xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลโจรจับ “จำลอง” พธม.ล้มโต๊ะเจรจา-นับถอยหลัง "น้องเขยแม้ว"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – ตำรวจจับ “พล.ต.จำลอง” ขณะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ส่งขังตชด.ภาค 1 ปทุมธานี เจ้าตัวทิ้งจดหมายเปิดใจ “ก่อนตายต้องชดใช้หนี้แผ่นดิน” ระบุเคยเป็นผู้ว่าฯ กทม. 6 ปี เป็นผู้ว่าฯคนเดียวที่ได้รับรางวัลแมกไซไซและได้รับรางวัลบุคคลดีเด่นแห่งเอเชีย จึงต้องออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ประกาศชัดไม่ประกันตัวพร้อมปฏิเสธข้อหากบฏ ลั่นล้มโต๊ะเจรจา “ชวลิต” ด้านแกนนำยันไม่เคลื่อนไหว ขอรอคำสั่งศาลเกี่ยวกับเรื่องหมายจับเสียก่อนว่าจะออกมาอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(5 ต.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 07.30  น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วยผู้ติดตาม 2 คน ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลเพื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่หน่วยเลือกตั้งที่ 12 แขวงนครไชยศรี โรงเรียนเศรษฐเสถียร โดย พล.ต.จำลองได้เดินทางไปตรวจรายชื่อ ซึ่งมีรายชื่ออยู่ในอันดับที่ 39 เมื่อตรวจรายชื่อเสร็จแล้ว ขณะรอเปิดหีบเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามเสนกว่า 10 นาย นำโดย พ.ต.อ.ศารทูล ประดิษฐ์ ผกก.สน.สามเสน เดินทางมาเจรจากับ พล.ต.จำลอง เพื่อขอควบคุมตัวด้วยหมายจับข้อหาเป็นกบฎในราชอาณาจักร

ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง ชี้แจงว่า ขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งก่อน  โดยหลังจาก พล.ต.จำลอง ใช้สิทธิ์เสร็จได้ออกมาจากหน่วยเลือกตั้ง และถูกจับกุมตัวไปที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับที่เมื่อวันศุกร์ที่ 3 ต.ค. ตำรวจได้จับนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ไปคุมขังก่อนนำไปฝากขังต่อศาล       

ต่อมาในเวลาประมาณ 08.30 น. น.ส.อัญชลี ไพรีรัก พิธีกรบนเวทีได้เปิดเผยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ทำเนียบรัฐบาลว่า พล.ต.จำลองได้ทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งไว้เพื่ออ่านให้กันพันธมิตรฯ ฟัง โดยจะอ่านให้ฟังในเวลา 09.00 น.จากนั้นในเวลา 09.00 น.น.ส.อัญชลี ได้เปิดจดหมายของ พล.ต.จำลอง และอ่านบทเวที โดยเนื้อความระบุว่า

"เรียน คุณอัญชลี คุณกมลพร หรือพิธีกรคนอื่นๆ กรุณาอ่านทุกถ้อยคำ อย่าให้ตกหล่น อ่านออกสำเนียงเสียงพูด พันธมิตรทุกท่าน ในการปราศรัย เราต่างมาชุมนุมเพื่อใช้หนี้แผ่นดินและมาทำบุญ เราต่างมาทำบุญเพื่อประเทศไทย และใช้หนี้แผ่นดิน เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกๆ คน ที่เกิดมา ก่อนตายต้องชดใช้บุญคุณแผ่นดิน ไม่ว่าการณ์สิ่งใดจะเกิดขึ้นขอให้ทุกคนจงจดจำไว้ว่า หน้าที่ของพลเมืองไทย คือ รับใช้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผมจำลอง ศรีเมือง อยากย้ำเตือนคนไทยว่า เราต่างเกิดมาพร้อมหน้าที่ ไม่ว่าจะสูงต่ำดำขาว ยากดีมีจน เรามีหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดิน จาก จำลอง ศรีเมือง 6 โมงเช้า"

หลังจากอ่านจดหมายจบ น.ส.อัญชลี ได้ปราศรัยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ โดยระบุว่า ตอนที่ได้รับจดหมายไว้ ตนนึกว่า พล.ต.จำลอง ได้เขียนเนื้อหายุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวเอาไว้ แต่เอาเข้าจริงกลับมีเนื้อหาดังข้างต้น ส่วนผู้ชุมนุมที่ในทำเนียบรัฐบาลหลายคนหลั่งน้ำตาหลังน.ส.อัญชลีอ่านจดหมายพล.ต.จำลองเสร็จ

