xs
xsm
sm
md
lg

แก้ รธน.เผชิญหน้ารอบใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แกนนำพันธมิตรฯไม่ไว้ใจ “รัฐบาล-พปช.” หมกเม็ดสอดไส้พ่วงแก้ไข รธน.ช่วย “แม้ว” พ้นคดีและไม่ถูกยุบพรรค “สุริยะใส” ชี้ ครม.น้องเขยคลอดมติตั้ง ส.ส.ร.3 เป็นเพียงเกมการเมืองที่ต้องการยืดเวลาให้ตัวเอง ปลุกผีกระบวนการฟอกความผิดให้“ทักษิณ” และจะทำให้ประชาชนเผชิญหน้ารอบใหม่ ชี้“สมชาย” ขอพบ “ป๋าเปรม” ถือเป็นสัญญาณที่ดีหากจริงใจ "สนธิ" ชี้วิวัฒนาการการเมืองไทยจากยุคสงครามเย็นมาสู่ยุคตัวแทน "ระบอบทักษิณ" ย้ำวันนี้ไม่มีซ้าย-ขวาแต่เป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายราชบัลลังก์ที่มีพันธมิตรฯยืนอยู่แนวหน้ากับฝ่ายต่อต้านที่ไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมีบ้านเมืองเป็นเดิมพัน เชื่อหมดยุค "สมัคร-สมชาย" แล้วก็จะเป็น"จิ๋ว"รายต่อไป ด้านเชียงใหม่เตรียมพร้อมรับนายกฯลงพื้นที่ไหว้บรรพบุรุษเมียวันนี้

วานนี้ (30 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงแนวทางที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และพรรคพลังประชาชน (พปช.) ที่เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.3) เพื่อเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550

โดย พล.ต.จำลอง เห็นว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯมีจุดมุ่งหมายที่ไม่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและให้รัฐบาลพรรคพลังประชาชนยุติ ที่ผ่านมามีความพยายามให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190, 237 และมาตรา 309 ที่มีเจตนาเพื่อปกป้องผู้กระทำผิด ทำให้ประเทศชาติเสียหาย อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯยอมรับว่าหากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ควรดำเนินการเพื่อให้ประชาชนและคนส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์ รัฐธรรมนูญที่ใช้มากว่า 8 เดือนที่เราคัดค้านไม่ให้มีการแก้ไข แต่เมื่อถึงเวลาเมื่อมีข้อเสนอมาเช่นนี้ แกนนำพันธมิตรฯ ก็คงต้องนำเรื่องนี้เข้าไปหารือก่อน

“ผมสามารถพูดแทนได้ในประเด็นที่ว่าหากมีการเสนอตั้ง ส.ส.ร.3 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องดูว่าเขา (พรรค พปช.) มีการหมกเม็ดนำมาตราอื่นเข้ามาแก้ไขด้วยหรือเปล่า เพราะเวลาเสนอเข้าไปแล้วในที่ประชุมก็อาจจะเสนอมาตราอื่นสอดแทรกเข้ามา จะเป็นช่องทางในการแปรญัตติ เพื่อนำมาตราที่ต้องการเข้ามา ต้องจับตาดูว่าจะมีทั้ง 3 มาตราที่เขาต้องการหรือมาตราที่คล้ายคลึงกันเข้ามาหรือไม่” พล.ต.จำลองระบุ

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า คงจะไประบุว่าพันธมิตรฯไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร.3 เพื่อมาแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่รัฐบาลเสนอยังไม่ได้ เนื่องจากเรายังไม่รู้ว่าเขาต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราใดเป็นสำคัญ หรืออาจเป็นการนำมาตราที่แก้เพื่อพวกพ้องไม่ได้ทำเพื่อสังคม ขณะเดียวกัน กรณีที่ข้อเสนอนี้ต้องการให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ดำเนินการในภาวะที่สภาฯสั่นคลอน สภาก็ควรที่จะเป็นผู้ตอบว่าเหตุใดข้อเสนอนี้จึงให้สภาเป็นผู้ดำเนินการในช่วงที่สภาล่มมาหลายครั้ง ดังนั้นในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทางพันธมิตรฯ จึงต้องมีการหารือในเรื่องนี้ก่อน

