xs
xsm
sm
md
lg

ถอนหมายจับข้อหากบฎศาลห้ามตร.รุนแรงใส่พธม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - ศาลอาญาถอนหมายจับข้อหากบฏของ 9 แกนนำพันธมิตรฯ พร้อมให้ประกันตัว ขณะที่ศาลปกครองมีคำสั่งให้คุ้มครองพันธมิตรฯ ห้ามตำรวจสลายชุมนุม แฉขบวนการใส่ร้ายพันธมิตรฯ ด้านกลุ่มแนวร่วมศิลปินประชาธิปไตย ให้การต่อ "กสม." กรณีเหยื่อถูกระเบิดมือขวาขาดถูกบิดเบือนข้อเท็จจริง พันธมิตรฯ "สนธิ" ประกาศทั้งน้ำตา พร้อมเสียสละชีวิตหากทหารปฏิวัติช่วย "แม้ว" "โหร ส.ว."ทำนายนายกฯ ดวงตกสุดขีด ลือ “สมชาย” ส่งลูกหนีไปอังกฤษแล้ว

ที่ห้องพิจารณาคดี 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 9 ต.ค.51 เวลา 11.30 น.ศาลอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ ที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงาน นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตรฯ ผู้ต้องหาที่ 1-9 ยื่นอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนหมายจับ ข้อหาร่วมกันเป็นกบฎ สะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ และเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกไปแต่ไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.113, 114,116,215 และ 216
**ถอนหมายจับข้อหากบฏ**
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ยังไม่มีเหตุอันควรที่จะออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งเก้าในความผิดดังกล่าวเพราะเป็นการตั้งข้ออกล่าวหาที่ค่อนข้างจะเลื่อนลอย ส่วนข้อหาที่เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งผู้ที่มั่วสุมเพื่อกระทำความผิดตาม มาตรา 215 ให้เลิกแล้วไม่เลิก อันเป็นความผิดตาม มาตรา 216 ตามที่พนักงานสอบสวน ผู้ร้องประสงค์ให้ออกหมายจับนั้นก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงจากคำร้องขอออกหมายจับว่า มีเจ้าพนักงานผู้ใดสั่งให้ผู้ต้องหาทั้งเก้าเลิกกระทำความผิดดังกล่าวตามมาตรา 215 แล้วผู้ต้องหาทั้งเก้าแล้วไม่เลิก จึงไม่มีเหตุอันควรที่จะออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งเก้าในความผิด มาตรา 216 เช่นเดียวกัน และเมื่อไม่มีเหตุอันควรที่จะออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งเก้าในความผิดฐานเป็นกบฏแล้ว จึงไม่สมควรออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งเก้าในข้อหาสะสมกำลังพล หรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏด้วย
แต่อย่างไรก็ตามการกระทำของผู้ต้องหาทั้งเก้าตามคำร้องของผู้ร้องพอรับฟังได้ว่าผู้ต้องทั้งเก้าน่าจะกระทำความผิดฐานกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนหมายจับผู้ต้องหาทั้งเก้าเฉพาะข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 , 114 , และ 216 นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น และให้ยกคำร้องที่ผู้ต้องหาทั้งเก้าขอให้ระงับการบังคับตามหมายจับและยกอุทธรณ์ผู้ต้องหาเรื่องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น
**ยื่นประกัน"จำลอง-ไชยวัฒน์"**
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ 9 แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ศาลได้อ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ โดยมีคำพิพากษายกข้อหากบฏและความมั่นคงทั้งหมด คงเหลือแต่มาตรา 116 คือการปลุกปั่นยุยงประชาชนให้กระด้างกระเดื่องมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และมาตรา 215 คือ มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ผู้ใดเป็นหัวหน้ามีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ดังนั้น เมื่อข้อหาอื่นที่มีโทษประหารชีวิตและโทษหลัก ที่เราต่อสู้กันมาตลอดนั้นเสร็จสิ้นไปหมด ขณะนี้ชี้ให้เห็นว่าพนักงานสอบสวนกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 200 คือแจ้งข้อหาเกินจริง และศาลอุทธรณ์ชี้ชัด ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่จะต้องหารือกับแกนนำอีกที
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 1ในแกนนำพันธมิตรฯที่ถูกออกหมายจับ กล่าวว่า ตอนนี้ต้องหารือหลายฝ่ายว่าจะดำเนินคดีตำรวจที่กลั่นแกล้งแจ้งข้อหากบฏ ซึ่งถือว่าเป็นการจงใจต่อสิทธิเสรีภาพถูกขังฟรีไปทั้ง 2 คน และยังออกหมายจับทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงไปทั่วประเทศ ส่วนแนวทางที่ 2 คือ เราจะให้ผู้ที่ถูกตำรวจตั้งข้อหากบฏชุด 2 ซึ่งมีหลายสิบคน ดำเนินคดีกับตำรวจที่ตั้งข้อหากบฏกลั่นแกล้ง
**ศาลอนุญาตประกันตัว**
ต่อมาศาลอาญา มีคำสั่งให้ประกันตัว พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ หลังจากทนายความได้ใช้ตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาของนายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ในการยื่นขอประกันตัว โดยศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้ประกันตัว พล.ต.จำลอง และนายไชยวัฒน์ ได้โดยตีราคาประกันคนละ 1 แสนบาท และไม่มีเงื่อนไข พร้อมออกหมายปล่อยตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อขอปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสอง
ต่อมาเวลา 16.20 น. ภายหลังที่ได้รับการประกันตัว พลตรีจำลอง ศรีเมือง และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้เดินทางออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การให้ประกันตัวไม่มีเงื่อนไขใด ตนและนายไชยวัฒน์ ถึงได้ให้ทนายยื่นขอประกันตัว ซึ่งการที่ตนไม่มอบตัวตามข้อหากบฏก่อนหน้าที่จะถูกจับขณะไปเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เนื่องจากหมายจับดังกล่าวเลื่อนลอย หากตนยอมรับถือเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรม
พล.ต.จำลอง กล่าวถึงการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯรอบรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมาว่า เป็นเหตุการณ์ที่แย่กว่าคราวที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์เมื่อ 2 ก.ย. ซึ่งภาพที่ปรากฎได้เผยแพร่ไปทั่วโลก ซึ่งตำรวจบอกใช้เพียงแก๊สน้ำตาสลายนั้น ตนมองว่าไม่จริง ถ้ามีเพียงแก๊สน้ำตาจะทำให้ถึงตาย แขนขาด ขาขาดได้อย่างไร โดยเฉพาะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี บอกว่าการใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมเป็นการทำตามหลักสากลนั้น ยิ่งไม่เป็นความจริง
ทางด้านนายรัฐพร โตประยูร ทนายพันธมิตรฯ กล่าวว่า จะฟ้องร้องกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องกับการออกหมายจับ 9 พันธมิตรฯแน่นอน โดยจะหารือกับ 9 แกนนำว่าจะฟ้องกลับเมื่อใด และการตั้งข้อหากบฏถือเป็นข้อหาที่รุนแรงเกินไป ซึ่งแนวทางต่อสู้จะเป็นไปตามกฎหมาย
**ตำรวจยินดีปฏิบัติตามคำสั่งศาล **
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก.ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงคำสั่งศาลอุทธรณ์เพิกถอนหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรฯข้อหากบฏ และสั่งสมกำลัง แต่ยังคงหมายจับข้อหาสร้างความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่อง ในหมู่ประชาชน ว่า หมายจับแรกเป็นของศาลอาญาตำรวจก็ดำเนินการตามหมายจับ ส่วนกรณีนี้หากศาลอนุมัติหมายจับตามข้อหาใดก็ดำเนินคดีไปตามข้อหานั้น พนักงานสอบสวนก็สืบสวนสอบสวนไปตามหมายจับในเรื่องของพยานหลักฐาน ซึ่งการถอนหมายจับข้อหากบฏไม่มีผลต่อการดำเนินคดี มีผลเฉพาะการประกันตัวและสิทธิต่างๆ ของผู้ต้องหา รวมถึงอัตราโทษที่แตกต่างกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯประกาศบนเวที ว่า แกนนำที่ถูกออกหมายจับพร้อมที่จะมอบตัว พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ตำรวจก็ยินดี ที่ทุกคนจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขึ้นสู่ชั้นศาล ซึ่งหากมีการมอบตัวเรื่องการประกันตัวนั้น เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนตนเองไม่อาจก้าวล่วงได้ แต่กรณี นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ หนึ่งในแกนนำที่ถูกจับตำรวจก็ไม่ได้คัดค้านการขอประกันตัว
**แฉขบวนการใส่ร้ายพันธมิตรฯ
นายพิภพ ธงไชย และนาย สมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ร่วมแถลงข่าวโดย นายสมศักดิ์ กล่าวถึง กรณีที่เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ได้มีกระแสข่าวออกมาว่า พันธมิตรฯยึดรถ ขสมก.มาไว้ที่บริเวณพื้นที่ชุมนุมซึ่งทาง ขสมก. มาชี้แจงให้ทราบและตรวจสอบแล้ว แต่ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนนำรถดังกล่าวมา แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแกนนำฯ ขอให้สื่อมวลชน อย่าเสนอข่าวด้านเดียว โดยเฉพาะฟรีทีวีที่จะต้องระมัดระวัง เพราะการนำเสนอที่ไม่มีความเป็นกลาง จะเป็นชนวนทำให้เกิดความรุนแรงในบ้านเมืองได้
นายสมศักดิ์ กล่าวถึง กรณีที่โฆษกตำรวจแห่งชาติ ออกมาระบุว่า น.ส.อังขณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ “น้องโบว์” เสียชีวิตโดยข้อศอกข้างซ้ายหายไป อาจจะหนีบอะไรมาด้วยในระหว่างการชุมนุมนั้น นับเป็นการบิดเบือนความเป็นจริงอย่างโหดเหี้ยม ทารุณที่สุดในโลก ตนไม่คิดว่าผู้หญิงอายุ 18 ปีจะพกระเบิดมาด้วย ซึ่งตำรวจไม่น่ามีพฤติกรรมใส่ร้ายประชาชนผู้เสียชีวิตเช่นนี้ ส่วนผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บ ขาขาด แล้วบอกว่ามีระเบิดอยู่ในมือ ตนขอร้องตำรวจอย่าสร้างหลักฐานเท็จ
**"สนธิ"หลั่งน้ำตา-ยันไม่ขี้ขลาด
ต่อมาเวลา 11.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีปราศรัยด้วยน้ำตา ต่อสถานการณ์สลายการชุมนุม ว่า พวกเรายึดมั่นในอหิงสามาตลอด และเห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์กำลังตกอยู่ในอันตราย และว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นวิธีการทำลายราชบัลลังก์โดยขบวนการของระบอบทักษิณ
นายสนธิ กล่าวว่า ถ้าเกิดการรัฐประหารขอให้พี่น้องอย่างเพิ่งไปไหน อย่าเพิ่งกลับบ้าน เพราะไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายที่ล้มล้างสถาบันหรือปฏิวัติเพื่อการเมืองใหม่ ถ้าไม่ใช่อย่างหลังเราก็พร้อมนองเลือด ดังนั้น เราต้องหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเพื่อพ่อหลวงและแม่หลวงของเรา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาเพิกถอนข้อหากบฏ 9 แกนนำ ซึ่งบรรยากาศการชุมนุมที่เศร้าโศกมา 2 วัน หลังจากถูกตำรวจโจมตี ทำให้บรรยากาศการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล มีความคึกคักขึ้นมาทันที ผู้ชุมนุมต่างส่งเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจ บางรายถึงกับน้ำตาซึมด้วยความตื้นตันใจ ซึ่งเป็นข่าวที่ดีสุดหลังจากกลุ่มพันธมิตรฯ ถูกทำร้ายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
