xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.อัด “หมัก” ปากว่าตาขยิบ ใช้สื่อรัฐทำลายฝ่ายตรงข้าม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
ปชป.ซัด “หมัก” ปากว่าตาขยิบ ปล่อยให้ใช้สื่อรัฐทำลายคนอื่น แต่ปากบอกว่าจะสร้างความสามัคคี ยัน “สมเกียรติ” มีสิทธิ์ ใช้ เอเอสทีวี ตรวจสอบรัฐบาล เพราะเป็นสื่อเอกชน ชี้ ประชามติ รธน.-ตั้ง รบ.เฉพาะกาล ไม่ช่วยยุติปัญหาความขัดแย้ง กลับเพิ่มวิกฤตหนัก ด้าน “เทพไท” ไล่ พปช.กลับไปจัดระเบียบพรรคใหม่ โต้คนอีสานไม่รังเกียจพรรค หากคดี “แม้ว” ถึงที่สุด เชื่อพรรคมีอุดมการณ์ มีผลงานเป็นที่ยอมรับของ ปชช.


วันนี้ (10 ส.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.สัดส่วน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกรัฐบาล ท้าให้พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินคดีทางกฎหมายกับรายการความจริงวันนี้ ถ้าเห็นว่าการนำเสนอของรายการมีความผิดทางกฎหมาย ว่า ข้อเท็จจริง คือ รายการนี้ได้ใช้สื่อของรัฐ ซึ่งก็คือ ช่องเอ็นบีที ในการนำเสนอรายการ ซึ่งช่องดังกล่าวเป็นสถานีโทรทัศน์ของรัฐ ที่ได้รับงบประมาณจากรัฐปีละ 500 ล้านบาทในการบริหารงาน

ดังนั้น ตนเห็นว่า การเอาสื่อของรัฐมาใช้ประโยชน์เฉพาะคนกลุ่มเดียว โดยผ่านการแสดงความเห็น วิจารณ์ หรือกล่าวร้ายคนอื่น ทำให้เกิดความเสียหายกับฝ่ายอื่นข้างเดียวนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ดูได้จากที่ผ่านมารายการนี้ได้ใช้ช่องเอ็นบีทีในการวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นอกจากนั้น ยังพาดพิงมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วย

นายจุรินทร์ กล่าวว่า รายการดังกล่าวยังไม่เปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกพาดพิงในทางเสียหาย ได้มีโอกาสชี้แจง ทำให้กลายเป็นรายการฟังความข้างเดียว เพื่อประโยชน์ฝ่ายเดียว ซึ่งเท่ากับเอาสื่อของรัฐไปใช้ในทางที่ผิด ไปรับใช้ตัวเองเพื่อทำลายคนอื่น ดังนั้น นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีต้องตอบคำถามนี้ เพราะในขณะที่นายสมัครกราบบังคมทูลว่าจะสร้างความสามัคคีในประเทศ แต่ทำไมกลับมีท่าทีสนับสนุนรายการที่มีลักษณะสร้างความแตกแยกและทำลายคนอื่น

ส่วนที่ นายณัฐวุฒิ ยืนยันว่า เนื้อหาที่พูดในรายการเป็นข้อเท็จจริง และมีข้อมูลยืนยัน นายจุรินทร์ กล่าวว่า จะมีข้อมูลหรือไม่มี ก็ไม่ควรพูดด้านเดียว เพราะไม่ใช่วิสัยของสื่อที่ต้องมีความเป็นกลาง นอกจากนี้ กรณีที่ให้ไปตรวจสอบ นายสมเกียติ พงศ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่ใช้ช่องเอเอสทีวีโจมตีรัฐบาล ตนคิดว่าไม่เหมือนกันจะเอาเอเอสทีวีมาเทียบกับเอ็นบีทีไม่ได้ เพราะเอเอสทีวีเป็นบริษัทเอกชน นอกจากนี้ นายสมเกียรติ ก็มีสิทธิแสดงความคิดเห็นวิจารณ์รัฐบาล เพราะเป็นผู้แทนราษฎรที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล

นายจุรินทร์ ยังกล่าวกรณี นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรัฐไทยเสนอให้เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า การแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่ทางออกของประเทศ แต่เป็นทางออกของพรรคพลังประชาชน ส่วนที่เสนอให้ทำประชามติก่อนแก้รัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าประชามติไม่ได้ช่วยยุติความขัดแย้งและผลจากการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ตามมาได้ ที่สุดจะนำมาสู่ความแตกแยกและเกิดวิกฤตอยู่ดี ดังนั้น ตนจึงไม่อยากเห็นการชี้นำประเทศในทางที่ผิดเช่นนี้

ส่วนที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอให้ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล ซึ่งก็ไม่ใช่ทางออกของประเทศเช่นกัน และจะยิ่งทำให้ประชาชนในอยู่ภาวะสิ้นหวัง เพราะหากทุกพรรคทุกฝ่ายเป็นรัฐฐาล ประชาชนก็คงไม่มีที่พึ่ง เพราะไม่มีใครทำหน้าที่ถ่วงดุลตรวจสอบฝ่ายรัฐบาล สิ่งที่ตามมาคือประชาธิปไตยจะเสื่อมในสายตาประชาชน

“ทางออก คือ ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของระบบรัฐสภา ใครไม่เป็นรัฐบาลก็เป็นฝ่ายค้าน และการเมืองภาคประชาชนก็ทำหน้าตรวจสอบองค์ต่างๆ เป็นการทำงานแบบคู่ขนานกันไปกับรัฐสภา ที่สำคัญคือ จะต้องทำให้ทุกฝ่ายเคารพกติกา ไม่ใช่สอนให้ละเมิดกติกาแล้วมาตามแก้กติกา ส่วนที่ พล.อ.ชวลิต พยายามเสนอตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลหลายครั้ง ผมคิดว่าเป็นทางออกในทัศนะของ พล.อ.ชวลิต ฝ่ายเดียว ไม่เป็นที่ยอมรับ เพราะคนส่วนใหญ่มองว่าไม่ใช่ทางออกของประเทศ และยังเป็นการบิดเบือนระบบรัฐสภา ที่ต้องมีรัฐบาลและฝ่ายค้านถ่วงดุลอำนาจกันและกัน”

นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคพลังประชาชน ระบุว่าหากมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าคิดสั้นและต้องสอบตก ว่า พรรคพลังประชาชนควรไปจัดระเบียบพรรคเสียใหม่ให้เหมือนพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เกิดขึ้นจากการรวมตัวของกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์ แต่พรรคพลังประชาชนร่วมตัวจากผลประโยชน์ ทำให้มีความขัดแย้งมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์

ทั้งนี้ ยืนยันว่า ในยุคที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค และมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเลขาธิการพรรค เราไม่เคยมีความขัดแย้ง และยังมีความเป็นเอกภาพสูงสุด และขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเสมอไปที่ ส.ส.ที่อยู่พรรคประชาธิปัตย์จะสอบตก โดยเฉพาะในภาคอีสานจะเห็นได้จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ที่พรรคได้ ส.ส.ภาคอีสานเพิ่มมากถึง 5 เท่า ทั้งนี้ เชื่อว่าพรรคพลังประชาชนต้องการข่มขู่สมาชิกพรรคของตนเอง เพราะกลัวว่าความขัดแย้งจะทำให้ส.ส.ตีจากการสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเพียงพฤติกรรมเขียนเสือให้วัวกลัวเท่านั้น

“สถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว คนอีสานหูตาสว่างขึ้น เพราะได้รับรู้ข่าวสารรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะในคดีที่มีคำพิพากษาของศาลไปแล้ว และเมื่อผลการตัดสินเป็นยุติหมดทุกคดี ก็เชื่อว่าประชาชนจะเปลี่ยนความคิด สำหรับพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าใครก็ตามที่มาอยู่กับพรรคถ้ามีอุดมการณ์และผลงานเป็นที่ยอมรับจากประชาชน ก็สามารถได้รับเลือกจากประชาชน เพราะเชื่อว่าคนอีสานไม่ได้รังเกียจพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน” นายเทพไท กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น