดีเพื่อต่อต้านนักการเมืองโกงชาติที่คุ้มค่ายิ่ง
คำที่ตะโกน “ท้ากกกกกสิน” แล้วขานรับกันว่า “ติดคุก” ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นจริงขึ้นมาจนได้
ประการที่สอง ไม่เพียงเป็นคำตอบให้แก่สังคมว่า องค์กรที่ก่อตั้งจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 นั้นมิใช่ผลไม้พิษจากต้นไม้พิษที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามบิดเบือนปลุกปลอบในหมู่คนรักทักษิณ เพราะ เนื้อหาของคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ นับเป็นมีคำตอบอย่างละเอียดในทุกประเด็นข้อสงสัย
... แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ! นอกจากไม่ยี่หระและไม่สำนึกต่อความผิดแล้ว ยังตีโพยตีพายกับสื่อต่างประเทศ ให้ร้ายต่อศาล ต่อกระบวนการยุติธรรม ต่อแผ่นดินเกิดของตัวเองอย่างไร้ยางอายที่สุดเหมือนเดิม
“ผมได้รับแจ้งผลคำตัดสินแล้ว ผมคาดหมายไว้ล่วงหน้ามานานแล้วว่ามันจะออกมาในแนวทางนี้ คดีนี้เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง และคุณก็รู้อยู่แล้วว่าการเมืองในประเทศไทยนั้นเป็นอย่างไร” พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ทันทีหลังจากที่ทราบคำพิพากษา
ความจริง พ.ต.ท.ทักษิณ จะอ้างอะไรก็คงไม่มีใครเชื่อ เพราะ ในสายตาชาวโลกแล้ว นี่นับเป็นคดีที่หมดจด ตั้งแต่แรกเริ่ม จนสิ้นสุดจากกระบวนการตรวจสอบ การสอบสวน ไล่มาจนถึงการไต่สวนของศาล พยานที่มาให้การทั้งจำเลย และ ฝ่ายโจทก์ล้วนเป็นบุคคลสำคัญ และ ครบถ้วนกระบวนความทุกอย่าง
แม้กระทั่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และ ภรรยาก็ยังแสดงความเชื่อมั่นกระบวนการดังกล่าว แม้ก่อนหน้านี้ทั้งคู่จะหนีหมายจับไปกบดานที่โน่นที่นี่ สุดท้ายก็ยังบากหน้ากลับมารายงานตัวต่อศาลจนเป็นกลายเป็นคดีเดียวในหลายสิบคดีที่สองสามีภรรยาคู่นี้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาชญากรโกงชาติหนีหมายจับถูกตัดสินพิพากษาลับหลังในที่สุด
หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ย้อนเวลาได้ แล้วกลับไปดูภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ตนเองก้มลงกราบพื้นดินสนามบินสุวรรณภูมิ ทำตนราวซาบซึ้งกับแผ่นดินแม่สุดฤทธิ์ ก็คงต้องสบถกับตัวเองหรือนึกโทษทีมที่ปรึกษาที่เชียร์ให้กลับมาต่อสู้คดีนี้ แถมยังให้คณะทนายหิ้วถุงขนม 2 ล้านบาทเป็นค่าติดสินบนศาลอีกด้วย
เนื่องเพราะ การตัดสินใจพลาดครั้งนั้นเรื่องราวจึงพัฒนามาถึงวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ คงคิดว่า ถ้าไม่มาแสดงตน คดีก็คงจำหน่ายเหมือนหลายสิบคดีในวันนี้
ทว่า ... แม้จะสำนึกเสียใจก็ช้าไปแล้ว ตาข่ายฟ้าได้ทำหน้าที่คลี่คลุมคนไปเรียบร้อย! พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี ไม่มีทางอุทธรณ์ ส่วนคณะทนาย 3 คนก็กำลังชดใช้กรรมอยู่ในคุก
ปัญหาน่าสนใจต่อไป พ.ต.ท.ทักษิณ ยังจะคงคิดอีกหรือว่า “วันนี้ไม่ใช่วันของผม ขอให้ผู้สนับสนุนผมอดทนอีกนิด” เหมือนที่เคยเขียนไว้ในแถลงการณ์ที่ไม่มารายงานตัวต่อศาลฎีกาฯครั้งก่อนจะระเห็จออกนอกประเทศเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
แม้วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยังมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยสืบทอดอำนาจรัฐบาลทรราชเอาไว้ แต่เมื่อความจริงประจักษ์แล้ว อีกทั้งตัวนายสมชายและ รัฐบาลเถื่อนๆ ของเขายังจะหน้าด้านไปอีกนานแค่ไหน ไม่มีใครตอบได้เพราะ รัฐบาลมือเปื้อนเลือด รอวันตายอยู่รอมร่อ ไหนเลยยังมีวันของ พ.ต.ท.ทักษิณ อีก?
ประการสำคัญที่สุด นัยของคดีนี้ต้องถือเป็นมิติใหม่ของประเทศไทย!
เพราะนับจากวันนี้เป็นต้นไป นักการเมืองที่ชั่วช้า ไร้จริยธรรม ทำทุกอย่างเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตนเองและเพื่อนพ้องมีสิทธิติดคุกเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทุกรายแม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหนก็ตาม
อานุภาพของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 มาตรา 100 นั้นจะเป็นบรรทัดฐานจัดการกับนักการเมืองเหล่านี้ได้ชะงัด
คนเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีมีอำนาจ ไม่อาจที่จะกล่าวอ้างว่า ตนไม่มีอำนาจดูแล ไม่ได้กำกับหน่วยงานนั้น หน่วยงานนี้ ไม่มีส่วนรู้เห็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ ประเภทโยนกลอง โยนความผิดให้ข้าราชการประจำร่ำไปนั้นทำได้ยากแล้ว
คดีอย่างปล่อยกู้ให้กับพม่า หรือ คดีอื่นๆที่เกี่ยวข้องพ.ต.ท.ทักษิณก็ย่อมอยู่ในเกณฑ์เดียวกันนี้!
นักการเมืองทุกคนต้องศึกษา โดยเฉพาะ นายกฯมือเปื้อนเลือด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์...น่าจะเป็นคนที่ต้องศึกษาบทเรียนนี้ให้มากเข้าไว้ มากกว่าใคร
เมื่อศึกษาแล้ว คนอย่างนายสมชายที่เคยเป็นถึงผู้พิพากษา เป็นข้าราชการกระทรวงยุติธรรมมาก่อนย่อมจะได้คำตอบแน่นอน…
เป็นนายกฯ จะปฏิเสธได้หรือไม่ว่า วันที่ 7 ตุลาฯ ไม่ได้สั่งฆ่าประชาชน!