ขณะที่การเมืองใหม่ที่พันธมิตรฯจัดทำจะนำเสนอ ส.ส.ร.3 หรือไม่นั้น พล.ต.จำลอง เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไกลเกินไป เรายังไม่รู้ว่ารัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีจะจัดตั้งจริงหรือไม่ หากเสนอก็คงจะต้องแก้รัฐธรรมนูญในหลายขั้นตอน กว่าจะออกมาเป็น ส.ส.ร.3 ถึงตอนนั้นการเมืองใหม่ก็คงจะไปไกลแล้ว

พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า ข้อเสนอตั้ง ส.ส.ร.3 ไม่ได้มีการหารือในวันที่มีการโทรศัพท์พูดคุยกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯแต่อย่างใด เนื่องจาก พล.อ.ชวลิต มีภารกิจช่วยบ้านเมืองกว่า 8-9 เรื่อง ดังนั้น การที่ พล.อ.ชวลิต จะมาเจรจากับพันธมิตรฯและจะนำความใกล้ชิดส่วนตัวมาเจรจากับพันธมิตรฯทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ เพราะแกนนำฯทั้ง 5 คนเมื่อรู้อะไรมาแล้วก็จะต้องมาประชุมกันจะเห็นเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้

ด้านนายพิภพ กล่าวว่า ข้อเสนอการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ ไม่มีการก้าวล่วงลงไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่วันนี้ (1 ต.ค.) ในการสัมมนาการเมืองใหม่ครั้งที่ 3 จะหารือในเรื่องการตรวจสอบอำนาจรัฐในกรณีที่รัฐสภาล้มเหลวในการตรวจสอบโดยจะมีการเชิญผู้เชียวชาญในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมมาพูดคุยด้วย

**ชี้ “สมชาย”พบ“ป๋า”เป็นเรื่องดี

พล.ต.จำลอง ยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดโอกาสให้นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เข้าพบที่บ้านพักเพื่อหารือในเรื่องสถานการณ์การเมืองว่า เป็นสิ่งที่ดี เนื่องจาก พล.อ.เปรม ทุกคนก็รู้ว่าท่านเป็นคนอย่างไรโดยเฉพาะตนมีความใกล้ชิดกับ พล.อ.เปรมอย่างดี ท่านรับฟังความคิดเห็นของทุกคน แต่ท่านเคยพูดว่า ที่มีคนตั้งข้อแม้ว่าคนภาคเดียวกัน(ภาคใต้) มาพบกัน อย่าเอามาเป็นข้อกำหนด เพราะว่าต้องทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมไม่ใช่ทำเพื่อแค่ประชาชนภาคใต้

ดังนั้น การที่นายสมชาย จะเขาพบ พล.อ.เปรม จึงเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ที่ดีขึ้น ไม่เหมือนรัฐบาลชุดที่แล้วที่ใช้ความรุนแรงมากดมาข่ม จะเห็นได้ว่าการเจรจาถ้อยทีถ้อยอาศัยกันเป็นเรื่องที่ดี นายสมชายชอบพูดเสมอว่าคนไทยเป็นอย่างนี้ ไม่เป็นอะไรคนไทยพูดกันได้ คนไทยปรองดองกันได้เป็นเรื่องที่ดี ไม่ได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่แรก

ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายสมชาย เข้าพบ พล.อ.เปรม เป็นเรื่องดี ภาพการประนีประนอมของนายสมชาย เป็นมาตั้งแต่ก่อนโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่นายสมชาย ก็ควรที่จะปฏิบัติตามที่ครูคนแรกที่จังหวัดนครศรีธรรมราชสอนว่า ไม่ควรที่จะกลัวเมียจนเกินไป

**ชี้ตั้ง สสร.3 หวังฟอกผิดให้”ทักษิณ”

เวลา 19.00 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ ได้แถลงข่าวกรณีที่ ครม.มีมติให้ดำเนินการตั้ง ส.ส.ร.3 ขึ้นเพื่อพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะมาตรา 291 ว่าประเด็นเรื่องนี้คงจะต้องรอให้มีการนำเข้าสู่การหารือในที่ประชุมของ 5 แกนนำอีกครั้งว่าจะมีความเห็นที่เป็นจุดยืนของพันธมิตรฯ ออกมาอย่างไรบ้าง แต่ในเบื้องตนส่วนตัวเห็นว่าการออกมติ ครม.ให้มีการดำเนินการตั้ง ส.ส.ร.3 ขึ้นมาเพื่อจะมาทำหน้าที่พิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา291 เรื่องนี้หากเราพิจารณากันอย่างไม่เจาะลงให้ลึกถึงรายละเอียดก็ถือว่ารัฐบาลมีเจตนาที่ดีที่จะมีคนกลางเข้ามาดูแลการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

“แต่หากเราพิจารณากันให้ลงลึกถึงรายละเอียดแล้ว ผมอยากจะตั้งคำถามว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลนี้มีความจริงใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะต้องการฟอกความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้พ้นจากความผิด ดังนั้น การตั้ง ส.ส.ร.3 ขึ้นมาของรัฐบาลในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการสร้างความชอบธรรมและใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้พ้นจากการถูกดำเนินคดีทั้งหมด นอกจากนี้มติ ครม.ของพรรคร่วมรัฐบาลจาก 6 พรรคการเมืองในเวลานี้มีอยู่ 3 พรรคการเมืองที่ถือว่าเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่จะถูกศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย”

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลมีการออกมติดังกล่าวออกมาในเวลานี้ น่าจะเป็นการปลุกผีการกระบวนการฟอกความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กลับมาอีกครั้งหลังจากที่กระบวนการฟอกความผิดดังกล่าวเคยถูกสกัดกั้นจากการเคลื่อนไหวของพธม.ตั้งแต่ต้นนอกจากนี้ส่วนตัวมองว่าการเคลื่อนไหวตั้ง ส.ส.ร.3 ที่จะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตอาจจะนำไปสู่การแตกแยกและการเผชิญหน้าของกลุ่มประชาชนในรอบใหม่ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง

**จี้ใจดำสมชายตั้งคนด่าป๋าเป็นโฆษก

นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้ขอเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรีและรัฐบุรุษด้วยว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่ดีและทำให้มองเห็นภาพว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้มีความต้องการให้เกิดความสมานฉันท์ในชาติ แต่ตนขอตั้งข้อสังเกตและถามไปยังนายกรัฐมนตรีว่ารัฐบาลมีความจริงใจที่ต้องการให้เกิดความสมานฉันท์มากแค่ไหน เพราะจากกระแสข่าวที่ออกมาในเวลานี้ว่ารัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เตรียมจะแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯ

“หากเรื่องนี้เป็นจริงผมขอถามไปยังนายกรัฐมนตรีว่าเวลาไปพบ พล.อ.เปรม นายกฯจะพูดกับประธานองคมนตรีในเรื่องนี้อย่างไร เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่านายณัฐวุฒิ เคยเป็นอดีตแกนนำ นปก.ที่เคยขึ้นปราศรัยโจมตีประธานองค์มนตรี และเคยบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์จนได้รับความเสียหายรวมทั้งยังมีคดีความขึ้นศาลอีกหลายคดีมาก่อน ดังนั้น ผมจึงเห็นว่านายกฯ และรัฐบาลต้องการที่จะสร้างภาพให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้มีความต้องการสร้างความสมานฉันท์ ซึ่งผมอยากจะฝากไปยังนายกฯ ว่าอย่าทำตัวปากว่าตาขยิบจะดีกว่า” นายสุริยะใส กล่าว

**"สนธิ"ชี้วิวัฒนาการการเมือง2ขั้วหนุน-ต้านสถาบันกษัตริย์

จากนั้นเวลา 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯขึ้นปราศรัยบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาลโดยชี้ให้เห็นว่า ปรากฎการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทยล้วนเกิดจากข้างนอก หรือสหรัฐเกือบทั้งหมด

นายสนธิ ยังได้เล่าถึงวิวัฒนาการการเมืองในประเทศไทยโดยเชื่อมโยงกับสถานการโลกตั้งแต่ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองหลังจากฝ่ายเยอรมนีและญิปุ่นได้พ่ายแพ้สงคราม ซึ่งหลังจากนั้นได้เกิดสงครามเย็นและแบ่งออกเป็นสองขั้วที่ขั้วแรกนำโดยสหรัฐ ส่วนอีกขั้วเป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์นำโดยรัสเซียและจีน

นายสนธิ กล่าวว่า จากนั้นสถานการณ์ความขัดแย้งได้ลุกลามเข้ามาในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในอินโดจีนจนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเวียดนาม ลาวและกัมพูชาเป็นประเทศคอมมิวนิสต์กันหมด และขณะเดียวกันยังเชื่อว่าประเทศไทยก็จะต้องเป็นคิมมิวนิสต์ด้วยตามทฤษฎีโดมิโน แต่โชคดีที่เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานอย่างเข้มแข็ง ทรงเยี่ยมเยียนปลุกขวัญทหารกล้าไปทั่วทุกแห่ง

ประกอบกับช่วงนั้นทางรัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์ต้องการเปิดประเทศในยุคเติ้งเสี่ยวผิงหันไปค้าขายกับสหรัฐและได้ตัดความสัมพันธ์กับพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย ขณะเดียวกันรัฐบาลในยุคของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้ออกนโยบาย 66/23 ทำให้ประเทศไทยเริ่มมีสันติภาพจากนั้นเป็นต้นมา

นายสนธิ ย้ำว่า วันนี้ไม่มีซ้ายไม่มีขวา เพราะไม่เช่นนั้น คนอย่าง นายจาตุรนต์ ฉายแสง หรือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี จะไม่สามารถมาร่วมงานกับคนขวาจัดอย่าง นายสมัคร สุนทรเวช ได้เลย แต่คนพวกนี้มาบรรจบกันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะทั้งสองฝ่ายสมประโยชน์กัน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความโลภต้องการประโยชน์และอำนาจต้องพึ่งพาคนพวกนี้ ขณะที่พวกฝ่ายซ้ายเหล่านี้เคยเข้าป่าไม่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ บวกว่า สถาบันกษัตริย์ล้าหลัง

"ส่วนอีกฝ่ายคือพวกเราพวกพันธมิตรฯเป็นว่าพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันทรงทศพิศราชธรรม เป็นฝ่ายก้าวหน้า ดังนั้นวันนี้มีสองพวกคือ พวกที่รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ กับพวกที่ไม่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น ไม่มีฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายขวาเช่นในอดีตอีกต่อไปแล้ว มีแต่ถูกกับผิดเท่านั้น" นายสนธิ ระบุ

แกนนำพันธมิตรฯผู้นี้ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ตัวแทนเปลี่ยนหน้าเข้ามาเล่น จาก นายสมัคร มาเป็นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และอีกไม่นานก็จะเป็น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ดังนั้น ถ้าใครต้องการระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขก็ต้องมายืนข้างเรา ฝากบอกไปถึงพวก นปก.พวกพรรคพลังประชาชนทุกคนว่าพวกเราพันธมิตรฯยืนข้างราชบัลลังก์ และการต่อสู้ครั้งนี้มีความอยู่รอดของบ้านเมืองเป็นเดิมพัน

**นักรบมือตบเยี่ยม ”นักรบศรีวิชัย”

ก่อนหน้านี้เวลา 14.00 น. นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน เดินทางมายังเรือนจำพิเศษคลองเปรม เพื่อสมทบกับพันธมิตรฯกว่า 200 คนที่เดินทางมารอก่อนหน้านี้เพื่อเข้าเยี่ยมนักรบศรีวิชัย 69 คนที่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำพิเศษคลองเปรม โดยนายวีระ กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจทั้ง 69 คนเพื่อให้ทราบว่าแกนนำพันธมิตรฯและประชาชนไม่ได้ทอดทิ้งเขาและพร้อมที่จะดูแลครอบครัวของทั้ง 69 คนในช่วงที่ยังไม่ได้รับการประกันตัว

