กบง.ประกาศเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มทุกประเภท 30 สต./ลิตร ยกเว้นเบนซิน 95 เก็บเพิ่ม 25 สต./ลิตร มีผลพรุ่งนี้ ยันไม่ส่งผลกระทบราคาขายปลีก
วันนี้ (5 ก.ย.) นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ยอมรับว่า กบง.มีมติให้ปรับเพิ่มการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันทุกชนิด 30 สตางค์ (สต.) ยกเว้นเบนซิน 95 เก็บแค่ลิตรละ 25 สต.มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (6 ก.ย.)
ทั้งนี้ ในส่วนเบนซิน 95 เก็บเพิ่มอีก 25 สต./ลิตร จากเดิม 3.75 บาท เป็น 4 บาท ส่วนชนิดอื่นๆ ปรับเพิ่มอีก 30 สต.โดยเบนซิน 91 จาก 3.30 บาท ปรับเป็น 3.60 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 0.85 บาท จาก 0.55 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 0.35 บาท จาก 0.05 บาท
สำหรับดีเซล B2 จาก 0.40 บาท เป็น 0.70 บาท, ดีเซล B5 จากที่ภาครัฐต้องชดเชย 1 บาท เหลือชดเชยเพียง 70 สต.
สาเหตุที่มีมติให้เก็บเงินเข้ากองทุนเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มสภาพคล่องเงินกองทุน เพื่อนำไปใช้อุดหนุนการใช้พลังงานทดแทน ทำให้เงินเข้ากองทุนต่อเดือนเพิ่มเป็น 1,572 ล้านบาท/เดือน จากเดิมที่มี 1,031 ล้านบาท/เดือน
นายวีระพล จิรประดิษฐ์กุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวเสริมว่า การจัดเก็บเงินเพิ่มดังกล่าวทำให้มีเงินทุนไหลเข้ากองทุนเพิ่มอีกประมาณ 500 ล้านบาทต่อเดือน จากเดิม 1,021 ล้านบาท เป็น 1,500 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้สภาพคล่องของเงินกองทุนดีขึ้น ขณะเดียวกัน การจัดเก็บนี้ก็เป็นผลมาจากราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่ชัดเจนว่าราคาในอนาคตจะขยับเพิ่มขึ้นอีกมากน้อยเพียงใด
ดังนั้น การเก็บเงินกองทุนเพิ่ม ก็จะไม่ทำให้ราคาน้ำมันลดต่ำลงไปมาก ซึ่งจะทำให้ประชาชนยังคงมีความรู้สึกว่าใช้น้ำมันในอัตราสูง แล้วจะส่งผลเรื่องการประหยัดพลังงานต่อไป
“แม้จะจัดเก็บเงินกองทุนเพิ่มประมาณ 55-60 สตางค์ นับจากวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่จากราคาน้ำมันที่ลดลง 20-30 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ก็ยังทำให้ประชาชนได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลงอยู่ดี ซึ่งการเพิ่มฐานะกองทุนก็จะทำให้สามารถใช้เงินไปในการรักษาเสถียรภาพน้ำมันในอนาคต รวมทั้งไปส่งเสริมพลังงานทดแทนทั้งแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซล เพื่อลดผลกระทบน้ำมันแพงในช่วงต่อไป” นายวีระพล กล่าว
นายวีระพล กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงพลังงานเตรียมทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังที่จะขอเงินชดเชยในเรื่องที่เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามารับภาระกรณีน้ำมันค้างสต๊อกที่เกิดจากการลดภาษีน้ำมันตามนโยบายลดค่าครองชีพของรัฐบาลที่มีภาระรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท ที่ต้องขอชดเชยจากเงินภาษี เนื่องจากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลังที่ว่า หากหน่วยงานใดขาดทุนจากมาตรการดังกล่าวก็จะได้รับเงินชดเชยจากภาษี ในส่วนของน้ำมันค้างสต๊อกนี้เป็นภาระที่เกิดจากน้ำมันส่วนผสมที่ไม่สามารถมาเช็กสต๊อก และมีการคืนเงินคงเหลือ หลังจากมีการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งถือได้ว่าวงเงินจำนวนนี้มีกว่า 2,000 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องขอเงินภาษีมาชดเชยแทน
