xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลดึง"วีรชัย"กลับบัวแก้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน- "รัฐบาลลูกกรอก"ออกมติ ครม.บีบกองทัพ"ปรับกำลังทหาร"ในพื้นที่วัดแก้วสิขาฯ-ปราสาทพระวิหาร ตาม"บัวแก้ว" ร้องขอ เชื่อต้องปรับพร้อมกันเพื่อลดการเผชิญหน้าก่อนประชุมระดับ "รมว.กต." ครั้งที่ 2 ขณะเดียวกันอนุมัติโยกเก้าอี้อธิบดีบัวแก้ว "วีรชัย" กลับมานั่งอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ "กฤต" กลับกรมเศรษฐกิจ "ธนาธิป" นั่งทูตกระทรวง หลังเสร็จภารกิจให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ด้านสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังอึมครึม "ผบ.กกล.สุรนารี" ระบุกัมพูชารุกไม่หยุดล่าสุดไหวตัวนำชาวเขมรกลับเข้ามาปักหลักอยู่ที่บริเวณชุมชนตลาดเชิงเขาพระวิหาร รุกล้ำเขตแดนไทยเช่นเดิมแล้ว "เตีย บัญ" ยันปราสาทตาเมือนธมเป็นของเขมร

วานนี้ (5 ส.ค.) พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุขโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายเตช บุญนาค รมว.การต่างประเทศ ได้รายงานต่อที่ประชุม ครม.ถึงผลการเจรจาภายหลังจากการเจรจาหารือกับ รมว.การต่างประเทศกัมพูชาว่า ในการเจรจามีข้อตกลงคือให้ปรับกำลังเท่าที่จำเป็นเพื่อลดการเผชิญหน้าในพื้นที่วัดแก้วสิขาคีรีศวาราม ในพื้นที่แวดล้อมดังกล่าวและในตัวปราสาทพระวิหาร โดยในส่วนของไทยให้มีกำลังเพียงพอในการรักษาอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนในพื้นที่เหล่านี้ และหากเป็นไปได้ควรดำเนินการก่อนการหารือระดับ รมว.การต่างประเทศ ครั้งที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนสิงหาคมนี้ โดยมอบให้กองทัพไทย และกองทัพบกปรึกษาหารือกันในรายละเอียดจากผู้แทนกองทัพกัมพูชา โดยการประสานงานของกระทรวงการต่างประเทศต่อไปด้วย

"ฉะนั้น ที่มีคนตั้งคำถามว่าจะต้องใช้คำว่าปรับกำลังเท่าที่จำเป็นเพื่อลดการเผชิญหน้าเท่านั้นเอง คือ หัวใจสำคัญของการเจรจา คิดว่าจะดำเนินการได้ภายในเร็วๆ นี้ เพราะจะมีการเจรจาครั้งต่อไปของ รมว.การต่างประเทศในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนสิงหาคมนี้" พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการปรับกำลังในพื้นที่ปราสาทพระวิหารจำนวนเท่าไร พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า เป็นไปตามที่ได้อ่านให้ฟังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมไปมากกว่านี้ ส่วนจำนวนการปรับกำลังเป็นเรื่องของกองทัพ โดยโฆษกประจำสำนักนายกฯได้กล่าวย้ำโดยอ่านเอกสารอีกครั้งว่า "เท่าที่จำเป็นเพื่อลดการเผชิญหน้าก็เท่าที่จำเป็น ส่วนจำเป็นอย่างไรทางกองทัพไทยและกองทัพบกจะไปเจรจาในรายละเอียดกับผู้แทนกองทัพกัมพูชา" ส่วนจะแจ้งดำเนินการได้เมื่อใดนั้น พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า ควรก่อนการหารือระดับ รมว.การต่างประเทศ ครั้งที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนสิงหาคมนี้ ฉะนั้น ก่อนสัปดาห์ที่ 3 จะมีการเจรจากัน

เมื่อถามว่า ใน ครม.มีใครติดใจสอบถามถึงประเด็นนี้ และมีความจำเป็นต้องนำเข้าสภาด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องนำเข้าสภา เพราะไม่เกี่ยวกับการลงนามสนธิสัญญาอะไร ไม่เข้ามาตรา 190 ทาง ครม.ไม่มีใครสอบถามถึงเรื่องนี้

"นายเตช ได้เปิดเผยในที่ประชุม ครม.ว่าจากการเจรจาระดับรัฐมนตรีของทั้ง 2 ฝ่ายและวันนี้มาขอเป็นมติ ครม.เพื่อขอให้กองทัพไทยและกัมพูชาได้เจรจาร่วมกันก่อนที่จะมีการประชุมระดับรัฐมนตรีในครั้งที่ 2 เป็นเรื่องที่ต้องประสานทางกองทัพว่าจะมีการนัดเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายในการปรับกำลังให้พร้อมกันไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งปรับก่อน ซึ่งเป็นหลักการที่พูดกันในที่ประชุม ครม. เรื่องนี้เป็นเรื่องลับ ในบางเรื่องจึงไม่เหมาะสมที่จะเปิดเผย แถลงตรงนี้ หากต้องการทราบรายละเอียดขอให้ไปเจาะข่าวเอา" รองโฆษกฯกล่าว

**ลูกกรอกโยกเก้าอี้อธิบดีบัวแก้ว**

ขณะที่ น.ส.วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อ รองโฆษกประจำสำนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ในส่วนของการแต่งตั้งว่า ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ ครม.อนุมัติให้แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญระดับ 10 จำนวน 3 ราย 1.นายกฤต ไกรจิตติ จากอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 2.นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และ 3.นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ให้ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นต้นไป

นอกจากนี้ ครม.ยังได้อนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอในการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในกรณีที่ไม่มีรัฐมนตรีว่าการฯหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามมาตรา 42 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชแผ่นดิน พ.ศ.2534 เพิ่มเติมจากมติ ครม.เมื่อวันที่ 9 ก.ค.51 อีก 2 คนตามลำดับดังนี้ 1.นายแพทย์สุรพงษฺ สืบวงศ์ลี รองนายกฯและ รมว.คลัง 2.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกฯและรมว.ศึกษาธิการ อย่างไรก็ตาม ครม.ก็ได้เห็นชอบแต่งตั้งนายปกศักดิ์ นิลอุบล เป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งเลขานุการ รมว.การต่างประเทศ

**ส.ว.เตือนระวังตกหลุงพรางเขมร**

ด้าน ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ส.ส.สรรหา รองประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภา กล่าวถึงมติ ครม.ที่ให้ลดกำลังทหารที่ตรึงกำลังบริเวณเขาพระวิหารว่าอยากฝากให้กองทัพต้องถอนให้พร้อมๆกันทั้งไทย กัมพูชา ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะนำไปอ้างว่า 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่อยู่ในเขตของกัมพูชา ดังนั้น ถ้าจำเป็นต้องลดกำลังลง ต้องลดกำลังพร้อมกัน

"มติ ครม.เรื่องการลดกำลังทหาร รัฐบาลพยายามเบี่ยงเบนประเด็นปัญหาชายแดนด้วยการนำเอารัฐธรรมนูญ มาตรา 63 มาเสนอ โดยเฉพาะกรณีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งอ้างว่ากัมพูชาขอระงับการเจรจาปัญหาเขตแดนระหว่างสองประเทศ โดยรอตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งไม่จำเป็นเนื่องจากคนชนะเลือกตั้งเป็นคนเดิมกับรัฐบาลรักษาการ การขอให้รอการตั้งรัฐบาลออกไปใน ก.ย.เราไม่รู้ว่าระหว่างที่ขอชะลอ เขาจะเดินเกมทำอะไรอีกหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า กัมพูชา ทำทุกมาตรการเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจให้ทหารของเขา เช่น การบวงสรวงบนประสาทพระวิหาร ขณะที่ทหารฝ่ายเราตั้งรับอย่างเดียว"

ม.ร.ว.ปรียนันทนา กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีปราสาทตาเมือนธมนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งเจรจาปักปันเขตแดน แม้ว่ากรมศิลปากรจะอ้างว่า ไม่มีปัญหาเพราะไทยจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2478 แล้วก็ตามก็ไม่มีประโยชน์ เพราะยังมีปัญหาว่าอยู่ชายแดนไทยหรือกัมพูชา