รายงานข่าวแจ้งว่าพันธมิตรฯและนักรบมือตบกว่า 200 คนที่เดินทางมาให้กำลังใจและเข้าเยี่ยมนักรบศรีวิชัยยังได้ตั้งโต๊ะเพื่อรับบริจาคเงินซึ่งได้รับเงินบริจาคกว่า 60,000 บาท โดยได้มอบให้กับนักรบศรีวิชัยทั้งหมด โดยเป็นเงินเพื่อจัดซื้ออาหารและคูปองระหว่างที่ถูกควบคุมตัว ขณะที่เงินอีกส่วนจะมอบให้กับญาติของนักรบศรีวิชัยทั้ง 69 คน ทั้งนี้ เมื่อรวมเงินส่วนหนึ่งที่ทางเวทีพันธมิตรฯ ได้รับบริจาคเพื่อช่วยเหลือนักรบศรีวิชัยทั้ง 69 คนแล้วกว่า 400,000 บาท

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษคลองเปรมได้ต้อนรับให้พันธมิตรฯกว่า 200 คนเข้าเยี่ยมนักรบพันธมิตรฯทั้ง 69 คนอย่างดี โดยเปิดห้องเยี่ยมไว้ 7 ห้อง โดยให้ญาติและพันธมิตรฯเข้าเยี่ยมรอบละ 10-30 คน รอบละ 15-20 นาที โดยหลายคนได้ให้กำลังใจและระบุว่า ทุกคนที่เข้ามาอยู่ในนี้คือนักสู้ที่ต้องการให้ประเทศไทย มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันทั้ง 69 คนได้แสดงสีหน้าแจ่มใสเมื่อพบว่า มีผู้เข้ามาเยี่ยมพวกเขาจำนวนมาก

**ม.อุบลฯสับครม.ขี้ข้าแม้วทำ ปท.พัง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณีอธิการบดีและตัวแทนภาครัฐ-เอกชน 24 สถาบันเสนอ 4 ข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีพิจารณาแก้ไขวิกฤตร้ายแรงของชาติโดยตั้งคณะกรรมการอิสระปฏิรูปการเมืองและกลไกการเข้าสู่อำนาจรัฐ ซึ่งเป็นจุดเริ่มของต้นตอความขัดแย้งที่ประเทศชาติกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าในข้อเรียกร้องดังกล่าว

ศ.ดร.ประกอบ วิโรจนกูฏ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวถึงเหตุที่ร่วมลงนามกับ 23 อธิการบดีในการเรียกดังกล่าว เพราะติดตามปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นเห็นว่าถ้าการเมืองเดินไปในลักษณะอย่างนี้ คือไปตามรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งก็จริง แต่คนที่ถูกเลือกเข้าไปก็เป็นคนของกลุ่มทุนกลุ่มหนึ่ง โดยใช้กระบวนการที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังมองประโยชน์ที่จะได้รับจากตัวแทนของเขามาใช้เลือก ทำให้ฝ่ายหนึ่งก็อ้างว่าประชาชนเลือกเข้ามา และไม่ว่าจะทำผิดขนาดไหนก็จะอ้างแต่คำนี้ จึงเกิดความขัดยังกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

"ขณะนี้จะไม่พูดว่าใครถูกใครผิด ทางกลุ่มอธิการบดีทั้ง 24 คน ก็เลยเสนอน่าจะเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ซึ่งต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเสนอรูปแบบการเมืองและแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางออก ก็ขัดแย้งกันอยู่อย่างนี้"

ศ.ดร.ประกอบ กล่าวต่อว่า อย่างเช่น ครม.ที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาว่าเลือกดีที่สุดแล้ว แต่ประชาชน นักวิชาการ คนในเมือง จะเห็นเหมือนเป็นการเล่นลิเกให้คนดูคือ เอาแต่ประโยชน์ของกลุ่ม เตรียมถลุงงบประมาณแผ่นดิน ถ้าปล่อยให้การเมืองเป็นอย่างนี้ประเทศไทยจะพัฒนาได้อย่างไร

