“สมเกียรติ” แฉพิรุธ “หมัก” จับมือ “ชัย” หักคองบประมาณกว่า 5 พันล้าน เร่งอนุมัติสร้าง “รัฐสภาแห่งใหม่” จนน่าแปลกใจ เตือน “รัฐบาลตายซาก” ต้องถอยออกมา แย้มจับตา “สภาฯ โจร” เตรียมอนุมัติงบประมาณจำนวนอภิมหาศาล พร้อมทิ้งทวนด้วยการประกาศยุบสภาฯ แล้วเลือกตั้งใหม่
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วันนี้ (9 ส.ค.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัย โดยกล่าวถึงกรณีที่ได้เดินทางไปตรวจสอบปราสาทสะด๊อกก๊อกธม กิ่งอำเภอโคกสูง จ.สระแก้ว ว่า เมื่อวานนี้ ตำรวจตระเวนชายแกน กองร้อย 125 ได้ทำการขุดหลักสีแดง 60 กว่าหลัก แล้วทำพิธีเผา จากนั้นได้ทำหลักเขตแดน ไม่เช่นนั้นเขาจะกินดินแดนไปจนถึงปราสาทสะด๊อกก๊อกทม ซึ่งเป็นกรณีที่ 3 ต่อจากปราสาทตาเมือนธม มีซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเขาพระวิหารมากที่สุด และโบราณสถานที่ทรงคุณค่า ซึ่งมีการระบุชื่อผู้สร้าง ซึ่งข้อมูลถูกเก็บไว้ในหอสมุดแห่งชาติ ฉะนั้น การเปิดศึกของกัมพูชาครั้งนี้เป็นรอบที่ 3 แต่กองกำลังบูรพาได้เผาหลักสีแดงไปแล้ว
“ผมอยากจะพูด 2 เรื่อง คือ 1.กลไกทางตุลาการที่กำลังจะเล่นงานระบอบทักษิณ และรัฐบาลหุ่นเชิด โดยกลไกสำคัญคือ ศาล ซึ่งมีทั้งหมด 4 ศาลสำคัญ ขนาดศาลทำงานอย่างหนัก แต่เรายังคิดว่าระบอบทักษิณ ยังไม่สิ้นซาก ยกตัวอย่างศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีคำพิพากษาในคดีใหญ่มาก คือ เพิกถอนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2549 ซึ่งระบอบทักษิณ ส่ง ส.ส.ลงสมัครเพียงพรรคเดียว โดยที่ประชาชนชาวใต้ไม่ยอม ทำให้การลงคะแนนไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งระบอบทักษิณ เสียหายไปนับหมื่นล้านบาท จนกลายเป็นรัฐบาลรักษาการ ท้ายที่สุดก็ถูกรัฐประหาร ส่วนครั้งที่ 2 คือ เมื่อ 30 วันที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยการลงนามในแถลงการณ์ร่วม โดยให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งขณะนี้ศาลกำลังดำเนินการอยู่ ส่งผลให้พันธมิตรฯ ได้ชัยชนะเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว”นายสมเกียตริ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับศาลอาญานั้น ได้มีการพิพากษาคดีที่ยังไม่แล้วเสร็จ กรณีมีคนถูกจำคุก 3 ปี แต่ศาลฎีกาทำหน้าที่สำคัญๆ 2 ครั้ง โดยคดีแรกเมื่อวันที่ 25 ก.ค.2549 คือ ศาลสั่งจำคุก กกต.ชุด พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ คนละ 4 ปี และถ้าศาลฎีกาพิพากษายืน ก็จะจำคุกทันที นอกจากนี้ ศาลอาญายังสั่งจำคุกคุณหญิงพจมาน ชินวัตร 3 ปี พี่ชาย และเขลาส่วนตัว ล่าสุด เมื่อ 2 วันที่แล้ว ศาลได้สั่งจำคุก 2 วัยรุ่นที่รื้อเวที และทำร้ายพี่น้องพันธมิตรฯ คนละ 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญา และขณะนี้ที่ จ.อุดรธานี กำลังจะคนถูกจำคุก 25 คน ซึ่งนำโดยนายขวัญชัย ไพรพนา ฉะนั้นเวลานี้พันธมิตรฯ จะไปปราศรัยที่ไหน ก็จะไม่มีอันธพาลมาก่อกวน เพราะพวกมันกลัวคุก ฉะนั้นต่อไปนี้ขอแค่การ์ดอาสามีกล้องถ่ายรูป เราก็สามารถเอาผิดพวกที่มาป่วนพันธมิตรฯ ได้แล้ว
ส่วนศาลปกครองนั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนจำได้ว่าเมื่อวันที่เรามายึดเวทีที่สะพานมัฆวานฯ ใหม่ๆ ก็มีข่าววันนั้นเลยว่า ศาลปกครองสูงสุดได้อ่านคำพิพากษา โดยสั่งเพิกถอนไม่ให้การไฟฟ้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยถูกเปิดโปงภายหลังว่านายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ไปเซ็นสัญญากับประเทศลาว ในเขื่อนบ้านกลุ่ม มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท นอกจากนี้ศาลปกครองยังอ่านคำพิพากษาตอนตี 1 โดยสั่งระงับการเซ็นอนุมัติให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเพียงฝ่ายเดียว ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นายสมเกียรติ ยังกล่าวถึงศาลฎีกาแผนกเลือกตั้งว่า ศาลนี้ดีจริงๆ จะเห็นได้จากทนาย 2 คน เอาขนม 2 ล้านไปให้ศาล อีกไม่กี่วันศาลพิพากษาจำคุก 3 ทนาย คน 6 เดือน และหากออกจากคุกก็จะถูกแจ้งความดำเนินคดีอีก ก็จะทำให้ทนายดังกล่าวติดคุกอย่างน้อยคนละ 5 ปี นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2551 ศาลฎีกาฯ ได้พิพากษาแจกใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช พร้อมเป็นแนวทางสู่การยุบพรรคพลังประชาชน ทำให้ประเทศชาติเริ่มมองเห็นทางออกชัดมากยิ่งขึ้น นี่คือขบวนการทางศาล หรือตุลาการณ์ภิวัฒน์ ซึ่งประชาชนทั่วโลกยอมรับ
