ผู้จัดการรายวัน- นักวิชาการด้านน้ำมันแนะรัฐบาลเรียกเก็บเงินภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มจากที่ลดลงเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมาเหตุคนไทยได้ใช้ราคาน้ำมันถูกลงอยู่แล้วจากราคาตลาดโลกหวั่นรัฐสูญรายได้กว่า 3 หมื่นล้านบาทแบบไร้ประโยชน์
นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงานเปิดเผยว่า ภาครัฐควรจะเร่งพิจารณาปรับนโยบายการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมาเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบวิกฤติน้ำมันแพงเนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกได้ลดลงอย่างมากจนทำให้ราคาขายปลีกของไทยอยู่ในระดับที่เริ่มต่ำและยังมีทิศทางที่ลดลงต่อเนื่องอีกดังนั้นรัฐบาลควรพิจารณาทยอยจัดเก็บเพิ่มเพื่อที่จะนำรายได้ดังกล่าวไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นที่เหมาะสมกว่า
“ผมเองไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ตั้งแต่แรกเพราะในที่สุดภาระนี้ก็จะตกกับประชาชนอยู่ดี แต่เมื่อรัฐบาลทำไปแล้วเวลานี้ราคาน้ำมันขายปลีกประชาชนได้รับอานิสงค์ในการปรับลดราคาอยู่แล้วจากราคาตลาดโลก ดังนั้นรัฐบาลควรใช้จังหวะน้ำมันขาลงด้วยการทยอยเก็บภาษีสรรพสามิตคืนหรือไม่ก็เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงน่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติมากกว่า และหากน้ำมันถูกเกินไปก็จะทำให้ประชาชนไม่ประหยัดอีก ”นายเทียนไชยกล่าว
ทั้งนี้แนวโน้มราคาน้ำมันขายปลีกของไทยยังมีทิศทางปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่มีโอกาสลดลงต่อเนื่องอีกเหตุเพราะ วิกฤติการเงินสหรัฐอเมริกาที่เริ่มลามไปยังยุโรปนั้นถือเป็นสัญญาณที่สะท้อนไปยังราคาน้ำมันที่อยู่บนพื้นฐานของความต้องการ(ดีมานด์)และการผลิต(ซัพพลาย)อย่างแท้จริงจากอดีตที่ราคาได้สูงกว่า 100 เหรียญต่อบาร์เรลซึ่งเป็นราคาที่เกิดจากการเก็งกำไรจากองทุนหรือเฮดฟันจ์ โดยล่าสุดน้ำมันดิบมาเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 เหรียญต่อบาร์เรล
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาถึงแนวทางการปรับเพิ่มเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีกครั้งหลังจากที่ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยได้ลดลงอย่างมากตามทิศทางตลาดโลกโดยเตรียมที่จะเสนอให้รมว.พลังงานพิจารณาแนวทางด้วยการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) เร็วๆ นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงเมื่อวันที่ 25 ก.ค. เป็นหนึ่งใน 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทย สมัยนายสมัคร สุนทรเวชเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกชนิดเว้นเบนซิน 95 ลง 2.7-3.8 บาทต่อลิตร โดยมีผลให้ราคาขายปลีกของแก๊สโซฮอล์ทุกประเภท ทั้ง 95, 91 อี 20 และอี 85 ได้ลดลง 3.88 บาทต่อลิตร ไบโอดีเซล บี 2 ลดลง 2.712 บาทต่อลิตร และไบโอดีเซล บี 5 ลดลง 2.47 บาทต่อลิตร คิดเป็นรายได้รัฐลดหายไปประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท
นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงานเปิดเผยว่า ภาครัฐควรจะเร่งพิจารณาปรับนโยบายการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมาเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบวิกฤติน้ำมันแพงเนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกได้ลดลงอย่างมากจนทำให้ราคาขายปลีกของไทยอยู่ในระดับที่เริ่มต่ำและยังมีทิศทางที่ลดลงต่อเนื่องอีกดังนั้นรัฐบาลควรพิจารณาทยอยจัดเก็บเพิ่มเพื่อที่จะนำรายได้ดังกล่าวไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นที่เหมาะสมกว่า
“ผมเองไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ตั้งแต่แรกเพราะในที่สุดภาระนี้ก็จะตกกับประชาชนอยู่ดี แต่เมื่อรัฐบาลทำไปแล้วเวลานี้ราคาน้ำมันขายปลีกประชาชนได้รับอานิสงค์ในการปรับลดราคาอยู่แล้วจากราคาตลาดโลก ดังนั้นรัฐบาลควรใช้จังหวะน้ำมันขาลงด้วยการทยอยเก็บภาษีสรรพสามิตคืนหรือไม่ก็เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงน่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติมากกว่า และหากน้ำมันถูกเกินไปก็จะทำให้ประชาชนไม่ประหยัดอีก ”นายเทียนไชยกล่าว
ทั้งนี้แนวโน้มราคาน้ำมันขายปลีกของไทยยังมีทิศทางปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่มีโอกาสลดลงต่อเนื่องอีกเหตุเพราะ วิกฤติการเงินสหรัฐอเมริกาที่เริ่มลามไปยังยุโรปนั้นถือเป็นสัญญาณที่สะท้อนไปยังราคาน้ำมันที่อยู่บนพื้นฐานของความต้องการ(ดีมานด์)และการผลิต(ซัพพลาย)อย่างแท้จริงจากอดีตที่ราคาได้สูงกว่า 100 เหรียญต่อบาร์เรลซึ่งเป็นราคาที่เกิดจากการเก็งกำไรจากองทุนหรือเฮดฟันจ์ โดยล่าสุดน้ำมันดิบมาเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 เหรียญต่อบาร์เรล
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาถึงแนวทางการปรับเพิ่มเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีกครั้งหลังจากที่ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยได้ลดลงอย่างมากตามทิศทางตลาดโลกโดยเตรียมที่จะเสนอให้รมว.พลังงานพิจารณาแนวทางด้วยการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) เร็วๆ นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงเมื่อวันที่ 25 ก.ค. เป็นหนึ่งใน 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทย สมัยนายสมัคร สุนทรเวชเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกชนิดเว้นเบนซิน 95 ลง 2.7-3.8 บาทต่อลิตร โดยมีผลให้ราคาขายปลีกของแก๊สโซฮอล์ทุกประเภท ทั้ง 95, 91 อี 20 และอี 85 ได้ลดลง 3.88 บาทต่อลิตร ไบโอดีเซล บี 2 ลดลง 2.712 บาทต่อลิตร และไบโอดีเซล บี 5 ลดลง 2.47 บาทต่อลิตร คิดเป็นรายได้รัฐลดหายไปประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท