“เนวิน” โผกอดตอบรับ “อภิสิทธิ์” หลังได้กุหลาบแดงเชิญเข้าร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ พร้อมยื่น 4 ข้อเสนอ รักษาสถาบันหลัก-ไม่ทิ้งรากหญ้า-แก้ รธน.ที่ทำให้ทุกฝ่ายยอมรับ และสร้างความปรองดองแห่งชาติ โอด เจ็บปวดที่สุดที่ต้องทิ้งนายใหญ่ ยัน ยังเคารพและรักเหมือนเดิม
วันนี้ (9 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบกับ นายเนวิน ชิดชอบ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่โรงแรมสยามซิตี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ นายอภิสิทธิ์ เดินทางมาถึง นายเนวิน พร้อมด้วยสมาชิกในกลุ่ม เช่น นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม นายศุภชัย ใจสมุทร นายเอกพร รักความสุข นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ นายโสภณ ซารัมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล บุตรชายของ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาต้อนรับด้วยตนเอง โดยทั้งคู่ได้เข้าสวมกอดกัน ให้ช่างภาพถ่ายรูป จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้มอบดอกกุหลาบสีแดง จากเนเธอร์แลนด์ ให้กับ นายเนวิน พร้อมกับกล่าวว่า ตนและคณะ ส.ส.ที่มีใจอยากทำเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ได้คิดอะไรต้องการทำให้เรื่องนี้สำเร็จโดยเร็ว และต้องขอบคุณกลุ่มเนวินที่ให้ความร่วมมือ และอยากให้มั่นใจว่า ตนจะไม่ทิ้งประชาชนภาคต่างๆ โดยเฉพาะภาคอีสาน เพราะต้องการผนึกให้ทุกภาคของประเทศไทยเป็นแผ่นดินเดียวกัน
จากนั้นทั้งสองได้เข้าหารือร่วมกัน โดยระหว่างนั้น นายเนวิน ได้เรียกให้ นายอนุทิน เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย พร้อมกับกล่าวว่า นายอนุทิน เป็นแกนนำตัวจริง พ่อเป็นรักษาการนายกฯลูกมาอยู่ที่นี้
ทั้งนี้ นายเนวิน กล่าวว่า สาเหตุที่ตัดสินใจร่วมจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ ในการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ คือ 1.อยากให้ว่าที่นายกรัฐมนตรี รักษาสถาบันหลักของชาติเอาไว้ เรื่องการปกป้องสถาบันเป็นเรื่องที่รัฐบาลชุดใหม่จะต้องช่วยกัน 2.ทุกวันนี้ประชาชนในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นพวกรากหญ้า มีความเดือดร้อนมาก ซึ่งนโยบายเดิมของรัฐบาลที่ผ่านมา ได้ช่วยแก้ปัญหาของคนเหล่านี้ ไม่ว่าจะเรียกว่าประชานิยมหรือไม่ก็ตาม ตนอยากขอให้รัฐบาลใหม่ ช่วยสานต่อ รวมทั้งอยากให้รัฐบาลให้ผลักดันภาคประชานิยมให้เป็นนโยบาย 3.อยากเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ และ 4.การจะสร้างความปรองดองชาติได้ คือ การบังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรม ความมีมาตรฐานเดียวในการบังคับใช้กฎหมายกับคนไทยทุกคนในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นใคร สีอะไรก็ตาม และต้องใช้กฎหมายในมาตรฐานเดียวกัน
“อยากบอกให้พรรคประชาธิปัตย์สบายใจได้ว่า จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากวันนี้ไปจนถึงวันโหวตเลือกนายกฯ นี่คือ สัญญาของลูกผู้ชาย และให้สบายใจได้ว่าแม้จะมีพรรคการเมืองอื่นไปร่วมรัฐบาล แล้วเหลือพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็จะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้หมดเวลาแล้วเพื่อทำให้ความอึมครึมหมดไป หลายคนบอกว่ากลุ่มพวกผมต่อรอง แต่บอกได้เลยว่าไม่มีอะไร วันนี้บ้านเมืองสำคัญกว่า และอยากบอกคุณอภิสิทธิ์ ว่า อย่าให้ความสูญเสียและความเจ็บปวดของพวกผมนั้นสูญเปล่า ซึ่งเป็นความหวังและเป็นความตั้งใจของผม ที่ยอมเสียเพื่อน เสียพรรค เสียนาย มาร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์” นายเนวิน กล่าว
ด้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พร้อมรับข้อเสนอทุกเงื่อนไข เพราะว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจอยู่แล้ว เราต้องการเห็นรัฐบาลเข้มแข็ง ส่วนเรื่องประชานิยมนั้น พร้อมที่จะดูแลทุกภาคอย่างเท่าเทียมกัน ดำเนินนโยบายโดยไม่มีการเลือกกลุ่มหรือจังหวัด แต่อย่างใด ไม่เลือกว่าเป็นกลุ่มไหน แต่ต้องดูแลทุกคนทั้งประเทศ ไม่มีการแบ่งภาคเหนือ ภาคใต้ หรือภาคไหน ตนจะดูแลทุกภาคอย่างเท่าเทียมกัน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ก็เห็นว่า มีบางมาตราที่มีปัญหา และสุดท้ายจะต้องแก้ในส่วนที่เป็นปัญหา แต่หลังการเลือกตั้งการแก้รัฐธรรมนูญไปมุ่งแก้เฉพาะบางมาตรา เพื่อกลุ่มบางคน ไปเกี่ยวพันกับเรื่องผลประโยชน์ จนลืมระบบของประเทศ ดังนั้น เราจะต้องหากระบวนการให้เกิดการยอมรับว่าอะไรต้องแก้ไข เพราะตนเป็นคนแรกที่ เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาเพราะเราไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง
สำหรับเรื่องสุดท้าย คือ ความสงบสุขและความขัดแย้งของบ้านเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่เราต้องสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้น แต่ใครก็พูดได้ในเรื่องของการสร้างความสมานฉันท์ ความปรองดอง คำถามจึงมีอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความปรองดองได้จริง ตนเชื่อว่า ความสามัคคีจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีความยุติธรรม วันนี้ตนรู้สึกสบายใจมากที่ได้ยินข้อเรียกร้องนี้ไม่มีอะไรที่ขัดต่อความคิดของพวกเราอยู่แล้ว แต่การจะทำทุกเรื่องให้สำเร็จได้ต้องฟันฝ่าอุปสรรคอีกหลายขั้น เริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงอาทิตย์หน้าก็เห็นใจ และทราบว่า ต้องเจอกับแรงกดดันสารพัดอย่าง ตนมายืนยันว่า ขอให้มั่นใจในความตั้งใจ ที่พูดถึงเรื่องสถาบันหลักของชาติ ช่วยเหลือประชาชน สร้างความเป็นธรรมในสังคม เรื่องรัฐธรรมนูญอย่างนี้มั่นใจได้
ด้าน นายเนวิน กล่าวว่า ขอให้สบายใจได้ จากวันนี้ไปจนถึงวันโหวตเลือกนายกฯ ก็เป็นเรื่องที่พวกตนต้องเผชิญและฟันฝ่าไปให้ได้ จริงๆ ถามว่า เป็นแรงกดดันจากพี่น้องประชาชนในสังคมจริงๆ เลยหรือไม่ ตนคิดว่าก็ส่วนหนึ่ง แต่พวกตนก็รู้อยู่แก่ใจว่า พวกเรานักการเมืองด้วยกันเองสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง การเลือกนายกฯ ไม่ใช่การเลือกประธานสภาจังหวัด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนย้อนกลับไปสัก 10 ปีที่แล้ว ในการเลือกประธานสภาจังหวัดมีการซื้อตัว มีการขุมขู่ มีการอุ้ม ซึ่งถือเป็นรอยด่าง แต่เชื่อว่า ไม่สามารถเปลี่ยนใจพี่น้องของตนที่มีสิทธิ์เลือกนายกฯ ได้ เพราะบ้านเมืองบอบช้ำมาแล้ว ท่านไปกังวลกับพรรคอื่น คนอื่น อย่ากังวลกับพวกตน
อย่างไรก็ตาม นายเนวิน ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังหารือ ว่า การตัดสินใจครั้งนี้แลกด้วยความเจ็บปวดส่วนตัว แต่ถือเป็นความจำเป็น เพราะวันนี้บ้านเมืองต้องมีทางออก ถ้าเราเลือกรักษาตัวเราเองแล้วเราปล่อยให้บ้านเมืองเสียหาย ตนก็ไม่ควรเป็นคนไทย ดังนั้น วันนี้ก็ขอให้มั่นใจและสบายใจว่าตนตัดสินใจเดินมาในเส้นทางนี้แล้วจะเดินต่อไปให้สมกับความหวังความตั้งใจของประชาชนที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง
ส่วนข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย นั้น นายเนวิน กล่าวว่า เรื่องความรู้สึกต้องยอมรับว่ามี แต่ไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจของตนได้ เมื่อถามย้ำว่าความรู้สึกที่มีต่อพ.ต.ท.ทักษิณยังเหมือนเดิมหรือไม่ นายเนวิน กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นนาย ยังเป็นคนที่ตนเคารพรักอยู่เสมอ แต่ต้องแยกความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณในฐานะนายและผู้มีบุญคุณ กับปัญหาของบ้านเมือง