“หนังสือพิมพ์กัมพูชา พาดหัวข่าวคุณหญิงพจมาน ถูกพิพากษาจำคุก 3 ปี แสดงว่าการรับรู้ข่าวสารแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ส่งผล พ.ต.ท.ทักษิณ มีปัญหาเรื่องการที่จะไปเช่าเกาะกง 99 ปี เพราะสมเด็จนโรดมสีหนุ ได้ออกแถลงการณ์ในเวปไซต์ของตัวเองเพื่อต่อต้าน ดังนั้นขณะนี้จึงเป็นการต่อสู้กันระหว่างฮุนเซน กับสีหนุ”นายสมเกียรติ ระบุ
ส่วนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า ศาลดังกล่าวเพิ่งมีคำพิพากษาเด็ดๆ เพียงครั้งเดียวเมื่อวันที่ 28 ต.ค.2546 คือ นายรักเกียรติ สุขธณะ อดีต รมว.สาธารณสุข โกงยา และเครื่องมือแพทย์จำนวน 1,400 ล้านบาท จนถูกสั่งจำคุก 15 ปี และถูกยึดทรัพย์ 234 ล้านบาท และเร็วๆ นี้ ศาลกำลังจะอ่านคำพิพากษาคดีที่สำคัญที่สุดคือ ที่ดินรัชดาของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุฯหญิงพจมาน ซึ่งทั้ง 2 คน จะต้องเดินทางไปรายงานตัวต่อศาลในวันที่ 11 ส.ค.นี้ ซึ่งได้รับการยืนยันจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่หนีไปไหน
“ถ้าศาลอ่านคำพิพากษาออกมา ผมจะไม่วิจารณ์ ผมรับได้ เพราะศาลเป็นที่สถิตความยุติธรรม โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้เลือกมาจากผู้พิพากษา 90 คน จนเหลือ 9 คน แล้วตั้งคดีนี้เป็นคดีแรกในระบอบทักษิณ ซึ่งเมื่อเทียบกับคดีของนายรักเกียรติ แล้ว คนโกงซึ่งโดนกว่า 10 คดี จำนนวนเงินกว่า 76,000 ล้านบาท ฉะนั้นจึงน่าจะติดคุกนับพันๆ ปี และคำพูดที่สะท้อนที่สุดก็คือ นายจรัล ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็คือ จะไม่ยอมให้โจรมาแก้ไขกฎหมาย ซึ่งถือว่ามีความหายที่สุดในสังคมไทยเวลานี้ นอกจากนี้นายวิชา มหาคุณ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่กล้าออกมาพูด ซึ่งถือเป็นตุลาการที่เด็ดเดี่ยว ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก ใครทำผิดก็จำคุก ประเทศก็ไปไกลแล้ว”แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
นายสมเกียรติ ยังกล่าวถึงการอนุมัติงบประมาณของรัฐบาลว่า ขอให้จับตาดูสภาผู้แทนราษฎร เพราะจะมีการอนุมัติงบประมาณ 18 แสนล้าน จากนั้นพรรคการเมืองก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ จึงขอฝากไปถึงคน 2 คน คือ นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ กับนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ซึ่งเห็นพ้องต้องกันที่จะอนุมัติงบประมาณหักคอ 5,100 ล้านบาท เพื่อจะไปสร้างรัฐสภาใหม่ที่เกียกกาย โดยเงินประมาณ 4 พันกว่าล้านบาท จะเอาไปชดเชยให้ทหาร ส่วนเงินที่เหลือจะเป็นค่าออกแบบก่อสร้าง ทำให้คนออกมาคัดค้าน ว่าทำไมต้องรีบหาที่สร้างรัฐสภาแห่งใหม่
“จึงขอเตือนว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แล้วทำไมถึงต้องเร่งทำกัน และทำไมงบประมาณถึงสูงขนาดนี้ ฉะนั้นขอให้ถอย และถอนออกมาซะ แล้วประเทศชาติจะดีขึ้น เพราะคนในรัฐบาลกำลังตายซาก โดยจะเห็นได้จากการเซ็นอนุมัติรถเมล์มูลค่ากว่า 6,000 ล้าน ซึ่งคุณก็ถอนออกมา แล้วโยนไปให้พรรคชาติไทย โดยให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ไปตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาข้อมูล แต่ พล.ต.สนั่น ออกมาพูดว่า ทำไมรถเมล์แค่ 6,000 คัน ทำไมราคาสูงถึงแสนกว่าล้านบาท ซึ่งรัฐบาลไม่มีคำตอบออกมา แล้วรถเมล์ที่วิ่งๆ อยู่จะเอาไปไหน ก็ไม่มีคำตอบออกมาอีกเช่นเดิม”นายสมเกียรติ ระบุ