จับตาการประชุม กบง.วันนี้ ชงเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 30 ส.ต./ลิตร เพื่อเสริมสภาพคล่อง หลังฐานะการเงินติดลบสูงถึง 105 ล้านบาท คาด อุ้มผู้ค้ารายใหญ่ แบกภาระชดเชยน้ำมันค้างสต๊อก 3,000 ล้านบาท
วันนี้ (22 ส.ค.) นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวก่อนเข้าประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) โดยระบุว่า ที่ประชุมวันนี้ จะมีการพิจารณาถึงเสถียรภาพและฐานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งประเด็นหลักในการหารือ จะอยู่ที่จะมีการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ทั้งในส่วนของเบนซินและดีเซลเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพื่อรักษาสถานะกองทุนน้ำมันฯ
ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้ กระทรวงจะมีการเสนอให้เก็บเงินเพิ่มเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 30 สตางค์ต่อลิตร จากน้ำมันทุกชนิด จากปัจจุบันที่เก็บจากเบนซิน 95 อัตรา 3.45 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 อัตรา 3 บาทต่อลิตร ดีเซลเก็บ 1 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เก็บ 0.25 บาทต่อลิตร โดยมีภาระสนับสนุนราคาแก๊สโซฮอล์ 91 ที่ 0.25 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ อี 20 ที่ 0.30 บาทต่อลิตร ไบโอดีเซล บี 5 ที่ 1.30 บาทต่อลิตร
การเก็บเงินเพิ่มดังกล่าว เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กองทุน ภายหลังจากพบว่าฐานะกองทุน ณ วันที่ 18 ส.ค.ติดลบถึง 105 ล้านบาท เพราะมีภาระต้องจ่ายชดเชยภาษีสรรพสามิตช่วง 6 เดือนให้ผู้ค้าจากน้ำมันค้างสต๊อก ตามนโยบายลดภาษีสรรพสามิตของรัฐบาล ซึ่งเดิมคาดว่าจะมีภาระ 500-600 ล้านบาท แต่จากการตรวจสอบสต๊อกแท้จริง พบว่า กองทุนน้ำมันต้องจ่ายชดเชยภาษีกว่า 3,072 ล้านบาท
นอกจากกองทุนต้องสนับสนุนพลังงานทดแทนแล้ว ยังมีภาระส่งเสริมผลิตน้ำมันมาตรฐานยูโร 4 สัดส่วน 0.24 บาทต่อลิตร สำหรับผู้ค้าที่สามารถผลิตน้ำมันได้มาตรฐานก่อนกฎหมายบังคับใช้ปี 2555 ซึ่งปัจจุบันมีโรงกลั่นไทยออยล์ และ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ที่สามารถผลิตน้ำมันมาตรฐานดังกล่าวได้แล้ว
ส่วนโครงสร้างราคาน้ำมันอี 85 นั้น ได้มีการเสนอในเบื้องต้นให้มีราคาต่ำกว่า เบนซิน 95 ที่ระดับ ไม่ต่ำกว่า 30% จนถึง 50% หรือประมาณ 12-19 บาท จากปัจจุบัน (16 ส.ค.) ราคาเบนซิน 95 อยู่ที่ 37.69-38.89 บาทต่อลิตร
นายศิวะนันท์ ณ นคร ผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (สบพ.) กล่าวว่า ในช่วงที่แนวโน้มราคาน้ำมันปรับลดลงต่อเนื่อง เป็นโอกาสดีที่จะมีการเรียกเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะดีเซลซึ่งปัจจุบันถูกเรียกเก็บอยู่ที่เพียง 10 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันฯ ไม่ให้เกิดภาวะตึงตัว เนื่องจากสถานะกองทุนน้ำมันฯ ในขณะนี้ถือว่าไม่มีสภาพคล่อง และมีสถานะติดลบกว่า 105 ล้านบาท เพราะมีภารกิจที่ต้องไปจ่ายชดเชยสต๊อกน้ำมันคงเหลือกว่า 3 พันล้านบาท ในขณะที่รายรับของกองทุนน้ำมันฯ ก็ไม่ได้เพิ่มเข้ามามากนัก แม้จะลดการชดเชยน้ำมันดีเซล 90 สตางค์ต่อลิตรไปแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ ตั้งแต่รัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และแนวโน้มราคาน้ำมันลดลง ทำให้ค่าการตลาดน้ำมันอยู่ในระดับสูง 2-3 บาท/ลิตร เป็นโอกาสที่เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อสะสมรายได้ไว้ โดยก่อนหน้านี้ มีการกำหนดไว้ประมาณ 30 ส.ต./ลิตร และจะประกาศตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่มีการเลื่อนการประชุมออกไป สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ส.ค.มีรายรับเฉลี่ยเดือนละ 1,072 ล้านบาท มีรายจ่าย 603 ล้านบาท ส่งผลให้รายรับมากกว่ารายจ่าย 469 ล้านบาท