**มาร์ค"ชี้ต้องถอนกำลังทั้ง2ฝ่าย**

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป้าหมายของการถอนกำลังนั้นถูกต้อง แต่จะต้องถอนด้วยกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งอยู่ในการดำเนินการให้ทั้งสองฝ่ายถอนกำลังด้วยความสบายใจ เพื่อให้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เดินหน้าสู้โต๊ะเจรจาต่อไป และถ้าหากสามารถทำให้เห็นความสำเร็จในการถอนกำลังบริเวณปราสาทพระวิหารได้ก็น่าจะช่วยในแง่บรรยากาศพื้นที่อื่นๆ ที่กำลังตึงเครียดด้วย โดยดึงทั้งหมดมาสู่โต๊ะเจรจา ให้คณะกรรมการชายแดนทั่วไปได้หารือเรื่องการจัดทำหลักเขตแดนกันต่อไป

**โฆษก กห.ชี้ปรับกำลังอยู่ที่รบ.**

ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.กล่าวถึงมติ ครม.ให้ลดกำลังทหารว่า การที่กระทรวงการต่างประเทศได้หารือกับเจ้าที่ฝ่ายความมั่นคงเกี่ยวกับการปรับกำลังในพื้นที่พิพาทบริเวณเขาพระวิหารนั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ขอให้กองทัพลดจำนวนทหารลง เพราะไม่อยากให้เกิดการเผชิญหน้ากันของกำลังทั้ง 2 ประเทศ

ส่วนกรณีที่กัมพูชาส่งทหารเข้าไปในบริเวณตาเมือนธมนั้น ผบ.ทบ.กล่าวว่า ปราสาทตาเมือนธม กองทัพบกได้ดูแลพื้นที่มานานแล้ว และแผนที่ของเราที่เรายึดถือก็อยู่ในเขตเรา ถ้ามีกรณีอย่างอื่น เช่น มีการอ้างว่าเป็นของกัมพูชาก็มีหนทางที่จะดำเนินการได้อยู่แล้ว ส่วนการปักปันเขตแดนก็มีคณะกรรมการปักปันเขตแดนดำเนินการอยู่ สิ่งที่เราพยายามพูดกับทหารกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่ ขออย่าได้นำกำลังมาเผชิญหน้ากัน เพื่อให้การปักปันเขตแดนดำเนินการต่อไป และสถานการณ์ในพื้นที่ก็อยู่ในความเรียบร้อยดี

พล.ท.ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวระหว่างลงพื้นที่รับทราบสถานการณ์การตรึงกำลังทหารไทยกับกัมพูชาบนเขาพระวิหารว่า เรื่องการปรับลดกำลังทหารนั้นเป็นเรื่องที่กระทรวงกลาโหมจะต้องฟังความเห็นและการสั่งการของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลก็ประกอบด้วยหลายฝ่ายที่ต้องมีการหารือกัน โดยองค์กรที่สำคัญคือสภาความมั่นคงแห่งชาติต้องมีบทบาทในด้านแนวทางปฏิบัติทั้งหมด ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้รับคำสั่งจากรัฐบาลอย่างไรก็สามารถปฏิบัติได้ทันที

พล.ท.ดร.พีระพงษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนกรณีของปราสาทตาเมือนธมนั้นจากการที่ตนได้พูดคุยกับ พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี แล้วโดยภาพรวมเห็นว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วเนื่องจากเป็นปัญหาที่สามารถตกลงกันได้ในระดับท้องถิ่น ซึ่งวานนี้ได้มีการเจรจากันในระดับ ผบ.กกล.สุรนารี กับนายทหารระดับสูงของกัมพูชา และทราบว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว และในวันนิ้ (6 ส.ค.) เป็นต้นไป ทหารไทยกับทหารกัมพูชาฝ่ายละ 20 นายจะมีการลาดตระเวนร่วมกันที่บริเวณรอบปราสาทตาเมือนธม

ส่วนกรณีเขาพระวิหารนั้น หลังจากที่ฝ่ายรัฐบาลกัมพูชาได้มีการเลือกตั้ง ส.ส.เสร็จแล้ว คาดว่าคงจะสามารถเจรจากันได้ในเร็ว ๆ นี้ คงจะไม่มีปัญหาอะไร

**ทหารยันคุมเข้ม"ตาเหมือนธม"**

ด้าน พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เผยว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ตนได้พูดคุยกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา เกี่ยวกับปัญหาที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ที่มีกำลังทหารจากกัมพูชาเข้ามาบริเวณดังกล่าว จากการพูดคุยทางกัมพูชาก็เข้าใจในรายละเอียดและมีข้อตกลงร่วมกัน คือ จะมีการลดการเผชิญหน้าของกองกำลังทหารทั้งสองฝ่ายและจะมีการลาดตระเวนร่วมกันตามปกติ ทั้งนี้ สถานการณ์ไม่ได้มีการอะไรตึงเครียด เพราะทหารของทั้งสองประเทศเข้าใจกันดี

"หลังจากนี้สถานการณ์ในพื้นที่น่าจะดีขึ้นตามลำดับ เพราะเราได้มีการพูดคุยกัน และเข้าใจกันดีไม่มีปัญหา ส่วนการปักปันเขตที่ยังมีปัญหากันทางคณะกรรมการก็จะต้องมีการพูดคุยกันต่อไป ทั้งนี้ในพื้นที่ตาเมือนธมมีการจัดกำลังทหารเข้าไปดูแลพื้นที่อยู่แล้ว" พล.ต.กนก กล่าว และว่าส่วนที่ ครม.มีมติให้ทหารไทยปรับกำลังทหารที่บริเวณเขาพระวิหารนั้นตนก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามมติ ครม.แต่ต้องรอการสั่งการลงมาจากกองทัพบกเสียก่อน เนื่องจากต้องมีการเจรจาตกลงกันระหว่างหน่วยเหนือของทหารไทยและทหารกัมพูชาในข้อกำหนดต่าง ๆ เกี่ยวกับการปรับกำลังทหารร่วมกันเสียก่อน ซึ่งเรื่องนี้เป็นการดำเนินการของหน่วยเหนือหากมีคำสั่งลงมาเช่นไก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งทันที

**คนเขมรเข้ายึดเชิงเขาวิหารอีก**

พล.ต.กนก เปิดเผยถึงสถานการณ์ด้านเขาพระวิหารด้วยว่า ที่บริเวณตลาดชุมชนชาวกัมพูชาบริเวณเชิงบันไดทางขึ้นสู่ปราสาทพระวิหารขณะนี้ปรากฎว่า ได้มีบรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาพากันทยอยเข้ามาอาศัยอยู่ที่บริเวณตลาดกัมพูชากันเช่นเดิมแล้ว หลังจากได้รุกล้ำเข้ามาตั้งตลาดชุมนุมในเขตแดนไทย และพากันยพยพออกไปตั้งแต่มีการตรึงกำลังทหารบริเวณเขาพระวิหารระหว่างทหารกับทหารกัมพูชาเกิดขึ้น

พร้อมทั้งบรรดาพ่อค้าแม่ค้ากัมพูชาเหล่านี้ได้ทำการเปิดร้านค้าจำหน่ายสินค้าตามปกติ ซึ่งลูกค้าส่วนมากแล้วจะเป็นชาวกัมพูชา ที่พากันขึ้นมาเที่ยวชมปราสาทพระวิหาร รวมทั้งทหารกัมพูชาที่ตรึงกำลังอยู่บนเขาพระวิหาร ซึ่งเรื่องนี้ตนได้รายงานให้หน่วยเหนือได้รับทราบเรียบร้อยแล้ว เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป

สำหรับกรณีวัดบนเขาพระวิหาร ที่ทหารไทยและกัมพูชาตรึงกำลังอยู่ ขณะได้พระสงฆ์ชาวกัมพูชาเข้ามาอยู่จำนวนมากกว่า 100 รูป ทั้งที่เดิมทีมีแค่ 4-5 รูป นั้น พล.ต.กนก กล่าวว่า พระที่มาบวชและประจำอยู่วัดแห่งนี้ส่วนมากเป็นทหารกัมพูชาแทบทั้งสิ้น ซึ่งคาดว่าการที่มีการนำเอาทหารกัมพูชามาบวชเป็นพระเช่นนี้ ทางฝ่ายกัมพูชาคงมีจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่งบนเขาพระวิหารแน่นอน ซึ่งตนได้ให้ทหารทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างละเอียดแล้ว

**เขมรเหิมบุก"ตาเมือนธม"อีก**

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีปัญหาปราสาทตาเมือนธมอีกว่าเวลา 08.30 น.วานนี้ที่ปราสาทตาเมือนธม บ.หนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้เกิดเหตุการณ์ทหารกัมพูชากว่า 100 นายพร้อมอาวุธสงครามครบมือ นำโดย พล.ต.โป เฮง รองผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา ได้นำกำลังเดินเท้ามาเข้ามายังบริเวณจุดตรวจส่วนหน้าของทหารไทย กองร้อยทหารพรานจู่โจม ที่ 960 กรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 และได้เผชิญหน้ากับทหารพรานของไทยดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างจากปราสาทตาเมือนออกไป ประมาณ 500 เมตร

