“พิภพ” แฉ “หมัก” เริ่มติดใจเก้าอี้นายกฯ แม้แผนช่วย “แม้ว” ไม่สำเร็จ แต่ยังรุกสมคบกลุ่มทุนขยายธุรกิจการเมือง กินผลประโยชน์เมกะโปรเจกต์ ค่อยฉวยจังหวะช่วย “แม้ว” ทีเผลอ เผย 4 ขั้นตอนฟอกความผิด “ทักษิณ” แต่ส่อจบลงที่การลี้ภัย จวก “จาตุรนต์” เป็นประชาธิปไตยแต่ภาพ เนื้อแท้ยังหนุนนายใหญ่ พร้อมชี้คำพิพากษา “หญิงอ้อ” โกงภาษี สร้างมิติใหม่ศาลนำศีลธรรมจริยธรรมเข้าร่วมตัดสินคดี
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วันนี้ (9 ส.ค.) เวลาประมาณ 21.00 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศัยบนเวทีสะพานมัฆวานว่า การเมืองวันนี้ประชาชนจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้พรรคพลังประชาชนกำลังแตกแยก แบ่งเป็น 2 ก๊ก คือก็กของนายสมัคร สุนทรเวช ที่กำลังสร้างฐานกำลังขึ้นมา และก๊ก พ.ต.ท.ทักษิณที่ไม่แน่ใจนายสมัคร ซึ่งเกรงว่านายสมัครกำลังติดใจการเป็นนายกฯ สิ่งที่นายสมัคร เคยสัญญาเอาไว้ว่าจะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องภาพพจน์เกี่ยวกับสถาบัน แต่ถึงขณะนี้ก็ไม่ช่วยอะไร โดยยังปล่อยให้มีเว็บไซต์ที่จาบจ้วงพระมหากษัตริย์อยู่ รวมถึงคดีของนายจักรภพ เพ็ญแข ก็ยังไปไม่ถึงไหน ส่วนเรื่องคดีความ นายสมัครก็ไม่ได้ช่วยอะไร พ.ต.ท.ทักษิณมากนัก ความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้คดีที่ คตส.ทำไว้ ก็ไม่สำเร็จ แต่นายสมัครก็บอกว่าได้พยายามทำให้แล้วนะ ไหนๆ ก็ไม่สำเร็จแล้ว ขอเป็นนายกฯ ต่อก็แล้วกัน
นายสมัครกำลังพยายามที่จะขอเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ปล่อยเกมยาวๆ ให้สังคมสับสน พยายามสร้างประเด็นทางการเมืองขึ้นมา เช่น มาตรา 63 เรื่องสิทธิการชุมนุม ให้เรามัวไปสนใจมาตรา 63 แต่นายสมัครก็จะประชุม ครม.ไป แถมยังไปเอาประธานบริษัท ที่ปรึกษาบริษัท มาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งเดิมเราไปเล่นงานนายวีระพงษ์ รามางกูร หรือ ดร.โกร่ง ว่า ขาดมารยาททางการเมือง จะเอาความลับราชการไปให้บริษัทที่ตนเองทำงานอยู่ แต่ตอนนี้มันมีมุมมองใหม่ว่าไม่ใช่ประเด็นนั้นประเด็นเดียว
นายพิภพ กล่าวต่อว่า อาจเป็นได้ว่ารัฐบาลกำลังจะร่วมมือกับกลุ่มทุนทำเพื่อธุรกิจทางการเมืองให้กว้างออกไปกว่านนักการเมืองที่เป็นนักธุรกิจ ซึ่งจะเห็นว่า ดร.โกร่งได้เอาบุคคลจากกลุ่มธุรกิจอื่นๆ เข้ามาใกล้ชิดกับรัฐบาลมากขึ้น นี่เป็นการร่วมมือกับกลุ่มทุนและขยายการทำธุรกิจการเมืองกับกลุ่มทุนออกไป เหมือนกับรัฐบาลพรรคไทยรักไทยหรือเปล่า เป็นข้อสังเกตที่พวกเรา นักวิชาการ ส.ว. พรรคฝ่ายค้านต้องจับตามองให้ดีว่า เป็นการร่วมทุนทางการเมืองแนวใหม่ ที่นายสมัครต้องการจะอยู่ต่อ ซึ่งจะต้องหาทุนมาทำงานทางการเมือง เพราะการเมืองแบบเก่านั้นการเข้าสู่อำนาจต้องใช้เงินคนละ 40-50 ล้านบาท
นายพิภพ กล่าวอีกว่า มีข้อสังเกตอีกอย่างคือ การที่มีคน โดยเฉพาะ ดร.โกร่งกล่าวหาว่าพันธมิตรเป้นต้นเหตุทำให้ต่างชาติไม่กล้าเข้ามาลงทุนนั้น แต่ลืมไปว่ารัฐบาลนั่นแหละเป็นต้นเหตุ ซึ่งการที่จะนำกลุ่มทุนและพวกที่ปรึกษาเข้าไปเป็นผู้บริหาร และเข้าไปยึดแบงก์ชาตินั่นแหละ ทำให้นักลงทุนต่างชาติขาดอิสระ กลัวว่าค่าเงินบาทจะถูกแทรกแซง โดยเฉพาะการที่ ดร.โกร่ง มีอคติกับผู้ว่าฯ แบงก์ชาติอยู่แล้ว เป็นประเด็นที่นักลงทุนต่างชาติกลัวว่านี่จะเป็นต้นเหตุให้เศรษฐกิจพัง ไม่ใช่เพราะการชุมนุมของพันธมิตรฯ แน่นอน ประเด็นนี้ ดร.โกร่งตอบให้ชัดเจนได้หรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีการซ่อนเงื่อนในมติคณะรัฐมนตรี การเสนออะไรแปลกๆ ออกมา ล่าสุด และการที่นายประสงค์ โฆษิตานนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย บอกว่าคนไทยอย่าใจแคบ ที่ดินในประเทศไทยมีมาก ขายให้ต่างชาติไปบ้าง นึกไม่ถึงว่าจะออกมาจากปาก รมช.คนนี้ อ้างว่า ขายไปแล้วเขาก็เอาไปไม่ได้ ที่ดินที่ภูเก็ตถ้าขายก็จะเป้นการดึงเอาธุรกิจเข้ามา อยากถามว่าเกาะภูเก็ตถ้าขายแล้วต่างชาติมาไปที่ละนิดจนครบทั้งเกาะแล้วจะเหลืออะไร เพราะทุนต่างชาตินั้นใหญ่มาก เราไม่ได้ใจแคบไม่ต้องการให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน แต่ไม่นึกว่ารัฐมนตรีจะขายแผ่นดินได้
“ต้องบอกว่าเราไม่ใจแคบ เรายินดีให้ต่างชาติเข้ามา แต่ต้องไม่เสียอธิปไตยของประเทศให้ต่างชาติแม้แต่นิ้วเดียว ถ้าเขาจะเข้ามาลงทุนก็ต้องเข้ามาด้วยใจบริสุทธิ์ เราเคยท้วงติงเรื่องที่ ทักษิณ นำเศรษฐีจากตะวันออกกลางไปดูการทำนาที่สุพรรณบุรี เราก็ติงว่า ประเทศที่มีน้ำมันอนาคตน้ำมันก็หมด แต่สิ่งที่สำคัญต่อมนุษย์ไม่ใช่น้ำมัน แต่เป็นข้าว เมื่อน้ำมันหมดแล้วยังสามารถใช้พืชทดแทนได้ แล้ววันนี้ มีข่าวว่ามีเศรษฐีจากบรูไนมาซื้อที่ดินที่ชัยนาทแล้วหมื่นไร่ ต้องไปดูกันว่าซื้อแบบไหน มีคนไทยขายชาติเป็นนายหน้าซื้อให้หรือเปล่า เพราะคุณประสงค์ยังไม่สามารถทำให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้ วันนี้เพียงแต่ใช้นายหน้าที่เป็นคนไทย อาจจะซื้อบังหน้าไว้ และมันมีนายทุนขายชาติบังหน้าอยู่ แล้วต่อมาเมื่อกฎหมายนี้ออก ต่างชาติก็จะซื้อที่ดินได้ ถามหน่อยว่าเราจะเสียที่ดินไปเรื่อยๆ ใช่หรือไม่ ไม่ใช่แต่ 4.6 ตารางกิโลเมตรที่เขาพระวิหารเท่านั้น” นายพิภพกล่าว
