ปชป.แนะทางรอดศก.ไทย ต้องเปลี่ยนแปลงการเมือง ระบุ ความมั่นใจภาคเอกชนอยู่ในระดับต่ำมากเป็นพิเศษ พร้อมตั้งข้อสังเกตุ วิกฤตการเมืองของไทย สะท้อนการลงทุนในตลาดหุ้น วันที่ 17 ต.ค.ชัดเจน หลังนายกฯ ปฏิเสธที่จะหาวิธีแก้ไข หรือเปิดทางออกให้การเมืองไทย
วันนี้ ( 19 ต.ค.) นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทย และผลกระทบจากสถานการณ์การเงินโลก โดยเปรียบเทียบว่าเหมือนกับวิกฤตต้มยำกุ้งของไทยเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา ซึ่งบทเรียนวิกฤตเศรษฐกิจของไทยปี 2540 ครั้งนั้น ทำให้ประเทศไทยมีหลักธรรมาภิบาล และส่งผลให้วันนี้ เรามีเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่เหนือกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจไทยจะมีเสถียรภาพที่ดีกว่า แต่ก็ได้รับผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน โดยพบว่าต่างชาติเข้ามาถือหุ้นไทยอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท และได้เทขายหุ้นแล้วกว่า 1.5 แสนล้านบาท ทำให้ดัชนีราคาหุ้นของตลาดหุ้นไทยลดลงอย่างรุนแรง
นายกรณ์ ระบุว่า ตนเองรู้สึกเห็นใจรัฐบาลที่จะหาเงินใหม่เข้ามาใช้อัดฉีดไม่ง่าย เพราะรัฐบาลมีความสามารถจัดเก็บภาษีลดลง ตามเศรษฐกิจที่ขยายตัวน้อยลง ประกอบกับรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ ได้ออกมาตรการ ที่เป็นการลดหย่อนภาษีลงถึงปีละนับแสนล้านบาท ซึ่งกระทบต่องบประมาณรัฐบาล และโดยส่วนใหญ่เอกชนเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากกว่ารัฐบาล
ดังนั้น รัฐบาลจะต้องหาหนทางว่า จะทำอย่างไรให้เอกชนแข็งแกร่งเกิดความมั่นใจกลับเข้ามาลงทุนทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติได้ ซึ่งขณะนี้ระดับความมั่นใจของเอกชนอยู่ในระดับต่ำมากเป็นพิเศษ โดยเป็นผลมาจากปัจจัยวิกฤตตลาดโลกโดยรวม
ทั้งนี้ วิกฤตการเมืองของไทย ซึ่งเมื่อวันที่ 17 ต.ค. ตลาดหุ้นไทยปรับลดลง หลังนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะหาวิธีแก้ไข หรือเปิดทางออกให้การเมืองไทย ซึ่งการลดลงของตลาดหุ้นดังกล่าวสะท้อนถึงนักธุรกิจที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ที่นำไปสู่รัฐบาลเข้มแข็งขึ้น ซึ่งทางออกที่ทำได้ทันทีในตอนนี้ คือ การยุบสภา หรือการลาออก