พล.ต.โป เฮง ได้เข้าเจรจากับทหารพรานของไทย เพื่อขอเข้าชมปราสาทตาเมือนธม อีกครั้ง หลังจากที่ได้นำกำลังทหารกว่า 50 นาย พร้อมอาวุธครบมือเดินทางมาขอเข้าชมปราสาทตาเมือนธมไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันเสาร์ที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา

ด้านทหารพรานกองร้อยจู่โจมที่ 960 ชี้แจ้งว่าไม่สามารถอนุญาตให้ทหารกัมพูชาเดินทาง เข้ามายังปราสาทตาเมือนธมได้ เนื่องจากขณะนี้กำลังมีการเจรจาหารือระหว่างคณะของผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ผู้แทนฝ่ายไทยกับคณะผู้แทนจังหวัดอุดรมีชัย และทหารจากภูมิภาคที่ 4 ฝ่ายกัมพูชา เพื่อหาข้อยุติในเรื่องกรณีปราสาทตามเมือนธมนี้อยู่ที่ด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชาช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ หากมีข้อยุติอย่างไรเป็นที่ชัดเจนแล้วก็สามารถมาชมปราสาทตาเมือนได้

จากนั้น พล.ต.โป เฮง จึงนำกำลังทหารกว่า 100 นาย เดินทางกลับเข้าไปยังเขตประเทศกัมพูชา และได้ตั้งฐานปฎิบัติการอย่างมั่นคงห่างจากจุดตรวจการณ์ส่วนหน้าของทหารพรานกองร้อยจู่โจมที่ 960 ของไทยออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งสามารถมองเห็นจากจุดตรวจการณ์ส่วนหน้าได้อย่างชัดเจน

**"เตีย บัญ"ยันตาเมือนธมของเขมร**

ขณะที่ พล.อ.เตีย บัญ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ได้ยืนยันกับสื่อกัมพูชาวานนี้ (5 ส.ค.) ว่า ปราสาทตาเมือนธมเป็นของกัมพูชาและขอเรียกร้องให้ฝ่ายไทยถอนทหารออกไป

**บิ๊ดกรมศิลป์ยันตาเหมือนธมของไทย**

ขณะที่นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวยืนยันว่า ปราสาทตาเมือนธม เป็นของไทยแน่นอน เพราะได้มีการบันทึกไว้ในเอกสารสำคัญภาษาฝรั่งเศส ชื่อเซเดส์ ปราสาทตามันธม โดย ศ.ยอร์ช เซเดส์ (George Coed?s) นักวิชาการชาวฝรั่งเศสด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีชื่อเสียงมาก เข้ามาทำงานในประเทศไทยเวลานั้น ในช่วงปี พ.ศ.2460 ระบุปราสาทตามันธม หรือตาเมือนธม อยู่ในเขต จ.สุรินทร์ อธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ แอมมานูเยร์ นักวิศวกรแผนที่และโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ได้บันทึกไว้ในหนังสือเลอคอมโบส ปี ค.ศ.1901 หรือ พ.ศ.2444 เช่นกัน ส่วนปราสาทสด๊อกก๊อกธม อ.โคกสูง จ.สระแก้ว นั้น ทางการกัมพูชาคงอ้างไม่ได้ เพราะมีร่องน้ำกั้นและอยู่ในเขตไทย ที่ผ่านมา กรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์มาตลอด ล่าสุด ได้รับงบประมาณปี 2552 จำนวน 14 ล้านบาท เพื่อปรับภูมิทัศน์โดยรอบตัวปราสาท

**ชูแผนที่ใหม่ปราสาทวิหารของไทย**

วันเดียวกันคณะกรรมาธิการการเขตแดน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน เป็นประธานได้พิจารณากรณีปราสาทพระวิหาร โดยเชิญนาย ปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย นายวีระชัย พลาศัย รักษาการอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงต่างประเทศ และนายเทพพนม ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ มาชี้แจง

