บอร์ด กบง.เด้งรับใบสั่ง “ลูกกรอก” อนุมัติให้เก็บเงินเบนซิน-ดีเซล เข้ากองทุนน้ำมันเพิ่ม 30 ส.ต./ลิตร โดยมีผลในวันที่ 23 ส.ค.นี้ เชื่อยังไม่กระทบราคาขายปลีกในตอนนี้ แต่ยอมรับว่าอาจมีผลต่อการปรับราคาในครั้งต่อไป
วันนี้ (22 ส.ค.) นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เป็นประธาน อนุมัติให้เรียกเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำมัน ทั้งเบนซินและดีเซล เข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอีกลิตรละ 30 สตางค์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้
โดยน้ำมันเบนซิน 95 จะเรียกเก็บเพิ่มจาก 3.45 บาท เป็น 3.75 บาท, เบนซิน 91 จะเรียกเก็บเพิ่มจาก 3.00 บาท เป็น 3.30 บาท, แก๊สโซฮอล์ อี 10 (ทั้ง 95 และ 91) จะเรียกเก็บเพิ่มจาก 0.25 บาท เป็น 0.55 บาท, แก๊สโซฮอล์ อี 20 จะยกเลิกการชดเชย 0.30 บาท, ดีเซล บี 2 จะเรียกเก็บเพิ่มจาก 0.10 บาท เป็น 0.40 บาท และดีเซล บี 5 ลดการชดเชยจาก 1.30 บาท เหลือ 1 บาท
ผู้อำนวยการ สนพ.กล่าวว่า กองทุนน้ำมันฯ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากวันละ 17 ล้านบาท เป็น 34.4 ล้านบาท หรือเพิ่มจากเดือนละ 500 ล้านบาท เป็น 1,031 ล้านบาท โดยจะได้นำรายได้ที่เพิ่มขึ้นไปใช้หนี้ชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปในอดีต และสำรองไว้ใช้ในอนาคต
ปัจจุบันสถานะของกองทุนน้ำมันฯ มีเงินอยู่ 17,237 ล้านบาท และมีกำหนดชำระหนี้คืนพันธบัตรเงินกู้ในเดือน ต.ค.นี้จำนวน 8,800 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หลังจากเรียกเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำมันเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในวันพรุ่งนี้ เชื่อว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ เนื่องจากปัจจุบันผู้ค้ามีค่าการตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ลิตรละ 2 บาท แต่อาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณาปรับราคาในครั้งต่อไป