ผู้จัดการรายวัน-สนพ.แจงยังไม่มีแผนเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แม้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เหตุต้องรอกบง. มีความชัดเจนก่อน ขณะที่ผู้ค้าคาด 1-2 วันนี้ ตัดสินใจปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ หากรัฐไม่เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานยังไม่มีแผนการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาน้ำมันตลาดโลกจะยังคงลดลงในขณะนี้ เนื่องจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปัจจุบันยังอยู่ในช่วงรักษาการ และตำแหน่งผู้ที่เป็นประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ดังนั้น คงจะต้องรอความเรียบร้อยทางการเมืองก่อนพิจารณากบง.
อย่างไรก็ตาม จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่อ่อนตัวลงคาดว่าใน 1-2 วันนี้ หากราคาน้ำมันยังลดลงต่อเนื่องอีกผู้ค้าน้ำมันก็สามารถจะปรับลดราคาขายปลีกลงได้ แต่จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงส่งผลทำให้ต้นทุนน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน
นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า กรณีที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือ โอเปก ตกลงจะลดกำลังการผลิตที่แท้จริงลงวันละ 520,000 บาร์เรล ในอีก 40 วันข้างหน้านั้นคงไม่มีผลต่อราคาน้ำมันตลาดโลกที่จะปรับลดลงไปมากกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลต่อวันได้ในระยะยาวเนื่องจากกำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวที่ความต้องการปกติจะมีเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้
“ปัจจัยเรื่องความต้องการลดลง และค่าเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นมานั้นมีผลอย่างยิ่งต่อราคาน้ำมันตลาดโลกในขณะนี้ที่ลดต่ำลงมาค่อนข้างมาก แม้ว่าโอเปกจะลดการผลิตลง แต่เป็นเพียงแค่ข้อตกลงที่ทางปฏิบัติอาจไม่เกิดผล โดยดูจากอดีตที่ผ่านมา ดังนั้นปัจจัยหลักที่จะต้องติดตามน่าจะเป็นเรื่องของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมากกว่าว่าจะแข็งค่าไปนานเพียงใด”นายเทียนไชกล่าว
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน กล่าวว่า ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศอาจจะปรับลดลงได้ในช่วง 1-2 วันนี้หากตลาดสิงคโปร์ปิดตลาดมีการปรับลดราคาลง และภายใต้กรณีที่รัฐไม่มีการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ เพิ่ม
นายศัลยา สุคนธทรัพย ผู้จัดการฝ่ายราคาตลาดขายปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า คงต้องติดตามราคาน้ำมันตลาดสิงค์โปร์ปิดเย็นในวัน10 ก.ย.ก่อน หากมีการปรับลดลง 3-4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ก็จะส่งผลทำให้ราคาขายปลีกภายในประเทศสามารถปรับลดลงได้ ขณะที่ผู้ค้าน้ำมันยังติดตามว่าในสัปดาห์นี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีพิจารณาเก็บเงินน้ำมันเพิ่มอีกหรือไม่
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานยังไม่มีแผนการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาน้ำมันตลาดโลกจะยังคงลดลงในขณะนี้ เนื่องจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปัจจุบันยังอยู่ในช่วงรักษาการ และตำแหน่งผู้ที่เป็นประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ดังนั้น คงจะต้องรอความเรียบร้อยทางการเมืองก่อนพิจารณากบง.
อย่างไรก็ตาม จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่อ่อนตัวลงคาดว่าใน 1-2 วันนี้ หากราคาน้ำมันยังลดลงต่อเนื่องอีกผู้ค้าน้ำมันก็สามารถจะปรับลดราคาขายปลีกลงได้ แต่จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงส่งผลทำให้ต้นทุนน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน
นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า กรณีที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือ โอเปก ตกลงจะลดกำลังการผลิตที่แท้จริงลงวันละ 520,000 บาร์เรล ในอีก 40 วันข้างหน้านั้นคงไม่มีผลต่อราคาน้ำมันตลาดโลกที่จะปรับลดลงไปมากกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลต่อวันได้ในระยะยาวเนื่องจากกำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวที่ความต้องการปกติจะมีเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้
“ปัจจัยเรื่องความต้องการลดลง และค่าเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นมานั้นมีผลอย่างยิ่งต่อราคาน้ำมันตลาดโลกในขณะนี้ที่ลดต่ำลงมาค่อนข้างมาก แม้ว่าโอเปกจะลดการผลิตลง แต่เป็นเพียงแค่ข้อตกลงที่ทางปฏิบัติอาจไม่เกิดผล โดยดูจากอดีตที่ผ่านมา ดังนั้นปัจจัยหลักที่จะต้องติดตามน่าจะเป็นเรื่องของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมากกว่าว่าจะแข็งค่าไปนานเพียงใด”นายเทียนไชกล่าว
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน กล่าวว่า ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศอาจจะปรับลดลงได้ในช่วง 1-2 วันนี้หากตลาดสิงคโปร์ปิดตลาดมีการปรับลดราคาลง และภายใต้กรณีที่รัฐไม่มีการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ เพิ่ม
นายศัลยา สุคนธทรัพย ผู้จัดการฝ่ายราคาตลาดขายปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า คงต้องติดตามราคาน้ำมันตลาดสิงค์โปร์ปิดเย็นในวัน10 ก.ย.ก่อน หากมีการปรับลดลง 3-4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ก็จะส่งผลทำให้ราคาขายปลีกภายในประเทศสามารถปรับลดลงได้ ขณะที่ผู้ค้าน้ำมันยังติดตามว่าในสัปดาห์นี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีพิจารณาเก็บเงินน้ำมันเพิ่มอีกหรือไม่