**เผย”จำลอง”ยันต้องไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
ต่อมานายสมศักดิ์ โกศัยศุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีว่า เราต้องตั้งสมาธิสู้รัฐบาลทรราชจนกว่ารัฐบาลนี้จะออกไป พล.ต.จำลองไปมีความผิดอะไร ออกไปใช้สิทธิตามหน้าที่พลเมือง ขอให้พี่น้องน้อง อย่าตระหนกตกใจ ทั้งนี้จะได้เป็นการพิสูจน์พลังของพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ ทั่วโลก พิสูจน์พลังของประชาชนหรือรัฐบาลชั่วจะเป็นฝ่ายชนะ เราสู้เพื่อชาติเพื่อบ้านเมืองเราจะไปกลัวทำไม ขอกองทัพประชาชนต้องเตรียมพร้อม มีวินัย มีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียว เอายังไงเอากัน เราเชื่อพลังของพี่น้องประชาชน ห่วงใยประเทศชาติ
       
จากนั้น นายสนธิ  ลิ้มทองกุล  แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ตนก็ได้รับจดหมายจาก พล.ต.จำลอง  โดยมีใจความว่า  “ถ้าคุณสนธิ จะชี้แจงกรุณาแจ้งให้ละเอียดว่า เรามาทำหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดินและมาทำบุญ  ผมเป็นผู้ว่าฯ กทม. 6 ปี เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดคนเดียวที่ได้รับรางวัลแมกไซไซ เป็นผู้ว่าฯ กทม.คนเดียว ที่ได้รับรางวัลบุคลดีเด่นแห่งเอเชีย จึงต้องออกไปทำหน้าที่แม้จะเสี่ยงก็ตาม พี่น้องไม่ต้องกังวลคนที่ตัดสินใจมาเป็นแกนนำ แล้วเอาทรัพย์วางไว้ข้างตัว เอาชีวิตฝากไว้กับฟ้า เป็นยังไงก็ต้องยอมให้มันเป็นอยู่แล้ว”

นายสนธิกล่าวว่า นี่คือบททดสอบความแข็งแกร่ง ขอให้ผู้ชุมนุมเก็บน้ำตาเก็บความแค้นไว้ในใจ ขอให้ใช้เหตุการณ์ของ พล.ต.จำลอง และ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์  ชี้ให้เห็นว่าคนที่รักบ้านเมืองถูกตำรวจรังแก โดยตำรวจคนนั้น คือ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้ผู้ชุมนุมลุกขึ้นสู้ เพราะหากไม่สู้แล้ว การเสียสละของ พล.ต.จำลอง และ นายไชยวัฒน์ จะไม่มีประโยชน์อะไร       
       
ต่อมานายสมศักดิ์ และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ได้แถลงข่าวต่อผู้สื่อข่าวโดยระบุว่า พล.ต.จำลอง การออกไปเลือกตั้งนั้นไม่ได้เป็นแผนการระดมพลพันธมิตรฯ แต่มีเหตุผลเนื่องจาก พล.ต.จำลอง เป็นอดีตผู้ว่าฯ กทม.มาก่อน ดังนั้นจึงต้องออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามสิทธิและหน้าที่ของประชาชนคนหนึ่ง

ด้านนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวที ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยระบุว่าวันนี้จะมีเครือข่ายภาคประชาชนภาคอีสาน เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว สนามบินดอนเมือง เพื่อทวงถามความเป็นธรรมให้กับ พล.ต.จำลอง และนายไชยวัฒน์
    
นายสมเกียรติกล่าวด้วยว่า พล.ต.จำลอง ถูกจับเพราะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ตามสิทธิและหน้าที่ขั้นพื้นฐาน เป็นการใช้สิทธิอันศักดิ์สิทธิ์ในฐานะประชาชน

"คนดีจะเดินตรอก ขี้ครอกจะเดินถนน กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม คนดีต้องถูกขังคุก คนชั่วจะครองทำเนียบก็ให้มันรู้ไป" นายสมเกียรติกล่าว

**“พันธมิตรฯ” ปัดไม่ใช่ แผนระดมคน
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล นาย สมศักดิ์ โกศัยสุข นาย พิภพ ธงไชย และนายศิริชัย ไม้งาม ร่วมแถลงข่าว โดยยืนยันว่าจะมี การประชุมกำหนดแนวทางเรื่องการเมืองใหม่ยังคงมีต่อไปตามปกติ และทำหน้าที่ทำความถูกต้องตามที่สังคมกำหนด

นายพิภพ กล่าวถึงกรณีที่พล.ต. จำลองถูกจับกุมว่า ขณะที่พล.ต.จำลองออกไปใช้สิทธิแม้จะเสี่ยงต่อการถูกจับกุมตัว ด้วยพล.ต.จำลองมีมโนธรรมสำนึกในการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ การตัดสินใจของพล.ต.จำลอง เป็นความกล้าหาญทางจริยธรรม เป็นการตัดสินใจที่ไม่มีความกลัว และเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่แสดงให้สังคมเห็น ว่าระหว่างมโนธรรมสำนึกกับความกล้า สุดท้ายมือมนุษย์ต้องการทำในสิ่งที่ถูกต้องโดยขจัดความกลัวออกไป พล.ต.จำลองได้ผดุงความถูกต้องด้วยการทำหน้าที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการหาทางออกโดยจะเหมือนกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬหรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า ไม่ใช่ ปัญหาที่จะตามมาเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะดูแลไม่ให้สถานการณ์บานปลาย เมื่อพล.ต.จำลองไปได้ตัดสินใจโดยมโนธรรมหากไม่ออกไปเลือกตั้งสังคมจะตั้งคำถามว่าไม่มีความกล้าหาญและไม่ปฏิบัติหน้าที่

ส่วนเมื่อถามว่า เป็นแผนเรียกคนมาชุมนุมหรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เป็นการไปทำหน้าที่และไม่ใช้สิทธิเพื่อความถูกต้อง ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การระดมคนไม่จำเป็นต้องให้คนมาจับสามารถประกาศให้ประชาชนมาชุมนุมได้ เมื่อถามต่อว่าจะมีแกนนำออกไปแสดงความกล้าหาญอีกหรือไม่ ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์อาจมีก็ได้ 

นายพิภพเสริมว่า แกนนำที่เหลือจะทำหน้าที่อยู่กับประชาชนในการต่อสู้ด้วยสันติ ส่วนรัฐบาลจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรเป็นหน้าที่ของรัฐบาล รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาเอง

“รัฐบาลเป็นคนสร้างเงื่อนไขเอง รัฐบาลต้องเป็นคนแก้ปัญหา พันธมิตรฯ จะนำการชุมนุมไปโดยสงบและสันติตามเป้าหมายเดิมที่มีอยู่ โดยรัฐบาลพลังประชาชนต้องออกไป รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมที่จะทำการเมืองใหม่ ตอนนี้รัฐสภากำลังจะเล่นเกมอยู่ตลอดเวลา ทั้งการเอารัฐธรรมนูญของนพ.เหวง โตจิราการ และการตั้งสสร.3 พล.ต.จำลองไม่ได้อยู่ในเกมนี้ แต่อยู่ในความถูกต้อง”นายพิภพ กล่าว

เมื่อถามว่า จะมีการเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มี การจะไปที่ไหนต้องมีการหารือในระหว่างแกนนำ อย่างไรก็ดีประชาชนมีสิทธิของตัวเอง ที่จะชุมนุมโดยอิสระ แกนนำคงบอกได้แต่ว่าการชุมนุมต้องเป็นไปโดยสงบและสันติ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่สร้างโดยรัฐบาล

เมื่อถามว่า การเจรจาระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตรฯจะยังคงมีอยู่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นแบบนี้คงไม่มีการเจรจา เราไม่ได้พูดว่าปิด แต่เมื่อสถานการณ์ไม่มีความจริงใจและตลบตะแลง เราคงไม่ต้องพูดอะไรกับคนที่ไม่รับผิดชอบ หากมีการต่อสายจากรัฐบาลพันธมิตรฯ จะรับการเจรจาหรือไม่ นายพิภพเสริมว่า ขอให้มีการติดต่อมาก่อนซึ่งแกนนำพันธมิตรฯจะหารือกัน ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้แล้วพล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.กอ.รมน.จะมาเป็นแกนนำแทนพล.ต.จำลองตามที่เคยประกาศไว้หรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า 5 แกนนำไม่เกี่ยวกับพล.อ.พัลลภ และพล.อ.พัลลภเป็นนายทหารนอกราชการเป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ คงไม่มีการนำพล.อ.พัลลภมาเป็นแกนนำแทนพล.ต.จำลอง เมื่อถามย้ำว่าหากพล.อ.พัลลภ ขอเข้ามามีบทบาทเป็นแกนนำ นายพิภพ กล่าวว่า เหตุการณ์นั้นยังไม่เกิดเราไม่แสดงความคิดเห็น

