เอเอฟพี – ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(เอดีบี)ชี้เมื่อวานนี้(9) เอเชียจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกไม่น้อยเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับส่วนอื่นๆ ของโลกแล้ว ภูมิภาคนี้ยังถือว่าประคองตัวเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานเอดีบี ยังพูดปลอบให้คลายกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของออสเตรเลียและเกาหลีใต้ โดยบอกว่าสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศทั้งสองยังคงแข็งแกร่ง หากพิจารณาถึงขนาดขอบเขตของความปั่นป่วนที่กำลังลุกลามไปในตลาดระหว่างประเทศ
คุโรดะกล่าวว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคนี้ จะยังคง “อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น” และก็แสดงความหวังด้วยว่าวิกฤตการเงินโลกจะบรรเทาลงจนถึงขั้นควบคุมได้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
“วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯและยุโรปจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่ระบบการเงินของเอเชีย ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม” คุโรดะกล่าวในงานของเอดีบีที่โตเกียว
“แต่เศรษฐกิจภาคการผลิตในญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรปจะถูกดึงให้ชะลอตัวลง และในบางประเทศอัตราการชะลอตัวจะรวดเร็วมาก สำหรับเศรษฐกิจในเอเชียก็ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เกิดขึ้นได้” เขากล่าวและเสริมว่าผลกระทบที่เอเชียจะได้รับจะผ่านมาทางการส่งออกที่เชื่องช้าลง
สัปดาห์นี้ หุ้นในเอเชียควงสว่านลงกันถ้วนหน้าจากการหวาดผวาเรื่องเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียที่ต้องปิดการซื้อขายถึงสองครั้งในช่วงสองวันทำการเพราะหุ้นร่วงทะลุระดับ 10%ที่กำหนดไว้
แต่คุโรดะก็ไม่เชื่อว่าสถานการณ์แบบวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 1997-1998 จะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง โดยในคราวนั้นเงินบาทของไทยลดค่าดิ่งลงรุนแรง และทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ลุกลามไปทั่วทั้งภูมิภาค สถาบันการเงินล้มลงไปตาม ๆกันและเศรษฐกิจหดตัวรุนแรง
“ผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่จะเกิดวิกฤตค่าเงินขึ้นอีก” คุโรดะกล่าว
บรรดาผู้เชี่ยวชาญก็เห็นด้วยว่าสถานการณ์เช่นนี้คงเกิดขึ้นได้ยาก เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้ประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้สั่งสมเงินตราต่างประเทศสำรองจำนวนมหาศาล เพื่อปกป้องตัวเองจากวิกฤตการเงินระหว่างประเทศ รวมทั้งมีหนี้ต่างประเทศในอัตราที่ต่ำ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)เพิ่งเผยแพร่รายงานทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (เวิลด์ อีโคโนมิก เอาต์ลุค) ฉบับใหม่ในวันพุธ(8) ซึ่งประเมินว่าเศรษฐกิจของจีนจะเติบโต 9.7% ในปี 2008 และ 9.3%ในปี 2009 เทียบกับอัตรา 11.9% เมื่อปีที่แล้ว ส่วนอินเดียน่าจะขยายตัว 7.9% ปีนี้และ 6.9% ปีหน้า ลดลงมาจาก 9.3% ของปี 2007
“แม้ว่าจะชะลอตัวลงแล้วแต่การเติบโตทางเศรษฐกิจก็ยังคงอยู่ในระดับสูง” คุโรดะกล่าว
ส่วนเอดีบีก็คาดว่าอัตราการเติบโตในเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์จะอยู่ที่ 7.5% ในปีนี้และ 7.2% ในปีหน้า เทียบกับ 9.0% ของปี 2007 โดยที่ปี 2007 ถือเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบเกือบสองทศวรรษ
คุโรดะยังได้ปฏิเสธความวิตกกังวลที่มีต่อภาคการเงินของออสเตรเลียและเกาหลีใต้ เขากล่าวว่าไม่คิดว่าภาคการเงินของทั้งสองประเทศจะย่ำแย่เหมือนเช่นที่ยุโรปและอเมริกา โดยเฉพาะเกาหลีใต้ แม้ว่าค่าเงินวอนจะลดลงมากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาก็ตาม
เขาแสดงความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาในภาคการเงินได้ และตอนนี้เกาหลีใต้ก็มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจำนวนมหาศาล เศรษฐกิจของเกาหลีใต้น่าจะขยายตัวในราว 5% ต่อปี “ซึ่งเป็นอัตราน่าพอใจแล้วสำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว”
ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานเอดีบี ยังพูดปลอบให้คลายกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของออสเตรเลียและเกาหลีใต้ โดยบอกว่าสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศทั้งสองยังคงแข็งแกร่ง หากพิจารณาถึงขนาดขอบเขตของความปั่นป่วนที่กำลังลุกลามไปในตลาดระหว่างประเทศ
คุโรดะกล่าวว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคนี้ จะยังคง “อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น” และก็แสดงความหวังด้วยว่าวิกฤตการเงินโลกจะบรรเทาลงจนถึงขั้นควบคุมได้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
“วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯและยุโรปจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่ระบบการเงินของเอเชีย ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม” คุโรดะกล่าวในงานของเอดีบีที่โตเกียว
“แต่เศรษฐกิจภาคการผลิตในญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรปจะถูกดึงให้ชะลอตัวลง และในบางประเทศอัตราการชะลอตัวจะรวดเร็วมาก สำหรับเศรษฐกิจในเอเชียก็ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เกิดขึ้นได้” เขากล่าวและเสริมว่าผลกระทบที่เอเชียจะได้รับจะผ่านมาทางการส่งออกที่เชื่องช้าลง
สัปดาห์นี้ หุ้นในเอเชียควงสว่านลงกันถ้วนหน้าจากการหวาดผวาเรื่องเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียที่ต้องปิดการซื้อขายถึงสองครั้งในช่วงสองวันทำการเพราะหุ้นร่วงทะลุระดับ 10%ที่กำหนดไว้
แต่คุโรดะก็ไม่เชื่อว่าสถานการณ์แบบวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 1997-1998 จะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง โดยในคราวนั้นเงินบาทของไทยลดค่าดิ่งลงรุนแรง และทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ลุกลามไปทั่วทั้งภูมิภาค สถาบันการเงินล้มลงไปตาม ๆกันและเศรษฐกิจหดตัวรุนแรง
“ผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่จะเกิดวิกฤตค่าเงินขึ้นอีก” คุโรดะกล่าว
บรรดาผู้เชี่ยวชาญก็เห็นด้วยว่าสถานการณ์เช่นนี้คงเกิดขึ้นได้ยาก เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้ประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้สั่งสมเงินตราต่างประเทศสำรองจำนวนมหาศาล เพื่อปกป้องตัวเองจากวิกฤตการเงินระหว่างประเทศ รวมทั้งมีหนี้ต่างประเทศในอัตราที่ต่ำ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)เพิ่งเผยแพร่รายงานทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (เวิลด์ อีโคโนมิก เอาต์ลุค) ฉบับใหม่ในวันพุธ(8) ซึ่งประเมินว่าเศรษฐกิจของจีนจะเติบโต 9.7% ในปี 2008 และ 9.3%ในปี 2009 เทียบกับอัตรา 11.9% เมื่อปีที่แล้ว ส่วนอินเดียน่าจะขยายตัว 7.9% ปีนี้และ 6.9% ปีหน้า ลดลงมาจาก 9.3% ของปี 2007
“แม้ว่าจะชะลอตัวลงแล้วแต่การเติบโตทางเศรษฐกิจก็ยังคงอยู่ในระดับสูง” คุโรดะกล่าว
ส่วนเอดีบีก็คาดว่าอัตราการเติบโตในเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์จะอยู่ที่ 7.5% ในปีนี้และ 7.2% ในปีหน้า เทียบกับ 9.0% ของปี 2007 โดยที่ปี 2007 ถือเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบเกือบสองทศวรรษ
คุโรดะยังได้ปฏิเสธความวิตกกังวลที่มีต่อภาคการเงินของออสเตรเลียและเกาหลีใต้ เขากล่าวว่าไม่คิดว่าภาคการเงินของทั้งสองประเทศจะย่ำแย่เหมือนเช่นที่ยุโรปและอเมริกา โดยเฉพาะเกาหลีใต้ แม้ว่าค่าเงินวอนจะลดลงมากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาก็ตาม
เขาแสดงความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาในภาคการเงินได้ และตอนนี้เกาหลีใต้ก็มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจำนวนมหาศาล เศรษฐกิจของเกาหลีใต้น่าจะขยายตัวในราว 5% ต่อปี “ซึ่งเป็นอัตราน่าพอใจแล้วสำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว”