“วีระ” วางคิวเช็กบิล “สมชาย” ประกาศอังคารนี้ แจ้งกองปราบจับฐานติดสินบนตุลาการช่วย “พี่เมีย” หลุดคดีซุกหุ้น พร้อมแจ้ง ป.ป.ช.เอาผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบขณะเป็นปลัด ยธ.ก่อนแจ้งเพิ่มอีกคดีฐานถือหุ้นเกินร้อยละ 5 ศุกร์นี้ จวกอัยการดองคดี “แม้ว-เจ๊แดง” วิ่งเต้น ศาล รธน.
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายวีระ สมความคิด ปราศรัย
เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น.วันที่ 28 ก.ย.นายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงการดำเนินคดีกับบุคคล 3 คน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นางเยาวภา และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่พยายามติดสินบนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วยตัวเองในคดีซุกหุ้นภาค 1 เมื่อปี 2544 ว่า เรื่องนี้ ตนได้แจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และ นางเยาวภา ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินคดีกับ นายสมชาย เพราะตอนนั้น นายสมชาย ยังรับราชการเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมอยู่ ตนต้องการให้มีการสอบสวนและสอบไปพบแล้วมีการดำเนินคดีเอง และไม่คิดก่อนว่านายสมชายจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯ คนที่ 26
นายวีระ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และนางเยาวภา นั้น ล่าช้ามาก ซึ่งขณะนี้คดียังอยู่ที่อัยการสูงสุด แม้ว่าตำรวจกองปราบได้สอบพยานปากสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น นายอุระ หวังอ้อมกลาง อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือ นายบัณฑิต ศิริพันธ์ หัวหน้าสำนักงานกฎหมายเสนีย์ ปราโมช ทุกคนยืนยันว่า เป็นความจริงหมด ตำรวจทำอย่างอื่นไม่ได้จึงต้องส่งให้อัยการ และตอนนี้เรื่องไปดองอยู่ที่อัยการ แทนที่จะเอา พ.ต.ท.ทักษิณ และ นางเยาวภา ติดคุกได้ตั้งนานแล้ว แต่มันไปช้าอยู่ที่อัยการอีกแล้ว
นายวีระ กล่าวว่า ในเมื่อ นายสมชาย ขึ้นมาเป็นนายกฯ คนที่ 26 ดังนั้น ตนจะทำให้นายสมชายเป้นนายกฯ คนที่ 3 ในระบอบทักษิณ ที่ถูกตัดสินจำคุกในขณะที่ยังดำรงตำแหน่ง หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช ถูกตัดสินจำคุกไปแล้ว และในวันที่ 21 ตุลาคมนี้ คาดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะถูกตัดสินจำคุกด้วย
นายสมชาย กล่าวต่อว่า วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) ตนมีภารกิจอื่นที่กำหนดไว้ก่อนแล้วจึงยังไม่สามารถไปแจ้งความกับนายสมชายในคดีติดสินบนตุลาการได้ แต่วันอังคารนี้แน่นอน จะไปแจ้งความกับกองปราบปรามให้จับนายกสมชายฐานติดสินบนตุลาการ และถ้ามีเวลาพอก็จะไปยื่นต่อคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการเอาผิดกับนายสมชายในกรณีนี้ แต่เป็นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เอาตำแหน่งหน้าที่ปลัดกระทรวงยุติธรรมไปวิ่งเต้นติดสินบน
นอกจากนี้ นายวีระ กล่าวว่า นายสมชาย ยังมีอีก 1 คดี คือการไปถือหุ้นในบริษัทเกินร้อยละ 5 ไม่เกินวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ตนจะแจ้งความดำเนินคดีนายสมชายอีก 1 คดี
“ผมพูดเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว ยังไม่มีสื่อใดนำเรื่องนี้เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ไม่เป็นไร รัฐบาลปิดข่าวได้ปิดข่าวไป แต่เอเอสทีวีไม่ปิดแน่ เพราะเรื่องนี้ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิดหรอก อยากจะรู้นักว่า นายสมชาย จะหน้าด้านพูดจา คร้าบ ผม พี่น้องพันธมิตรฯคร้าบ ดีกันนะคร้าบ พี่น้องคร้าบ เรามาสมานฉันท์ปรองดองกันนะคร้าบ แกนนำทั้ง 9 คร้าบ ผมจะนิรโทษกรรมให้นะคร้าบ แต่คดีความของผมท่านต้องไม่เอาผิดด้วยนะคร้าบ เรายอมได้ไหมพี่น้อง ไม่ยอม”
นายวีระ กล่าวต่อว่า เราไม่ยอม เพราะว่าเราไม่ได้เป็นกบฏ เราทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 69 ที่บอกชิดเจนว่า บุคคลสามารถที่จะต่อต้านการปฏิวัติ หรือทำลายล้างระบอบประชาธิปไตย โดยสันติวิธี
“พวกมันทำลายรัฐธรรมนูญ จะฉีกรัฐธรรมนูญ ท้าทายรัฐธรรมนูญตั้งเยอะแยะ มันเอาอธิปไตยของชาติไปแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ตัวเอง มันกบฏหรือเปล่า ไม่เห็นมีใครไปดำเนินคดีกับมัน พอ 9 แกนนำถูกกล่าวหา ตำรวจรีบทำเลย แต่ 9 แกนนำแค่ถูกกล่าวหา ยังสามารถพิสูจน์ได้
“มันกล่าวหา เราก็ไม่ได้ผิดตามกล่าวหา แต่สิ่งที่ทักษิณทำ มันถูกตัดสินว่าผิดแล้วหลายเรื่อง อย่างเช่น มันได้อำนาจการปกครองมาโดยวิถีทางที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็คือ การทุจริตในการเลือกตั้ง
“ชัดเจนแล้วใช่ไหมว่า กกต.ให้ใบแดง นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชนแล้ว นี่คือ หลักฐาน ไม่ใช่แค่การกล่าวหา พิสูจน์และตัดสินด้วยอำนาจเด็กขาดจาก กกต.แล้ว รัฐธรรมนูญบอกว่ามติของ กกต.ถือเป็นที่สุด ไม่มีใครมากลับได้อีกแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างไรก็ต้องยุบพรรคอยู่ดี ในเมื่อ กกต.มีมติแล้ว”
นายวีระ กล่าวอีกว่า พรรคพลังประชาชนที่เราไล่อยู่นี้ ซึ่งเป็นตัวแทนระบอบทักษิณ ทำความผิดอย่างใหญ่หลวง ท้าทายรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และได้อำนาจการปกครองมาโดยวิถีทางที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ชัดเจนแล้ว และอีกเรื่องหนึ่งที่ได้พิสูจน์แล้วจากกระบวยการยุติธรรม คือ การที่รัฐบาลนายสมัครเอาอธิปไตยไปยกให้กัมพูชาเพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ส่วนตัว ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าแถลงการณ์ร่วมที่รัฐบาลไปลงนามกับกัมพูชาฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 190 และศาลปกครองบอกว่า การคุ้มครองฉุกเฉินมีผล ห้ามรัฐบาลทำสนธิสัญญาแบบนี้กับกัมพูชาอีก
“นี่ไม่ใช่แค่การกล่าวหาของพันธมิตรฯ หลักฐานชัดเจน มีการผ่านกระบวนการทางกฎหมายหมดแล้ว แต่การกล่าวหา 9 แกนนำว่าเป็นกบฏ ยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ แล้วใครมีความชอบธรรมมากกว่า พันธมิตรฯมีความชอบธรรมมากกว่า เพราะเราทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 70 ที่บอกว่าบุคคลมีหน้าที่ที่จะรับราชการทหาร เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการ และต้องปกป้องรักษารัฐธรรมนูญและรักษาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเอาไว้ นี่ถือหน้าที่ของชาวไทยทุกคน” นายวีระ กล่าว