 **ตำรวจแถลงยันต้องจับตามหน้าที่     
เมื่อเวลา 10.45 น. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ได้เปิดแถลงข่าวโดยระบุว่า เหตุการณ์ไม่มีอะไร เพียงแต่ พล.ต.จำลอง เดินทางออกจากทำเนียบฯ ไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 12 แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำการอยู่ที่คูหาทราบว่า พล.ต.จำลอง เป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับอยู่จึงเข้าจับกุมก็เท่านั้นเอง โดยมีนายตำรวจระดับรอง ผบก.และ ผกก.เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่ง พล.ต.จำลอง ก็ไม่ได้ขัดขืนพร้อมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ประกอบกับแจ้งว่าไม่ต้องการประกันตัวอีกด้วย ซึ่งจากนี้ไปตำรวจก็ต้องดำเนินการสอบสวนไปตามขั้นตอน

สำหรับเรื่องการสอบสวนตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล และ พล.ต.ต.ดำริ เศรษฐโชติ รอง ผบช.น. เป็นผู้ดูแลให้เกิดความยุติธรรม โดยตนขอยืนยันว่าการจับกุมในครั้งนี้ไม่ได้มีแผนทำลายบรรยากาศการเจรจาแต่อย่างใดและไม่มีผู้ใดสั่งการมาเป็นพิเศษ ตำรวจเข้าจับกุมตามหมายจับก็เท่านั้น หากแกนนำพันธมิตรฯ คนอื่นๆ มาปรากฏให้เห็นต่อหน้าเจ้าพนักงานก็สามารถจับกุมได้ทันที ที่ผ่านมาตำรวจพยายามหลีกเลี่ยงการใช้กำลังทุกวิถีทางแล้ว เราทำงานด้วยหลักนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ มาโดยตลอด หากตำรวจเข้าไปจับกุมแกนนำพันธมิตรฯ ในทำเนียบฯ ก็อาจเกิดการปะทะและเกิดความสูญเสียได้ แต่การมาปรากฏตัวให้เห็นต่อหน้าต้องจับกุม มิเช่นนั้นอาจถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

“ส่วนเรื่องที่ว่าตำรวจเลือกปฏิบัติคือปฏิบัติกับกลุ่มแกนนำพันธมิตรฯ และกลุ่มขั้วอำนาจเก่าแตกต่างกัน ผมขอยืนยันว่านั่นเป็นเรื่องเก่า แต่ในฐานะที่ผมเพิ่งมาทำงานอยู่ในขณะนี้นั้นไม่มีแน่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็แล้วแต่ จะต้องปฏิบัติอย่างเดียวกัน ตำรวจตองทำหน้าที่ตามอำนาจตุลาการ ส่วนเรื่องการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นหน้าที่ของรัฐบาลตนขอยืนยันอีกครั้งว่าการจับกุม พล.ต.จำลอง ไม่ได้ต้องการกลั่นแกล้งใคร หรือไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายบรรยากาศการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯอย่างแน่นอน” พล.ต.ท.สุชาติ กล่าว

ต่อมา เวลา 11.30 น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร.กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม พล.ต.จำลองเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่เกิดความวุ่นวายแต่อย่างใด และเตรียมที่จะนำตัวไปฝากขังในวันนี้ ขณะนี้ผู้ต้องหาตามหมายจับได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว เชื่อว่าพี่น้องประชาชนทุกฝ่ายน่าจะยอมรับกระบวนการยุติธรรมได้ การที่ พล.ต.จำลอง ออกมาปรากฏตัวคาดว่าน่าจะเป็นความตั้งใจที่ต้องการจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและอาจจะเป็นการนำร่องให้แกนนำที่เหลืออีก 7 คน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด้วย เพื่อทางออกที่ดีที่สุดของประเทศชาติ ส่วนเรื่องที่แกนนำพันธมิตรฯกล่าวว่าหมายจับนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ต้องให้กระบวนการยุติธรรมเป็นฝ่ายตัดสินไม่ใช่คนใดคนหนึ่งมาตัดสินว่าหมายจับที่ออกมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลังจากนี้หากศาลจะตัดสินอย่างไรจะสั่งฟ้องหรือไม่หรือจะสั่งไม่ฟ้องไปก่อนชั่วคราวก็ถือว่าเป็นกลไกของศาล
    
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวต่อว่า จากนี้จะมีการปรับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาจากสถานการณ์และความเหมาะสม แต่จะประสานไปยังกองทัพภาคที่ 1 เพื่อให้เตรียมกำลังทหารไว้รองรับสถานการณ์หากเกิดความรุนแรงหรือมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่มีการปล่อยให้เกิดความวุ่นวายหรือการปะทะกันของกลุ่มสนับสนุนและกลุ่มต่อต้านอีกอย่างเด็ดขาด
       
