xs
xsm
sm
md
lg

มทภ.2 ลั่น “ตาเมือนธม” เป็นของไทย - ย้ำฝ่ายกัมพูชาห้ามเข้าเด็ดขาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “พล.ท.สุจิตร” แม่ทัพภาค 2 ลั่นปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย กำลังทหารไทยเข้าตั้งฐานดูแลมานาน ล่าสุดวันนี้ (5 ส.ค.) ฝ่ายกัมพูชานำกำลังพร้อมสื่อมวลชนบุกขอชมปราสาทรอบ 2 แต่ทหารไทยไม่อนุญาต จึงถอยกลับออกไป เผยผลเจรจาระดับท้องถิ่น 2 ประเทศ กกล.สุรนารี ย้ำกับฝ่ายกัมพูชา ห้ามเข้าพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมเด็ดขาด ระบุ ยังไม่เสริมกำลัง เพราะเพียงพอแล้ว ส่วนการปรับลดกำลังเขาวิหารรอคำสั่งจากหน่วยเหนือและรัฐบาล แจงกรณีทหารพรานเสียชีวิตบนเขาพระวิหาร เพราะไหลตาย เป็นเรื่องปกติไม่ได้เกิดจากภาวะสงคราม

วันนี้ (5 ส.ค. ) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานรับมอบเงินบำรุงขวัญกำลังพลที่ปฏิบัติงานบริเวณพื้นที่เขาพระวิหาร จำนวน 100,000 บาท จาก นายสุธี มากบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ว่า ขณะนี้ขวัญและกำลังใจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ชายแดน จ.ศรีสะเกษ และเขาพระวิหาร ยังคงเข้มแข็งและได้รับขวัญกำลังใจที่ดีจากประชาชนชาวไทยทุกคนพร้อมปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเต็มที่

ส่วนสถานการณ์ล่าสุด บริเวณแนวชายแดนด้านปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ นั้น ในพื้นที่นี้ประเทศไทยดูแลมาโดยตลอด มีฐานที่ตั้งของหน่วยทหารอยู่บริเวณดังกล่าวและอยู่จุดนี้มาโดยตลอดนานแล้ว และล่าสุด ในวันนี้ (5 ส.ค.) ได้รับรายงานว่า ทางทหารกัมพูชาได้นำกำลังพร้อมผู้สื่อข่าวขึ้นมาขอดูปราสาทตาเมือนธม เป็นครั้งที่ 2 หลังเคยมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารที่ดูแลพื้นที่ตรงนั้นอยู่ ได้ชี้แจงกับฝ่ายทหารกัมพูชาไปแล้วว่า ในช่วงนี้ไม่อยากให้เข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมพร้อมขอความร่วมมือจนสามารถทำความเข้าใจกันได้ ทางฝ่ายกัมพูชาจึงนำกำลังทหารและผู้สื่อข่าวกลับออกไป

“ในพื้นที่ตรงนี้เรามีคณะกรรมการชายแดนทั้งของฝ่ายไทยและกัมพูชาได้เคยเข้ามาดู แต่ยังไม่ชัดเจนในเรื่องเขตแดน เราถือว่าพื้นที่ตรงนี้เราดูแลรักษาอยู่ และตัวปราสาทตาเมือนธม ทางกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้นานแล้ว พร้อมได้เข้าทำการบูรณะซ่อมแซมไปบางส่วนแล้ว ขณะเดียวกัน ทหารก็ได้เข้าไปดูแลพื้นที่ดังกล่าวมาโดยตลอดหลายปีมาแล้วเช่นกัน” พล.ท.สุจิตร กล่าว

พล.ท.สุจิตร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวปรากฏตามสื่อมวลชน ว่า มีการปักหลักพิสูจน์เขตแดน “สีแดง” ของประเทศกัมพูชาอยู่ลึกเข้ามายังเขตประเทศไทยถึง 2 กิโลเมตร นั้น ในช่วงดังกล่าวเคยมีคณะกรรมการปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา เข้าไปสำรวจเบื้องต้นและไปปักหลักเอาไว้ เป็นลักษณะแนวเขตสมมุติของคณะกรรมการชุดดังกล่าวที่ได้เข้าไปสำรวจพื้นที่ในช่วงนั้นเท่านั้น ยังไม่ใช่เป็นหลักเขตแดนที่แท้จริงแต่อย่างใด