“ไม่หรอกครับ ยังไงผมก็เป็นลูกน้องอยู่ ท่านก็ยังเป็นนายอยู่ ผมกับท่านคุยกันหลายรอบแล้ว แต่ขอเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับท่าน” นายเนวิน กล่าว เมื่อถูกซักว่าจะถึงขนาดตัดขาดกันหรือไม่
เมื่อถามต่อว่า ภาพของรัฐบาลจะถูกมองว่าเป็นการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องคดีความต่างๆหรือไม่ นายเนวิน กล่าวว่า การตัดสินใจมาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์มีเงื่อนไขเดียวคือต้องการให้บ้านเมืองมีทางออก แต่ไม่มีเรื่องการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ
นายเนวิน กล่าวว่า ในประวัติศาสตร์การเลือกนายกฯ ไม่มีการกดดันครั้งใดที่ ส.ส.ได้รับมากเท่าครั้งนี้ เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมีการเอาประชาชนจัดตั้งไปล้อมบ้าน ขณะที่บางคนเอาระเบิดไปขว้างข่มขู่ ซึ่งเราเจอครบทุกรูปแบบทั้งบ้านของ ส.ส.และบ้านของญาติของ ส.ส.ซึ่งตนคิดว่าครั้งนี้ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ ตนมั่นใจตัวเลขสมาชิกของกลุ่มของตนที่มีอยู่ 30 กว่าคนจะมารวมกับพรรคประชาธิปัตย์
เมื่อถามต่อว่า ในวันลงมติเลือกนายกฯ จะมีอะไรพลิกผันจนทำให้นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นนายกฯหรือไม่ นายเนวิน กล่าวว่า สำหรับพี่น้องของตน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าต้องเป็นฝ่ายค้านหรือเกิดการพลิกเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตาม ผลของการเลือกนายกฯที่จะเกิดขึ้นนี้ ถ้าจะเปลี่ยนแปลง จะไม่เกิดจากกลุ่มของตน เพราะเมื่อมีการตัดสินใจแล้ว ตนเชื่อว่าพี่น้องของตนที่มีทิศทางทางการเมืองชัดเจน จะยกมือให้พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามต่อว่าอะไรเป็นจุดที่ทำให้กลุ่มเพื่อนเนวินให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ นายเนวิน กล่าวว่า ตนเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการอย่างนี้
ส่วนกรณีสถานะทางการเมืองของ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ บิดานายเนวิน จะอยู่ตรงไหน นายเนวิน กล่าวว่า ก็อยู่ที่เดิมนั่นล่ะ ส่วนจะไปนั่งเป็นรมว.คมนาคมหรือไม่นั้น ตนเป็นลูกจะไปบังคับพ่อไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่ง ขอให้จัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน
เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข ออกมาระบุว่า ความจริงกลุ่มเนวินมีไม่ถึง 10 คน และคนที่หัวเราะทีหลังจะดังกว่า นายเนวิน กล่าวว่า ก็ต้องปล่อยเขาไป เพราะเป็นเรื่องของจิตวิทยาในการดึงคนกลับ แต่ใครกันแน่ที่จะหัวเราะทีหลังแล้วดังกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากหารือกันเสร็จสิ้นนายเนวิน ได้รอส่งแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนจนหมดและได้เดินไปส่งนายอภิสิทธิ์ถึงรถ พร้อมกับระบุว่าเดินทางมาส่งท่านนายกฯ ขณะนี้นายอภิสิทธิ์ ตอบกลับว่า คุณก็พูดเกินไป ก่อนที่จะขึ้นรถพร้อมกับโบกมือให้ จากนั้นนายเนวินได้ชวนสมาชิกไปร่วมกาแฟและหารือกันต่อ โดยสมาชิกในกลุ่ม ระบุว่าจะมีการพักค้างคืนที่โรงแรมดังกล่าวด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากกลุ่มเพื่อนเนวิน แล้ว ยังพบว่า มีนายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รมว.วิทยาศาสตร์ น้องชายของนาย จาตุรนต์ ฉายแสง มาร่วมหารือกับกลุ่มเพื่อเนวินด้วย