ด้านพล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ สุริโย ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ผบช.ตชด.) ยืนยันว่า ในการนำตัว พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ไปที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 นั้น จะดูแล พล.ต.จำลอง เป็นอย่างดี และสถานที่ในการควบคุมตัว พล.ต.จำลอง มีการเตรียมพร้อมไว้อย่างดีเช่นกัน

ขณะที่พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 ชี้แจงว่า ตำรวจมีความจำเป็นในการเข้าจับกุมพล.ต.จำลอง ขณะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่โรงเรียนเศรษฐเสถียร ซึ่ง พล.ต.จำลองเผยจะไม่ขอใช้สิทธิประกันตัว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวานนี้(5 ต.ค.)เป็นวันหยุดราชการ พล.ต.จำลองจะต้องถูกควบคุมตัวอยู่ที่ บก.ตชด.ภาค 1 หนึ่งคืนก่อน จากนั้นในวันนี้(6 ต.ค.)เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญาฝากขัง ผลัดแรก โดยตำรวจระบุว่าจะคัดค้านการประกันตัว

**ปราโมทย์ยืนยันชนะแน่
เวลา 11.30น. อ.ปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระกล่าวบนเวทีพันธมิตรว่า ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาถอดใจ แต่ต้องตั้งใจเพื่อลบล้างการเมืองรูปแบบเก่า ไม่มีพลังใดจะสู้พลังประชาชนได้แน่นอน
       
อ.ปราโมทย์ ยังกล่าวถึงความอัปยศของวงการตำรวจไทยจากเหตุการณ์จับกุมนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำพันธมิตรซึ่งถูกออกหมายจับโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยอ้างหมายจับและหลอกลวงว่าจะนำไปควบคุมตัวที่สน.นางเลิ้ง แต่กลับเปลี่ยนสถานที่โดยมิได้บอกนายไชยวัฒน์ตามหน้าที่ จนมีการขัดขืนและตำรวจใช้กำลังลากถูหรือที่เรียกว่าวิธีอุ้มก่อนสับเปลี่ยนยานพาหนะ เปลี่ยนสถานที่ควบคุม ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมาย หากเป็นที่สหรัฐตำรวจต้องปล่อยตัวนายไชยวัฒน์ในทันทีและตำรวจต้องกลับไปติดคุกแทน ทั้งนี้เหตุที่เกิดขึ้นนี้ต้องถือว่ารัฐตำรวจรับใช้นักการเมืองชั่ว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บ้านเมืองกำลังตกอยู่ในสภาพสุญญากาศที่กำลังแผ่ขยายไปทั่ว คำว่าสุญญากาศไม่จำเป็นต้องเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นก่อน เพราะแค่มีรัฐบาลนอกกฎหมายเข้ามาบริหารบ้านเมือง และใช้อำนาจการปกครองที่ไม่ชอบ แค่นี้ก็ถือว่าเกิดภาวะสุญญากาศ

**พล.อ.ปฐมพงษ์ร้องททหารทำเพื่อแผ่นดิน
เมื่อเวลา 12.15 น. พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรสุข กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯว่า การจับกุม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายไชวัฒน์ สินสุวงศ์ ขอให้พี่น้องอย่าตกใจเป็นเรื่องปกติในการต่อสู้ ขอให้ปฏิบัติตามที่ พล.ต.จำลองให้แนวทางไว้ เพราะการดำเนินการของเราเดินทางมาถูกต้องแล้ว ทำสิ่งกล้าหาญที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย พร้อมเรียกร้องให้ทหารสนับสนุนการต่อสู้ของประชาชนในครั้งนี้ หากทหารไม่ทำถือว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้ปฏิญาณตนไว้ ถึงเวลาที่ทหารจะออกมาดูแลให้การสนับสนุนไม่ใช้ชาติล่มจม ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชดำรัส

พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวต่อว่า ทหารทุกเหล่าทัพจะต้องมีการเรียกประชุม รวมตัวกันไปพบผู้นำรัฐบาล เพราะถึงเวลาแล้วที่ต้องการกับผู้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพให้เรียบร้อย อย่าสักแต่พูดเป็นเรื่องของกฎหมาย ในเมื่อพวกท่านมีอำนาจดูแลด้านความมั่นคง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ยังไม่มีการจัดการให้สิ้นซาก การโยนความรับผิดชอบให้คนอื่นหรือหลีกเลี่ยงถือว่าขี้ขลาด ทำเสีย อย่าเพิกเฉย อย่ารอให้สอบสวนอีก 18 ปาก คนที่ทำร้ายในหลวงเอาไว้ไม่ว่าด้วยวิธีใด คนนั้นเอาไว้ในแผ่นดินไม่ได้ คนที่ทำให้แผ่นดินเสียหายก็เอาไว้ไม่ได้เหมือนกัน