ทั้งนี้ ในการชี้แจงนายเทพมนตรี แสดงแบบแผนที่ที่จัดทำขึ้นโดยประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี 1907 ซึ่งแผนที่ฉบับนั้นคือตัวจริงปรากฎชัดเจนว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นของไทย แต่เมื่อไทยต้องขอแผนที่นี้มาต่อสู้กับศาลโลก ทางฝรั่งเศสกลับหมกเม็ดเอาไม่ยอมให้เพราะกัมพูชาเป็นประเทศในอารักขาของเขาโดยได้จัดทำแผนที่ฉบับเก๊ขึ้นมาในปี 1908 ให้กับกัมพูชา ถ้าเราได้แผนที่ฉบับปี 1907 มาเราจะไม่ต้องเสียปราสาทพระวิหารให้กับกัมพูชา ซึ่งแผนที่ฉบับนี้ถูกเก็บไว้ที่กรมอาณาเขต ฝรั่งเศส ซึ่งขณะนี้เรามีแล้ว หากกัมพูชาฟ้องศาลโลกเพื่อจะเอาพื้นที่ 4.6 ตร.กม.เราก็สามารถใช้แผนที่นี้ต่อสู้เพื่อทวงคืนปราสาทพระวิหารคืนมาได้

ขณะที่นายปองพล กล่าวว่า ขอให้ทางกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงต่างประเทศ ตรวจสอบว่าเราสามารถใช้แผนที่ดังกล่าวขึ้นต่อสู้ต่อศาลโลกได้หรือไม่ โดยแม้ว่าเราจะไม่สามารถโต้แย้งคำพิพากษากรณีปราสาทพระวิหารที่ต้องทำภายใน 10 ปีแต่สามารถที่จะใช้พิสูจน์กรณีปราสาทตาเมือนธม ซึ่งถ้าทำสำเร็จในกรณีปราสาทตาเมือนธม ก็จะโยงไปทวงคืนปราสาทพระวิหารได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายเทพมนตรี ได้เปิดเผยแผนที่ใหม่ปรากฎว่าสร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก กมธ.หลายคน ได้ขอให้สำเนาแผนที่เก็บไว้ พร้อมทั้งพยายามตั้งคำถามว่าแผนที่ดังกล่าวมีความเชื่อถือได้หรือไม่ ซึ่งนายเทพมนตรี ได้ยืนยันว่าแผนที่ที่ตนได้มานั้นทางกรมศิลปากรได้จัดพิมพ์ขึ้นเองถ้าเป็นแผนที่ปลอมแสดงว่ากรมศิลปากรทำของปลอม นอกจากนี้ยังมีแผนที่ที่ทางสยามสมาคมเคยตีพิมพ์ก่อนที่จะ

ขณะที่นายวีระชัย ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมถึงกรณีที่มีการค้นพบแผนที่ใหม่ว่า คงต้องมีการหารือกับนายเทพมนตรี อีกครั้งว่าแผนที่นั้นมีความเป็นมาอย่างไรแต่เบื้องต้นเมื่อได้รับข้อมูลใหม่เราต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นแผนที่จริงจนกว่าพิสูจน์ได้

**รับทหารไทยตายไม่เกี่ยวมนต์ดำ**

ทางด้านพล.ท.นิพัทธ์ ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดน ยืนยันถึงกรณีหนังสือพิมพ์รายวันฉบับภาษาอังกฤษของกัมพูชาที่สนับสนุนรัฐบาลสมเด็จฮุนเซนระบุว่า ทหารชุดดำของไทยที่มีชื่อว่า "บุญนาค" (Bun Nak) วัย 44 ปี สังกัดกองพลทหารราบที่ 6 ได้เสียชีวิตลงเมื่อเวลาตี 4 ของวันอาทิตย์ (3 ส.ค.) โดยไม่ทราบสาเหตุที่วัดแก้วสิขาคีรี สะวะรา (Keo Sekha Kiri Svarak) ใกล้กับปราสาทพระวิหารว่า มีทหารพรานไทย อายุ 42 ปี เสียชีวิตจริง 1 นาย ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะตรึงกำลังในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ซึ่งไม่เกี่ยวกับข่าวลือที่ว่า ทหารไทยถูกมนต์ดำ หลังภริยาสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาไปประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ตามที่สื่อกัมพูชารายงาน และไม่จำเป็นต้องแก้ข่าวดังกล่าวกับสื่อต่างประเทศ

"หากใครไม่มีวิจารณญาณจะเชื่อก็คงต้องปล่อยไป เพราะหากเขมรทำมนต์ดำให้ทหารตายได้ก็ไม่ต้องมารบกันแล้ว โดยเชื่อว่า กัมพูชาพยายามจะเชื่อมโยงให้เป็นประเด็น ซึ่งเรื่องนี้ตนได้รายงาน ผบ.สส.ไปแล้ว" พล.ท.นิพัทธ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น