**"สนธิ"พร้อมมอบตัว
นายสนธิ กล่าวว่า ข้อหากบฏ ที่รัฐบาลยัดเยียดให้กับแกนนำพันธมิตรฯ เป็นเจตนาที่รัฐบาลใช้อำนาจรัฐในการกลั่นแกล้งแกนนำพันธมิตรฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกวันนี้โกหก พกลม ที่ผ่านมาแกนนำพันธมิตรฯต่อสู้ในศาลอุทธรณ์ เพื่อให้เพิกถอนหมายจับมาตลอด เพราะข้อหาดังกล่าวเป็นเท็จ จนถึงวันนี้ ถือเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าพันธมิตรฯ ไม่ผิด และจะไม่ออกจากทำเนียบฯ เด็ดขาด รอให้ตำรวจเข้ามาสลายการชุมนุมเอง
นายสนธิกล่าวบนเวทีในช่วงดึกด้วยว่า ในวันจันทร์หน้า เวลา 9 โมงเช้าเราจะเดินทางไปแสดงประชามติที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปพร้อมกับข้อมูลรูปภาพที่ขยายใหญ่จำนวนมาก เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงความเลวทรามตำรวจที่ฆ่าประชาชน
“ผมขอฉันทามติจากพ่อแม่พี่น้อง เราจะตั้งทนายฟ้องคดีอาญาตำรวจเช่น พล.ต.ต.สุรพล ทวนทองข้อหา พูดเท็จ ใส่ร้ายประชาชนให้เสียหาย เราจะฟ้องเรื่องฆ่าประชาชน ใครให้สัมภาษณ์เท็จ ทั้งสุรพล ทวนทอง อำนวย นิ่มมะโน เราจะฟ้องด้วยการพูดเท็จก่อนพล.ต.ต. สุรพลมีคดีความอยู่ว่าไม่สามารถแจ้งแหล่งที่มาได้ถึงเงิน 16 ล้านบาทที่มาอยู่ในบัญชีของเขาได้อย่างไร ขนาดบัญชีตัวเองยังแจ้งเท็จ นับประสาอะไรกับคดีน้องโบว์ก็แจ้งเท็จเหมือนกัน”
**ดวงนายกฯตกมรณะ
นายบุญเลิศ ไพรินทร์ อดีต ส.ว.ฉะเชิงเทรา หรือ ฉายาโหรส.ว. กล่าวว่า เมื่อวิเคราะห์จากเหตุการณ์บ้านเมือง ประกอบดวงโลก และดวงเมืองในขณะนี้ ดาวอาทิตย์เป็นอริ กับดวงเมือง กล่าวคือ ตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 15 พ.ย. ดาวอาทิตย์ หรือดาวผู้นำจะเสื่อมคุณภาพอย่างยิ่ง จะไปไม่รอด จะหลุดพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ถ้าไม่ยุบสภา ก็ลาออก
ขณะที่ช่วงตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.- 15 ธ.ค.นั้น ดวงผู้นำหรือนายกฯ ก็ยังตกเรือนมรณะ ถ้ายังไม่ไป ก็ต้องตกต่ำไปไม่รอด คือตลอดตั้งแต่ระยะตั้งแต่เดือนก.ย.-ธ.ค. ไม่เดือนใดก็เดือนหนึ่ง ต้องหลุดพ้นจากตำแหน่งผู้นำนายกรัฐมนตรี ซึ่งสิ่งดังกล่าวนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ แม้จะเป็นคนที่พูดดีก็ตาม แต่จะต้องเป็นต้องคนทำความดี คิดดี จึงจะไปรอด
**"สมชาย"ส่งลูกหนีไปอังกฤษแล้ว
น.ส.อัญชลี ไพรีรัก กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯว่า ญาติของตนที่อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษได้ส่งข้อความมาระบุว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ส่งบุตร-ธิดา ของตัวเองไปยังประเทศอังกฤษแล้ว เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย และน่าจะเดินทางไปอยู่กับครอบครัวของพี่ภรรยา คือ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่ปัจจุบันหลบหนีคดีอาญาและหมายจับไปอาศัยอยู่ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
อีกทั้งเมื่อวันที่ 8 ต.ค. หลังเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง นายสมชาย และครอบครัว ไม่ได้พักค้างคืนที่บ้านพักภายในหมู่บ้านเบเวอร์ลี่ฮิลล์ ย่านถนนแจ้งวัฒนะ โดยได้หลบไปพักยังเซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง ซึ่งปิดเป็นความลับ
**ศาลปค.สั่งคุ้มครองพันธมิตรฯ
นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. กล่าวว่า ตนพร้อมผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 คน ได้เดินทางมายังศาลปกครอง ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง พร้อมด้วยนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา และน.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ที่เป็นผู้ร้องสอดร่วมด้วย โดยฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ. พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( สตช.)ว่า ให้ยุติการใช้กำลังในการเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม เหมือนอย่างที่หน้ารัฐสภาอีกนั้น
หลังจากที่ตุลาการได้ทำการไต่สวนฉุกเฉินตามคำร้องของผู้ถูกร้องไปเมื่อวันที่ (8 ต.ค.) นั้น นายนิติธร เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 18.40 น.วานนี้ ( 9 ต.ค.) ตุลาการศาลปกครองกลาง ได้มีคำสั่งให้กำหนดมาตรการ หรือวิธีการคุ้มครองให้ผู้ฟ้องคดีที่หก โดยมีคำสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากจะกระทำการใดๆ ต่อผู้เข้าร่วมชุมนุม ต้องดำเนินการเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความเหมาะสมมีลำดับขั้นตอนตามหลักสากล ที่ใช้ในการสลายการชุมนุมของประชาชน และให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาล และให้นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจหน้าที่ของตนดำเนินการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติปฏิบัติตามมาตรการ หรือวิธีการคุ้มครองชั่วคราวตามคำสั่งศาล จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
**พันธมิตรฯคึกรับ"ไชยวัฒน์"
เวลา17.00 น. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แนวร่วมพันธมิตรฯ ซึ่งเป็น 1 ใน 9 แกนนำฯ ที่ศาลอุทธรณ์เพิกถอนหมายจับในข้อหากบฏ ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล โดยนายไชยวัฒน์ ได้เดินขึ้นไปบนเวที และโบกไม้โบกมือ ท่ามกลางพันธมิตรฯนับหมื่น ที่โห่ร้องแสดงความยินดีอย่างกึกก้อง
นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ตนได้รับความกรุณาจากศาลอุทธรณ์ ที่ปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข เนื่องจากการต่อสู้ที่ผ่านมาของแกนนำพันธมิตรฯ และส่วนตัวไม่ยอมรับข้อหากบฏที่มีโทษประหารชีวิต ซึ่งถูกกล่าวหามาตั้งแต่ต้น ขณะที่คดีอาญา ทั้งการบุกรุกสถานที่ราชการและคดีซ่องสุมเกิน 10 คนนั้น เป็นคนละเรื่องกันโทษจำคุก 7 ปี พอรับที่จะต่อสู้คดีได้
"ตอนอยู่ในคุก นอกจากจะคิดถึงมวลชนแล้วยังคิดถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าถ้ามาอยู่ในคุก เรา 2 คนก็จะเท่ากัน ไม่ว่าจะรวยขนาดไหน ถ้าใช้เงินได้ไม่เกินวันละ200 บาทเหมือนกัน และเชื่อว่าหากนายสมัคร สุนทรเวช เข้ามาในคุกอยู่อย่างนี้ ก็คงทำใจไม่ได้เช่นเดียวกัน " แกนนำผู้นี้กล่าว
** แฉ ตร.สร้างหลักฐานเท็จ
เมื่อเวลา14.00 น. วานนี้ กลุ่มแนวร่วมศิลปินประชาธิปไตย กว่า 20 คน นำโดยนายวสันต์ สิทธิเขตต์ น.ส.วรรณพร ฉิมบรรจง หรือ “ทราย” นำ น.ส.เมตตา อุปมัย ภรรยานายชิงชัย อุดมเจริญกิจ หรือ “ตี๋” ศิลปินอิสระ เหยื่อผู้ประสบเหตุการณ์ถูกแรงระเบิดเข้าใส่จนทำให้มือขวาขาด ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ตามที่ปรากฏเป็นภาพข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์
นายประเสริฐ พุทธสอน เพื่อนนายชิงชัย ที่ประสบเหตุการณ์ร่วมกันจนได้รับบาดเจ็บกลางหลังจากสะเก็ดระเบิด เข้าให้ข้อเท็จจริงต่อ นายสุรสีห์ โกศลนาวิน กรรมการสิทธิมนุษยชน ( กสม.) ในฐานะประธานนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการสลายการชุมนุม และนางสุณี ไชยรส กสม.
นายประเสริฐ กล่าวว่าตนได้ประสบเหตุการณ์พร้อมกับนายชิงชัย และเพื่อนอีกคนหนึ่งเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่หน้าบช.น. ขอยืนยันว่านายชิงชัย เป็นเพียงแค่ศิลปินอิสระเขียนภาพวาดที่ร่วมชุมนุมเท่านั้น โดยไม่ใช่มือระเบิดตามที่ตำรวจได้แถลงข่าวว่า นายชิงชัย มือซ้ายกำระเบิด
ด้าน น.ส.เมตตา เปิดเผยว่า การที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งลงภาพที่นายชิงชัยถูกระเบิดอัดมือขวาขาด และในมือซ้ายถือระเบิดนั้น เราอยากให้มีการรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และภาพที่ปรากฎนั้น ไม่ตรงข้อเท็จจริงถือเป็นการละเมิดสิทธิด้วย อีกทั้งคนที่ถูกระเบิดจะต้องมีอาการมึนงง หากมีการเอาอะไรมาใส่ ก็ไม่มีสติที่จะรับรู้ได้ ส่วนภาพข่าว ที่ลงในหนังสือพิมพ์แนวหน้านั้น กลับปรากฏว่านายชิงชัย มือซ้ายไม่ได้กำระเบิดแต่ชูสองนิ้วแทน ซึ่งภาพที่ออกมาตอนนั้น ยังมีสติอยู่ ทั้งนี้ การที่ตำรวจแถลงข่าวทำให้เราเหมือนแพะ ตำรวจจะยัดเยียดข้อหาจากการมีอาวุธไว้ในการครอบครองด้วย
น.ส.วรรณพร ได้นำสไลด์ภาพถ่ายจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ที่ปรากฏภาพนายชิงชัย มือขวาถูกแรงระเบิดอัดฉีดขาด ส่วนมือซ้ายกำลังชูมือสองนิ้ว โดยไม่ได้ถือระเบิดแต่อย่างใด และนำภาพถ่ายอาการล่าสุดของนายชิงชัย ที่อยู่ในสภาพใส่เฝือกที่ลำคอและบาดแผลจำนวนมากที่บริเวณใบหน้าและลำคอจากโรงพยาบาลให้สื่อมวลชนและ กสม.ดู พร้อมเปิดวีดีโอบันทึกการให้สัมภาษณ์ของเพื่อนนายชิงชัย อีกคนหนึ่งที่ประสบเหตุโดยถูกสะเก็ดระเบิดยืนยันว่า นายชิงชัย ไม่มีระเบิดไว้ในครอบครอง
ด้านนายสุรสีห์ กล่าวว่า การทำงานของอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะสืบหาความจริงให้ปรากฎ และทำรายงานเสนอต่อสาธารณะโดยเร็วที่สุด หากการสอบสวนข้อเท็จจริงพบว่าตำรวจเป็นฝ่ายผิดจริง ก็สามารถนำเรื่องดังกล่าวฟ้องต่อศาลยุติธรรมหรือศาลปกครองตามกฎหมายได้
กำลังโหลดความคิดเห็น