"ผมขอเรียกร้องให้ออกมา ออกมาทำหน้าที่ประชาชน ทำหน้าที่ทหารของพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านทำในสิ่งที่ถูกต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ตอบแทนชาติ อย่างสมบูรณ์ที่สุด ฝากไปรองปลัดกห.ผบ.ส.ส. ผบ.ทอ. ผบ.ทร.ต้องยอมให้ผู้บังคับบัญชาออกมากู้ชาติครั้งนี้ ทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่ใช่ปล่อยให้คนดีถูกรังแกจากคนชั่วร้าย คนชั่วยังครองเมืองจะให้พวกนี้ใช้แผ่นดินนี้หาประโยชน์หรืออย่างไร โดยจันทร์ขอให้ประชุมผบ.เหล่าทัพทั้งหมดประชุมร่วมกัน วันอังคาร ไปพบนายกฯจัดการกับผู้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพให้เด็ดขาดเสร็จสิ้นในวันพุธหรือพฤหัส รวมถึงการยื่นเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นเอกราชและดินแดนของชาติ ยื่นให้รัฐบาลตามที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไปแล้วถ้าทหารยังนิ่งเฉยก็ใช้ไม่ได้ ในหลวงรับสั่งอย่าให้คนชั่วมาปกครองบ้านเมือง พวกเราจะทำให้สำเร็จ เชื่อว่าจากวันนี้ไป ชัยชนะอยู่ไม่ไกลขอให้พี่น้องประชาชนสามัคคีและเข้มแข็ง”พล.อ.ปฐมพงษ์กล่าว

**ตำรวจยื่นขอฝากขังวันนี้
เมื่อเวลา 13.15 น.นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางออกมาจากกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จังหวัดปทุมธานี หลังจากเข้าเยี่ยม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง

นายนิติธร เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนจากสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ได้สอบสวน พล.ต.จำลองเสร็จสิ้นแล้ว โดย พล.ต.จำลองได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมชี้แจงว่าการชุมนุมเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และเป็นการปกป้องการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยกระบวนการต่อจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะนำตัว พล.ต.จำลอง ไปยื่นขอฝากขังต่อศาลอาญารัชดาภิเษกในวันนี้ เวลา 08.30 น. ซึ่งทนายความของกลุ่มพันธมิตรฯ จะยื่นคำร้องคัดค้านการขอฝากขังต่อศาล แต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล หากอนุมัติตามคำร้องของพนักงานสอบสวน พล.ต.จำลองก็ยืนยันแล้วว่าจะไม่ขอประกันตัว แต่จะยอมถูกควบคุมตัวต่อไป
  
ส่วนนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ 1 ใน 9 แกนนำพันธมิตรฯ ที่ถูกออกหมายจับในข้อหากบฏและถูกควบคุมตัวไว้ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค. จะเดินทางออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ บางเขน เพื่อไปฟังคำสั่งศาลว่าหมายจับในข้อหากบฏของทั้ง 9 แกนนำ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ วันพรุ่งนี้ เวลา 14.00 น.

**พ.ต.หญิงศิริลักษ์เข้าเยี่ยม
ก่อนหน้านี้เวลาประมาณ 12.15 น. พ.ต.หญิงศิริลักษณ์ ศรีเมือง ภรรยาของ พล.ต.จำลอง ได้นำอาหารมังสวิรัติ ผลไม้บรรจุกล่องโฟม นมไวตามิลค์ เข้าเยี่ยม พล.ต.จำลอง โดยตำรวจที่ดูแลแนวกั้นบริเวณสะพานทางเข้า อนุญาตให้ พ.ต.หญิงศิริลักษณ์ เข้าไปเพียงคนเดียว และจัดรถตู้ของตำรวจให้ แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ติดตามเข้าไปด้วย

พ.ต.หญิงศิริลักษณ์ เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยม พล.ต.จำลองเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ว่า พล.ต.จำลองฝากขอบคุณกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มาให้กำลังใจบริเวณด้านหน้ากองบังคับการ แต่ขอให้ทุกคนไปชุมนุมร่วมกันที่ทำเนียบฯ ดีกว่า