สำหรับผลการเจราจาระดับท้องถิ่นที่ช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อหาข้อยุติปัญหาชายแดนกรณีปราสาทตาเมือนธม ในวันนี้ (5 ส.ค.) ที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ นั้น พล.ท.สุจิตร กล่าวว่า คณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย กัมพูชา ได้เจรจากับทางกองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) โดยผลการเจรจาสามารถทำความเข้าใจกันได้ในเรื่องที่ฝ่ายไทยเราจะดูแลปราสาทตาเมือนธมของเรา ถ้าฝ่ายกัมพูชาเข้ามาในช่วงนี้จะไม่อนุญาตให้เข้า เพราะเราต้องดูแลของเราไว้ก่อน เนื่องจากเราถือว่าปราสาทตาเมือนธมเป็นของเรา และกำลังทหารของเราได้ดูแลมาเป็นเวลานานแล้ว ฝ่ายเราก็ยังยืนยันเช่นนี้

พล.ท.สุจิตร กล่าวถึงการปรับกำลังทหารในพื้นที่เขาพระวิหาร ว่า หลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ทั้ง 2 ประเทศ ได้เจรจาพูดคุยกันไปแล้ว การปรับกำลังทหารนั้นมีความเห็นตรงกันว่าจะไม่เผชิญหน้าซึ่งกันและกัน จะอยู่ด้วยความระมัดระวัง ไม่กระทบกระทั่งและไม่ใช้ความรุนแรงต่อกัน จึงได้มีแนวทางการปรับที่ตั้งแนวการวางกำลัง และปรับจำนวนของกำลังพลลงเพื่อไม่ให้เผชิญหน้า แต่อย่างไรก็ตามคงต้องรอทางหน่วยเหนือและรัฐบาลว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป และจะเจรจากันอย่างไรต่อไป ขณะนี้ยังไม่มีการสั่งการใดๆ ลงมา

“ยืนยันว่า ล่าสุด สถานการณ์โดยรวมตามแนวชายแดนเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ และปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ยังไม่มีความตึงเครียดแต่อย่างใด ขอให้มั่นใจว่า ไม่มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น ทหารไทย กับ กัมพูชา ยังสามารถพูดคุยกันได้ และในช่วงนี้จะไม่มีการเสริมกำลังทหารเข้าไปเพิ่มเติมทั้งในส่วนของปราสาทพระวิหารและตาเมือนธม เพราะกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่มีเพียงพอแล้ว” พล.ท.สุจิตร กล่าว

พล.ท.สุจิตร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีมีข่าวว่าทหารไทยเสียชีวิตที่เขาพระวิหารนั้น เป็นความจริง แต่เป็นการเสียชีวิตปกติทั่วไปไม่ได้เกี่ยวกับภาวะสงครามแต่อย่างใด ซึ่งผู้เสียชีวิต คือ ทหารพรานบุญหนา มนโมลี ซึ่งจากรายงานทราบว่า ทหารพรานบุญหนา ไม่เคยเจ็บป่วยมาก่อน หรือแสดงอาการเจ็บป่วยมาก่อน และวันเกิดเหตุ ก็ยังตื่นขึ้นมาต้มบะหมี่สำเร็จรับประทานตามปกติ และก็ไปนอนพักผ่อนที่เปล ซึ่งทุกคนก็จะนอนเช่นนี้เหมือนกัน

จากนั้นเวลาประมาณ 07.00 น.เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา ทาง ผบ.ชุด เห็นนอนเงียบๆ จึงเข้าไปปลุกก็ปรากฏว่าเสียชีวิตแล้ว จากการชันสูตรของแพทย์ระบุว่าหัวใจล้มเหลว หรือชาวอีสาน เรียกว่า “ไหลตาย” ซึ่งก็มีเกิดขึ้นบ่อยเป็นปกติธรรมดา ไม่ได้เกิดจากสาเหตุอื่น จากนี้ไปคงจะต้องมีการตรวจสุขภาพกำลังทหารและดูแลเรื่องอาหาร รวมถึงการบำรุงขวัญกำลังใจให้ดีขึ้น
นายสุธี  มากบุญ ผู้ว่าฯ นครราชสีมามอบเงินบำรุงขวัญกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่เขาพระวิหาร
นายสุธี  มากบุญ กับ พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา
กำลังโหลดความคิดเห็น