ผู้จัดการรายวัน - ครม.จี้ก.พลังงานพิจารณาส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่ม เล็งปรับราคาก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม โยนกพช.ชี้ขาด พร้อมปรับงบมั่นใจไทยแลนด์ฯ หนุนทีมไทยแลนด์ทำงานต่อ และเพื่อจัดทำแผนแม่บทต่างๆ
น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ได้ให้กระทรวงพลังงานไปพิจารณาปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่ลดลงจากผลของนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน :ฝ่าวิกฤตเพื่อไทยทุกคน เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำรองสำหรับรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการนโยบาย 6 มาตรการในเดือนม.ค.52 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เสนอ โดยเบื้องต้นน.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน ได้รายงานต่อที่ประชุมว่า ขณะนี้กระทรวงอยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราการนำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสม
จากมาตรการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ทำให้ภาษีน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ลดลง 3.2835 บาท/ลิตร เหลือ 0.0165 บาท/ลิตร จากเดิมที่เก็บ 3.30 บาท/ลิตร ส่วนภาษีน้ำมันดีเซล ลดลง 2.295 บาท/ลิตร เหลือ 0.005 บาท/ลิตร จากเดิมอยู่ที่ 2.30 บาท/ลิตร และภาษีไบโอดีเซล (B5) ที่เคยเก็บภาษี 2.19 บาท/ลิตร ลดลงเหลือเพียง 0.0048 บาท/ลิตร
นอกจากนี้ สั่งการให้กระทรวงพลังงานพิจารณาปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับกลไกตลาด โดยรมว.พลังงาน ได้มอบหมายให้บริหารระดับสูงของกระทรวงไปพิจารณาราคาก๊าซแอลพีจีต่อไป หากมีความชัดเจนแล้วจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาอีกครั้ง ส่วนราคาก๊าซหุงต้มสำหรับครัวเรือนยังคงให้ตรึงราคาไว้ตามนโยบาย 6 มาตรการจนกว่าจะสิ้นสุดโครงการ
“ การเก็บเงินนำส่งกองทุนฯนั้นจะพิจารณาโดยไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบมากนัก โดย สศช. ได้รายงานต่อที่ประชุมครม.ว่าผลของนโยบาย 6 มาตรการ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงมาอยู่ในระดับ 6% จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 9% ขณะที่รัฐบาลยังเห็นความจำเป็นที่จะต้องลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนต่อไป ครม.จึงเห็นควรให้ดำเนินนโยบาย 6 มาตรการต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดในเดือนม.ค.52 ซึ่งขณะนี้มีประเทศเพื่อนบ้าน อย่างฟิลิปปินส์มีความสนใจนโยบายดังกล่าวของไทย และกำลังนำไปใช้เป็นแบบอย่าง”รองโฆษกฯ กล่าว
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลการดำเนินตาม 6 มาตรการ 6 เดือน พร้อมทั้งเห็นชอบให้ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณค่าใช้จ่ายในการจัดงาน “มั่นใจไทยแลนด์:การลงทุนเพื่ออนาคตของคนไทย” วงเงิน 40 ล้านบาท ที่ปัจจุบันได้ชะลอการจัดงานออกไป มาใช้ดำเนินสำหรับการจัดจ้างบริษัทจัดงานมั่นใจไทยแลนด์ฯ เพื่อสนับสนุนการทำงานของทีมประเทศไทยวงเงิน 30 ล้านบาท ส่วนอีก 10 ล้านบาท ที่ใช้สำหรับการจัดหาสถานที่จัดงานมั่นใจไทยแลนด์ฯและการประชาสัมพันธ์บางส่วนให้นำมาใช้ในการจัดทำแผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศของโลก การผันผวนของราคาพลังงาน และวิกฤตอาหารของโลกแทน
น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ได้ให้กระทรวงพลังงานไปพิจารณาปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่ลดลงจากผลของนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน :ฝ่าวิกฤตเพื่อไทยทุกคน เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำรองสำหรับรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการนโยบาย 6 มาตรการในเดือนม.ค.52 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เสนอ โดยเบื้องต้นน.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน ได้รายงานต่อที่ประชุมว่า ขณะนี้กระทรวงอยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราการนำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสม
จากมาตรการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ทำให้ภาษีน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ลดลง 3.2835 บาท/ลิตร เหลือ 0.0165 บาท/ลิตร จากเดิมที่เก็บ 3.30 บาท/ลิตร ส่วนภาษีน้ำมันดีเซล ลดลง 2.295 บาท/ลิตร เหลือ 0.005 บาท/ลิตร จากเดิมอยู่ที่ 2.30 บาท/ลิตร และภาษีไบโอดีเซล (B5) ที่เคยเก็บภาษี 2.19 บาท/ลิตร ลดลงเหลือเพียง 0.0048 บาท/ลิตร
นอกจากนี้ สั่งการให้กระทรวงพลังงานพิจารณาปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับกลไกตลาด โดยรมว.พลังงาน ได้มอบหมายให้บริหารระดับสูงของกระทรวงไปพิจารณาราคาก๊าซแอลพีจีต่อไป หากมีความชัดเจนแล้วจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาอีกครั้ง ส่วนราคาก๊าซหุงต้มสำหรับครัวเรือนยังคงให้ตรึงราคาไว้ตามนโยบาย 6 มาตรการจนกว่าจะสิ้นสุดโครงการ
“ การเก็บเงินนำส่งกองทุนฯนั้นจะพิจารณาโดยไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบมากนัก โดย สศช. ได้รายงานต่อที่ประชุมครม.ว่าผลของนโยบาย 6 มาตรการ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงมาอยู่ในระดับ 6% จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 9% ขณะที่รัฐบาลยังเห็นความจำเป็นที่จะต้องลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนต่อไป ครม.จึงเห็นควรให้ดำเนินนโยบาย 6 มาตรการต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดในเดือนม.ค.52 ซึ่งขณะนี้มีประเทศเพื่อนบ้าน อย่างฟิลิปปินส์มีความสนใจนโยบายดังกล่าวของไทย และกำลังนำไปใช้เป็นแบบอย่าง”รองโฆษกฯ กล่าว
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลการดำเนินตาม 6 มาตรการ 6 เดือน พร้อมทั้งเห็นชอบให้ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณค่าใช้จ่ายในการจัดงาน “มั่นใจไทยแลนด์:การลงทุนเพื่ออนาคตของคนไทย” วงเงิน 40 ล้านบาท ที่ปัจจุบันได้ชะลอการจัดงานออกไป มาใช้ดำเนินสำหรับการจัดจ้างบริษัทจัดงานมั่นใจไทยแลนด์ฯ เพื่อสนับสนุนการทำงานของทีมประเทศไทยวงเงิน 30 ล้านบาท ส่วนอีก 10 ล้านบาท ที่ใช้สำหรับการจัดหาสถานที่จัดงานมั่นใจไทยแลนด์ฯและการประชาสัมพันธ์บางส่วนให้นำมาใช้ในการจัดทำแผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศของโลก การผันผวนของราคาพลังงาน และวิกฤตอาหารของโลกแทน