สำหรับการตั้งคณะกรรมการอิสระจะเอาใครก็ได้ จะเป็นกลุ่มวิชาชีพก็ได้ให้ทางรัฐบาลพิจารณา ถ้าไปกำหนดว่าเป็นใครมาจากไหน สัดส่วนอย่างไร จะเหมือนเป็นการไปบีบรัฐบาล ส่วนข้อเรียกร้องที่เสนอไปจะสำเร็จหรือไม่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีมองว่า ยังยากที่จะเกิด เพราะเขาก็เป็นกลุ่มทุน แนวความคิดก็เป็นคนของทักษิณอยู่เหมือนเดิม ซึ่งเราเคยพูดเรื่องนี้มาเมื่อ 5 ปีว่ามันยาก ถ้ายังใช้กติกาแบบนี้

ขณะเดียวกันคนไทยก็ไม่ได้สนใจการเมืองมากนัก โดยเฉพาะคนชนบททางภาคเหนือและอีสาน ใครให้เงินก็เลือกคนนั้น รัฐบาลชุดนี้เมื่อดูแล้วก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเด็กรับใช้ของทักษิณ ฉะนั้นเราก็ทำหน้าที่เสนอไป เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าเราได้เสนอทางออกน่าจะให้ตัวแทนฝ่ายต่างๆ มาร่วมกันแก้ปัญหาบ้านเมือง และไม่ได้หมายความว่านักวิชาการจะต้องถูกต้องเสมอ

"แต่ถ้ารัฐบาลรับฟังก็ดีไป แต่ผมคิดว่าเขาคงไม่รับฟัง เพราะเขารอที่จะแสวงหาผลประโยชน์ และถ้ามีการยุบพรรคก็คงยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่" อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีกล่าว

**ผู้ว่าฯเชียงใหม่ยันพร้อมรับนายกฯ

ด้านนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดถึงการเตรียมความพร้อมต้อนรับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ช่วงวันที่ 1-2 ต.ค.นี้ว่า เบื้องต้นกำหนดการเดินทางและการปฏิบัติภารกิจของนายกฯ ยังไม่มีการสรุปแน่ชัด แต่ในส่วนของทางจังหวัดได้เตรียมความพร้อมให้การต้อนรับไว้ตลอดเวลา พร้อมทั้งดูแลในเรื่องของความสงบเรียบร้อยด้วย ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น

ในส่วนของการป้องกันเหตุความวุ่นวายจากการเผชิญหน้าของกลุ่มสนับสนุนและกลุ่มต่อต้านนั้นเชื่อว่าไม่น่าจะมีเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้น เพราะเมื่อวานนี้ทางฝ่ายความมั่นคงและตำรวจ ได้มีการเชิญแกนนำของทั้งฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านนายกฯไปพูดคุยทำความเข้าใจและขอความร่วมมือ ไม่ให้การยั่วยุหรือก่อเหตุความวุ่นวายขึ้นในระหว่างการปฏิบัติภารกิจของนายกฯ ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายก็รับปากให้ความร่วมมือ จึงไม่น่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น

**”สมชาย”กราบไหว้บรรพบุรุษเมีย

ทั้งนี้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี มีกำหนการเดินทางไปที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยจะออกเดินทางตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 1 ตุ.ค.ก่อนพักค้านคืนที่บ้านพักที่อยู่ในสนามกอล์ฟ กรีนวัลเลย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่เดียวกับของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

จากนั้นวันที่ 2 ต.ค.จะเริ่มภารกิจตั้งแต่เวลา 08.30 น. ด้วยการพบปะประชาชนและหัวหน้าส่วนราชการที่เดินทางมาพบที่บ้านพัก จากนั้นเวลา 09.30 น.จะเดินทางไปบวงสรวงสักการะอนุสาวรียํสามกษัตริย์ ก่อนเดินทางไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพ ต่อมาเวลา 11.30 น. นายสมชาย จะเดินทางไปทำบุญอัฐิบรรพบุรุษตระกูลชินวัตร ที่วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ก่อนเดินทางพบปะทักทายผู้คนในบ้านเกิดของภรรยา นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ก่อนเดินทางกลับในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น