นายพิภพ กล่าวต่อว่า สิ่งเหล่านี้ทำให้ตนต้องออกมาเตือนว่า นายสมัครนั้นคือเสือทางการเมืองมายาวนาน ย่อมมีชั้นเชิงที่จะมาทำให้ประชาชนไม่สนใจในสิ่งที่เขาทำอยู่ ไม่ว่าจะเป้นการขายที่ดินให้ต่างชาติ หรือว่าการทำเมกะโปรเจกต์ ไม่ว่าจะเป็นโครงการอะไร แต่เผลอปั๊บ เขาจะแก้รัฐธรรมนูญทันที แล้วจะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณตามที่สัญญาไว้
นายพิภพ กล่าวว่า แผนของนายสมัครมี 4 ขั้นตอนด้วยกัน คือ 1.หาเสียงสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการจัดรายการ “ความจริงวันนี้” โดยจะเอาคำพูดที่ตน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข เคยพูดว่าให้รัฐร่างรัฐธรรมนูญไปก่อน แล้วค่อยแก้ไขทีหลัง ไปตัดต่อใหม่ เพื่อที่จะบอก 3 คนที่เป็นแกนนำนี้ก็เคยสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคต ซึ่งก็ใช่ เพราะเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังมีข้อบกพร่อง แต่เราไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อทักษิณ เพราะถ้าแพ่อทักษิณเรายอมไม่ได้ เราค้านจุดนี้
รายการความจริงวันนี้ ที่เอาพวก นปก.ไปจัด เพื่อสร้างกระแสว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีเหตุมีผล จะซ่อนมาตร 237 190 และ 309 เอาไว้ท แล้วเอาประเด็นอื่น เช่น มาตรา 63 มาตร 47 เรื่องคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์ เพราะเขากลัวว่าถ้าวิทยุโทรทัศนืเขาคุมไม่ได้ ประชาชนจะเข้าถึงความจริง เหมือนกับที่คุมเอเอสทีวีไม่ได้ ทำให้ข้อมูลข่าวสารเข้าถึงประชาชนและเป็นเหตุผลที่เขาจะเอามาตรานี้มาจัดการกับเอเอสทีวีด้วย
นอกจากนี้ยังมีรายการของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ตอนหัวค่ำ นายจาตุรนต์ใช้ท่าทางดี แต่ถามหน่อยว่า การที่นายจาตุรนต์กล่าวหาว่าพันธมิตรฯ ไม่เป็นประชาธิปไตย กล่าวหาว่าการรัฐประหารเป็นการฉีกรัฐธรรมนูญ ถามว่า ตอนที่นายจาตุรนต์เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ นายจาตุรนต์เองยังเคยบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วบอกว่าตนเองเป็นแกะดำในพรรคไทยรักไทย แล้ววันนี้ทำไมไม่กล้าบอกว่าตนเองไม่เห็นด้วยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่ามาทำแสดงตนว่าเป็นคนรักประชาธิปไตย นายจาตุรนต์น่าจะรู้ว่าคนที่ฉีกรัฐธรรมนูญคนแรกคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช่หรือไม่
นายพิภพกล่าวอีกว่า โดยส่วนตัว ชอบนายจาตุรนต์ในทางความคิด แต่เห็นว่านายจาตุรนต์ยังขาดความกล้าหาญทางจริยธรรม ขาดความกล้าหาญที่จะพูดความจริง ความจริงที่รู้สนึกได้ถึงการทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูก คตส.กล่าวหา ถึงแม้นายจาตุรนต์จะรังเกียจ คตส.ว่ามาจาก คมช. แต่ถามว่าข้อเท็จจริงในนั้นใช่หรือเปล่า ให้นายจาตุรนต์บอกมา ถ้าบอกว่าไม่จริง ศาลจะตัดสินคุณหญิงพจมานอย่างนั้นได้อย่างไร
“จาตุรนต์ มีคนมองว่ามีอนาคตทางการเมืองเหมือนคุณอภิสิทธิ์ เวลาจะโต้ตอบกันในสภา ระหว่างพรรคไทยรักไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ คุณอภิสิทธิ์จะเห็นหัวหลักของพรรคประชาธิปัตย์ คุณจาตุรนต์จะเป็นหัวหลักของพรรคไทยรักไทย เพราะภาพพจน์ดี แต่คุณจาตุรนต์ครับ รักษาแต่ภาพไม่ได้นะครับ เอาเนื้อแท้ออกมาด้วย ว่าเนื้อแท้ของคุณนั้นสนับสนุนเผด็จการรัฐสภา ของคุณทักษิณและระบอบทักษิณ หรือเปล่า เอาเนื้อแท้ออกมาสิครับ
พูดทุกวันทางช่อง 11 ใช้ท่าทีนิ่มนวล แต่หยิกแกมหยอก โจมตีพันธมิตรฯ ตลอดเวลา อย่างนี้ไม่ได้ นะครับ ถ้าคุณจะเป็นประชาธิปไตย ต้องเป็นโดยเนื้อแท้ สู้ทั้งเผด็จการทหารและเผด็จการรัฐสภาด้วยสิครับ ไม่ใช่สู้แต่เผด็จการทหาร แต่จำนนกับเผด็จการรัฐสภา ใช้ไม่ได้”
นายพิภพ กล่าวว่า ที่พูดถึงนายจาตุรนต์พูดด้วยความหวังดี อยากจะให้เป็นนักการเมืองที่ดี แต่ถ้ายังไม่หลุดออกมาจากการเป็นบริษัทบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณ และรักษาระบอบทักษิณ เราก็จะไม่เอานายจาตุรนต์
นายพิภพ กล่าวย้ำว่า รัฐบาลกำลังใช้ 2 ภาพในการออกมาประชาสัมพันธ์ โจมตีพันธมิตรฯ โจมตีคนที่จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยใช้ นปก.ที่เป็นภาพร้าย และใช้นายจาตุรนต์ซึ่งเป็นภาพดี แต่วันนี้ต้องระวังภาพดีจะกลายเป้ฯภาพเลสร้าย ถ้าคนเขารู้เท่าทันว่า เนื้อแท้ของคนายจาตุรนต์ยังสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณอยู่
สำหรับขั้นตอนที่ 2 ที่จะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณก็คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 เพื่อให้สำนวนคดีของ คตส.เป็นโมฆะ ตอนแรกจะทำให้ คตส.หมดสภาพ ทำไม่ได้ ตอนนี้จึงจะใช้วิธีการแก้มาตรา 309 ซึ่งทำให้ คตส.เป็นโมฆะได้ บางคนอาจจะมองว่ามาตรา 309 หมดประโยชน์ไปแล้ว แต่ไม่จริง ยังมีความหมายอยู่ในมาตรานี้
ขั้นตอนที่ 3 คือ การย้ายข้าราชการ จัดการพยานเพื่อลดทอนน้ำหนักของคดี อันนี้ทำมาแล้ว และจะทำต่อจนถึงเดือนกันยายนนี้ที่จะมีการโยกย้ายข้าราชการครั้งใหญ่ ขอให้คอยดูใครจะถูกย้ายบ้าง เราจำได้ตอนที่เข้ามาเป็นรัฐบาลก็อธิบดีดีเอสไอทันที ตอนจะไปทำสัญญากับเขมรก็ย้ายอธิบดีกรมสนธิสัญญา ทำกันอย่างหน้าด้านๆ เอาประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้ง ภามว่าถ้าอธิบดีกรมที่ดินไม่ยอมให้ขายที่ดินให้ต่างชาติ จะย้ายอธิบดีกรมที่ดินหรือไม่
ขั้นตอนที่ 4 ขั้นตอนสุดท้าย คือการขอลี้ภัยต่างประเทศ ซึ่งวันที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่กลับประเทศ หุ้นขึ้นทันที เพราะนักลงทุนรู้ว่าใครคือตัวปัญหา ใครเป็นเสี้ยนตำเท้าของสังคมไทย แต่น่าเสียดายว่าตามสนธฺสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน 2472 มี 14 ประเทศเท่านั้น ที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะไปอยู่ไม่ได้ เพราะถ้าถูกตัดสินคดีว่าผิดแล้วต้องส่งตัวกลับ มี อังกฤษ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ลาว กัมพูชา มาเลเซีย เกาหลีใต้ บังคลาเทศ ฟิจิ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณคงไปอยู่กัมพูชาไม่ได้ตามที่คิดไว้แต่แรก อย่างไรก็ตามมีอีกกว่า 100 ประเทศ ที่ไปอยู่ได้ โดยเฉพาะที่แอฟริกา
นายพิภพ กล่าวว่า วันนี้อยากจะสรุปภาพรวมทางการเมือง โดยเฉพาะกรณีคดีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งได้เกิดมิติทางกฎหมายใหม่ ที่อยากจะเน้นในวันนี้ จะเห็นคำพิพากษาจะขึ้นต้นด้วยการพูดถึงจริยธรรม ว่ารวยแล้วไม่ควรจะทำ ซึ่งไม่เคยมีคำพิพากษาอย่างนี้ ถ้าคำพิพากษาในคดีต่อๆ ไป ใช้มาตรฐานทางจริยธรรม ทางคุณธรรม มาร่วมกับข้อเท็จจริง และร่วมกับข้อกฎหมายแล้ว เมื่อไปถึงศาลฎีกาเมื่อไหร่จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ในการตัดสินคดีทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะฉะนั้นเราต้องสนับสนุนมาตรฐานทางศีลธรรมจริยธรรมเข้าไปเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการตัดสินคดี
“รวยแล้วไหนว่าไม่โกง แล้วที่สำคัญก็คือเป็นครั้งแรกที่คดีที่ไม่เสียภาษีติดคุกครับ นักธุรกิจกลัวกันใหญ่เลยตอนนี้ เพราะส่วนหนึ่งก็มีกลุ่มกนึ่งที่หนีภาษีอยู่ ไม่เป็นไรครับขอให้ปรับปรุงระบบบัญชี อย่าไปเชื่อประชาสัมพันธ์ของคุณทักษิณว่าจะเลี่ยงภาษีได้อย่างไร จะโกงภาษีอย่างไร จำได้ไหมคนที่นามสกุล วลัยเสถียร แล้วผลของคุณทักษิณเป็นยังไง”
นายพิภพ กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้เรายกมาตรฐานจริยธรรมศีลธรรม ยกมาตรฐานภาษีขึ้นมา ถ้ายกมาตรฐานภาษีขึ้นมาแล้วประชาชนจะอยู่ดีกินดี เพราะฉะนั้นขอให้กำลังใจพวกเราที่ต่อสู้ไปตามขั้นตอนเป็นระยะๆ จนเกิดมาตรฐานใหม่ในสังคมไทย ในขบวนการยุติธรรมขึ้น