**เจิมศักดิ์มั่นใจยุบสภาแน่
เวลา 14.30 น. นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะตนเองที่รู้สึกคับแค้นใจ แต่ยังมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอีกหลานคน มุ่งตรงมายังทำเนียบฯ โดยไม่ได้นัดหมาย เพื่อแสดงพลังอันเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกันคือรัฐบาลทรราชต้องออกไป

ทั้งนี้ ในเดือนต.ค.นี้ ระบอบทักษิณใกล้จะล่มสลายแล้วจากคดีต่างๆ ทั้งคดียุบพรรคพปช.ซึ่งอัยการเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญ คดีที่ดินรัชดาซึ่งมีพ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยาตกเป็นจำเลย และคดีนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก 2 ปี โดยไม่ต้องรอลงอาญา และมีความเป็นไปได้ว่ารัฐบาลชิงยุบสภาหนี

**จำลองต่อสายล้มโต๊ะเจรจา
นายสุริยะใส กตะศิลา  ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการเจรจากับพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ  รองนายกรัฐมนตรีว่า หลังจากที่พล.ต.จำลอง ถูกจับกุม ก็ได้โทรศัพท์มาบอกกับแกนนำว่าไม่ต้องเจรจากับรัฐบาลแล้ว และไม่ให้ออกจากทำเนียบรัฐบาล ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์พล.อ.ชวลิต ก็ยังไม่ติดต่อมาอีกเลย พันธมิตรฯจึงตั้งคำถามว่าที่ผ่านมา พล.อ.ชวลิต มีอำนาจในการตัดสินใจเจรจาหรือไม่  

**ไชยวัฒน์” ไม่เครียด
แหล่งข่าวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ภายหลัง นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ถูกส่งเข้าควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายไชยวัฒน์ได้ถูกส่งตัวเข้าไปคุมขังในแดนแรกรับ โดยในวานนี้ (5 ต.ค.) เป็นวันหยุดราชการ ซึ่งตามระเบียบแล้วทางเรือนจำไม่อนุญาตให้เยี่ยมผู้ต้องขัง นายไชยวัฒน์ จึงใช้เวลาในช่วงกลางวันขลุกอยู่ในห้องสมุดของทางเรือนจำ โดยไม่มีสีหน้าหรืออากัปกิริยาที่แสดงออกถึงความเคร่งเครียดแต่อย่างใด นอกจากนี้ นายไชยวัฒน์ยังพูดคุยกับเพื่อนผู้ต้องขังร่วมแดนแรกรับได้อย่างเป็นกันเอง จากนั้นในเวลา 15.00 น.เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำผู้ต้องขังทั้งหมดกลับขึ้นเรือนนอน และปิดแดนคุมขัง
       
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้เรือนจำได้เตรียมความพร้อมในการรับตัว พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 1 ในแกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งอาจถูกศาลส่งตัวเข้ามาคุมขังในวันที่ 6 ต.ค.นี้ คาดว่า เรือนจำจะจัดให้ พล.ต.จำลอง นอนในห้องขังร่วมกับนายไชยวัฒน์ ซึ่งเรือนจำจะเข้มงวดเป็นพิเศษในเรื่องมาตรการดูแลความปลอดภัยในทุกด้านให้กับผู้ต้องขังคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เรือนจำยังได้ประสานไปยังตำรวจ สน.ประชาชื่น เพื่อเตรียมจัดวางกำลังรองรับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่อาจรวมตัวเดินทางมาเยี่ยม นายไชยวัฒน์ และรอคอยการส่งตัว พล.ต.จำลอง เข้าไปคุมขังในเรือนจำ

**”สนธิ”ขอลุ้นคำสั่งศาลวันนี้
ต่อมาในเวลาประมาณ 21.19 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุลได้ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ อีกครั้ง พร้อมทั้งกล่าวว่า หลังจากพล.ต.จำลองถูกจับก็ได้โทรศัพท์สอบถามความเป็นอยู่ของ พล.ต.จำลอง ซึ่งก็ได้รับยืนยันว่าสบายดี ไม่มีปัญหาอะไร แต่สิ่งที่ทำให้พล.ต.จำลองปวดหัวก็คือ พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลที่โทรศัพท์หาและให้คำยืนยันว่าจะดูแล พล.ต.จำลองอย่างดี เนื่องจากเคยเป็นนักศึกษาในโรงเรียนผู้นำของพล.ต.จำลอง ซึ่ง พล.ต.จำลองก็ตอบกลับไปว่า ไม่จำเป็นต้องดูแล และขออยู่ในสภาพเดียวกับผู้ต้องขังคนอื่นๆ

นายสนธิกล่าวด้วยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พล.ต.จำลองไม่เคยเปลี่ยนวิถีชีวิต ยังคงดำรงความเป็นสมถะเหมือนเดิม ที่สำคัญคือจิตใจที่แกร่งดั่งเพชรและไม่ยอมแพ้ต่อความชั่วร้าย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสิ่งที่ทำให้พล.ต.จำลองอึดอัดใจมากที่สุดก็คือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬที่มีคนกล่าวหาว่าพาคนไปตาย ซึ่งตนเองอยากจะบอกว่า ไม่จริง เพราะขณะที่มีการทำร้ายประชาชนมีการยิงประชาชนนั้น พล.ต.จำลองถูกจับไปคุมขังแล้ว ดังนั้น พล.ต.จำลองจึงไม่เกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย

“เวลาเราเดินขบวนด้วยกัน พอผมเดินนำหน้า พี่ลองก็จะเดินเข้ามาหาแล้วบอกว่า ถ้าจะเจรจากับตำรวจต้องให้ผม ผมมีวิธีจัดการอย่างนุ่มนวล และพี่ลองก็ทำสำเร็จทุกครั้ง ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ด้วยสันติวิธี ผมอยากให้ทุกคนหลับตาและคิดถึงคนที่อายุ 73-74 ปีที่ชั่วชีวิตทำแต่สิ่งดีงาม ตลอดเวลาของการชุมนุมพี่ลองห่วงความเป็นอยู่ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องห้องน้ำ อาหารการกิน หรือเรื่องการคุ้มครองให้ปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ ซึ่งพล.ต.จำลองพูดเสมอว่า ทุกคนมาด้วยใจเพราะฉะนั้นจะได้รับบาดเจ็บไม่ได้ นี่คือพล.ต.จำลอง ทหารแห่งกองทัพบก นี่คือพล.ต.จำลอง ผู้นำของพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯ คนอย่างนี้สมควรที่จะได้รับเหรียญตรา มากกว่าการถูกรัฐบาลจับยัดข้อหากบฎ ”

นายสนธิกล่าวต่อว่า การเสียสละของพล.ต.จำลองในครั้งนี้มีค่าเหนือการสิ่งใด เพราะการที่ตัดสินใจออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก็เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ทั้งในฐานะที่เคยเป็นอดีตผู้ว่าฯ และยังได้รับรางวัลแมกไซไซ เป็นการตัดสินใจทั้งๆ ที่รู้ว่า มีความเสี่ยงที่จะถูกจับอย่างยิ่ง

“ผมอยากจะฝากบอกตำรวจ คนที่มีอำนาจและคนที่อยู่เบื้องหลังการออกหมายจับและการจับกุมในครั้งนี้ว่า คนที่ทำจะต้องชดใช้กรรม ต้องถึงแก่กาลพินาศฉิบหายแน่นอน อย่างไรก็ตาม นอกจากพล.ต.จำลองแล้ว ผมก็อยู่ในข่ายที่จะถูกจับเช่นกัน เพราะทราบมาว่า มีตำรวจประมาณ 10 คนซุ่มอยู่ในรถตู้ 2 คันไปจอดในสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กับที่พักของผม และรอจังหวะที่จะจับกุม ซึ่งผมไม่กลัวถูกจับ แต่อยากจะฝากบอกตำรวจไปว่า ถ้าจับแล้วต้องมีวิธีควบคุมตัวเอาไว้ให้ได้ หรือไม่ก็ต้องฆ่าตนเองไปเลย”

นายสนธิกล่าวต่อว่า สำหรับท่าทีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น คงต้องรอคำสั่งศาลเกี่ยวกับเรื่องหมายจับเสียก่อนว่าจะออกมาเช่นไร รวมทั้ง รอการเดินทางมาสมทบของพันธมิตรฯ ต่างจังหวัดเสียก่อน ดังนั้น จึงขอให้อดทนและใจเย็นไว้ก่อนเพื่อไม่ให้การเสียสละของ พล.ต.จำลองและนายไชยวัฒน์สูญเปล่า โดยขอยืนยันว่า 5 แกนนำจะไม่ทนกับรัฐบาลชุดนี้อีกต่อไป ทั้งนี้ การตัดสินใจใดๆ ของ 5 แกนนำจะมีพล.ต.จำลองเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในขณะนี้ที่นายสนธิขึ้นปราศรัยนั้น บรรดาพันธมิตรที่ร่วมชุมนุมจำนวนมากได้ร่ำไห้ออกมา ซึ่งนายสนธิก็ขอให้ทุกคนแปรเปลี่ยนน้ำตาและความคับแค้นเอาไว้เป็นพลังในการต่อสู้ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น