หนังสือพิมพ์สากล – จากเงินร้อนที่เข้ามาในจีนอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีการคำนวณเงินร้อนดังกล่าวด้วยทฤษฎีใหม่ที่เริ่มต้นคำนวณจากปี 2003 และใช้หลักการคำนวณดอกผลอันเกิดจากเงินร้อนที่เข้ามาแล้ว คาดว่าในจีนมีเงินร้อนที่มากถึง 1.75 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งหากเมื่อใดที่มีการถอนทุนกะทันหัน จะส่งผลกระทบต่อตลาดทุนในจีนทันที
จาง หมิงผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจการเมืองโลกจากบัณฑิตยสถานด้านสังคมศาสตร์ ได้เปิดเผยรายงานในเว็บไซต์ของบัณฑิตยสถานโดยระบุว่า จากการประมาณการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน พบว่ามีเงินร้อนในตลาดทุนของจีนมากถึง 1.75 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งตัวเลขนี้คิดเป็นมูลค่าที่มากกว่า และคิดเป็น 104%ของตัวเลขเงินสำรองระหว่างประเทศของจีนเมื่อสิ้นเดือนมี.ค. 2008
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญทั่วไปจะแสดงให้เห็นว่า ในปัจจุบัน ตัวเลขเงินร้อนทั้งหมดที่มีการพูดถึงกันนั้น เป็นแค่การประมาณการณ์ทางทฤษฎีเท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ก็คือการที่จีนมีเงินร้อนมหาศาลอยู่ในตลาดทุนนั้น ถือว่าเป็นภัยต่อเสถียรภาพต่อภาคการเงินของประเทศจีนเป็นอย่างยิ่ง
จางเฉียงได้เน้นย้ำว่า ผลสรุปจากการวิจัยในครั้งนี้ แตกต่างกับข้อมูลของสถาบันอื่นๆ โดยเฉพาะรูปแบบการประมาณการณ์ ความแตกต่างในประการแรกคือการคำนวณในครั้งนี้ได้นำเอารายได้ที่เป็นดอกผลจำนวน 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯที่เกิดจากเงินร้อนที่เข้ามาคำนวณเป็นเงินร้อนในจีนด้วย
อีกประการหนึ่งก็คือในขณะที่การประเมินเงินร้อน โดยทั่วไปจะเป็นการสรุปตัวเลขตั้งแต่ปี 2005 แต่ในการวิจัยนี้ได้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2003 อีกทั้งเป็นการคำนวณด้วยการใช้หลักการประเมินสูงไว้ก่อน และที่สำคัญคือมีการพิจารณาถึงเรื่องของความเปลี่ยนแปลงทางอัตราแลกเปลี่ยน ดอกผลจากเงินสำรองระหว่างประเทศฯลฯ
ดังนั้นเมื่อคำนวณเงินร้อนจากที่ปกติคิดจากตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ และเงินลงทุนตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) และรวมกับวิธีคำนวณข้างต้นแล้ว ในปี 2007 ประเทศจีนมีเงินร้อนจีนทั้งสิ้น 183,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และอัตราดอกผลจากเงินร้อนเหล่านี้อยู่ที่ราว 70,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
คุณเหมย ซินอี้ว์นักวิจัยจากศูนย์วิจัยกระทรวงพาณิชย์จีนได้ระบุว่า เมื่อเงินร้อนมหาศาลขนาดนี้เข้ามา เมื่อใดที่มีการสั่นสะเทือนพื้นฐานทางเศรษฐกิจ พวกนี้ก็จะเหมือนกับนกที่กลัวเกาทัณฑ์ รีบถอนเงินออกไปอย่างรวดเร็ว
นายสีว์ ไห่หยางนักเศรษฐศาสตร์และประธานรื่นซิ่น ซิเคียวริตีส์ได้ระบุว่า “หากมีเงินร้อนในประเทศมากขนาดนี้จริง แล้วจู่ๆเงินเหล่านี้ก็ถอนออกไปจากตลาดทุนของประเทศจีนอย่างกะทันหัน จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง”
ทั้งนี้จากการคำนวณของจง เหว่ยนักวิชาการด้านการเงินชื่อดัง ซึ่งคำนวณโดยวิธีทั่วไปนั้น ระบุว่าในปีค.ศ.2005 ในประเทศจีนมีเงินร้อนมากกว่า 320,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปลายปีค.ศ. 2006 กับ 2007 มีอยู่ราว 400,000 กับ 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯตามลำดับ และคาดว่าในปีนี้กับปีหน้าจะเพิ่มมากขึ้นเป็น 650,000 ล้านเหรียญกับ 800,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเงินร้อนเหล่านี้นอกจากเข้ามาเพื่อหลบความเสี่ยงจากความผันผวนในวงการการเงินโลกแล้ว ยังสามารถหาประโยชน์จากการเก็งกำไรเงินหยวน ตลาดหุ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจีนได้ด้วย
ขณะที่ข้อมูลในรายงานระบุว่า ในช่วงปลายปีค.ศ. 1996 ก่อนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งนั้น มีเงินร้อนที่ไหลทะลักเข้ามาในเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ราว 560,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กระทั่งปีค.ศ.1998 หลังเกิดวิกฤตการเงินขึ้นแล้ว มีเงินร้อนในเอเชียตะวันออกราว 800,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จง เหว่ยชี้ว่าขณะนี้จำนวนเงินร้อนที่จีนกำลังเผชิญหน้าในขณะนี้ มีปริมาณพอๆกับที่เกิดในเอเชียตะวันออกสมัยทศวรรษที่ 90 ดังนั้นจีนจึงมีความจำเป็นจะต้องหาทางป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจ