“เพื่อไทย” เสวนาเดินหน้าล้ม รธน.50 อ้างเป็นฉบับปัญหา สร้างความขัดแย้ง ตะแบงต้องนำฉบับปี 40 กลับมาใช้ “จาตุรนต์” ปลุกผู้ที่ได้รับความเสียหายการความล้มเหลวในการบริหารประเทศร่วมตัดสินใจ ฟันธง ปชป.ไม่แก้ รธน.แน่ ต้องการยื้อเพื่ออยู่ครบเทอม ด้าน อดีต ส.ส.ร.ชู “ทักษิณ” เป็นรัฐบุรุษ ปชต. ต้องกลับประเทศอย่างไร้มลทิน
วันนี้ (26 ต.ค.) ที่พรรคเพื่อไทยได้จัดเสวนาเรื่อง “ประชาธิปไตย เอารัฐธรรมนูญปี 40 ฉบับประชาชนคืนมา” โดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ร่วมอภิปราย โดยกล่าวว่าพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งเท่ากับประชาชนต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญ 50 เมื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ประกาศแก้รัฐธรรมนูญแต่ก็ต้องถูกล้มไปเพราะพรรคถูกยุบ ส่วนใหญ่รัฐธรรมนูญในประเทศไทยจะร่างขึ้นเพื่อให้ผู้มีอำนาจได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ทำให้เนื้อหาในรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยจริง อำนาจไม่ได้อยู่ในมือประชาชน สำหรับรัฐธรรมนูญ 50 นั้น พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการแก้ไขมาตั้งแต่ต้น ที่ผ่านมามีการทำโพลล์สำรวจความคิดเห็นหลายครั้งพบว่าคะแนนนิยมที่มีต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังน้อยกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จึงเชื่อว่ารัฐบาลต้องพยายามอยู่ต่อไปให้ครบเทอม เมื่อเลือกตั้งใหม่ได้พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับผู้มีอำนาจมาเป็นรัฐบาลก็จะถูกยุบพรรคอีก จึงฟันธงได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่แก้รัฐธรรมนูญแน่นอน เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ได้รับประโยชน์จากรัฐธรรมนูญ 50 อย่างเต็มที่มาโดยตลอด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรณรงค์ให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย และนำรัฐธรรมนูญ 40 กลับมาใช้
“ในภาวะที่รัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้ ประสานงานกับพรรคร่วมไม่ได้ สั่งการข้าราชการก็ไม่ฟัง รถไฟสายใต้เดินรถไม่ได้ เป็นการประท้วงในแบบของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต้องถือเป็นกรรมตามสนอง ไม่รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกัมพูชาที่ต้องยับเยิน เพราะนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขณะเป็นแกนนำพันธมิตรฯ ได้ปราศรัยด่าสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกฯ ประเทศกัมพูชา แต่การเมืองไม่ได้อยู่ที่เดิม แต่หมุนเป็นเกลียวสว่านลงไปสู่เหวหายนะ ลงไปสู่ความขัดแย้งที่มากขึ้น ภาวะเช่นนี้ไม่มีทางออกนอกจากนำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้ จากนั้นต้องแก้ไขไม่ให้บ้านเมืองถูกตัดสินด้วยอำนาจศาลปกครอง จำเป็นต้องจำกัดขอบเขตไม่ให้ศาลปกครองกลายเป็นฝ่ายบริหาร” นายจาตุรนต์กล่าว
นายจาตุรนต์กล่าวอีกว่า หากปล่อยให้รัฐธรรมนูญ 50 บังคับใช้ต่อไปเรื่อยๆ ความไม่เป็นประชาธิปไตยจะเพิ่มมากขึ้น ขณะที่รัฐบาลล้มเหลวในการบริหารประเทศ แนวโน้มที่จะเกิดความขัดแย้งระหว่างคนในชาติสูงขึ้นเรื่อยๆดังนั้นตนจึงเรียกร้องไปยังประชาชนที่ได้รับความเสียหายให้ความสนใจกับความไม่เป็นประชาธิปไตยของประเทศ และร่วมกันตัดสินใจว่าจะรักษาระบบที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง หรือจะกลับเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตย ในส่วนของรัฐบาลคิดจะทำอะไรก็ให้รีบทำ หากจะเล่นละครแก้รัฐธรรมนูญขอให้เดินเรื่องไวหน่อย ว่าจะแก้เพียง 2 ประเด็นเพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้งและแก้ปัญหาการทำงานในต่างประเทศเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อพิสูจน์ว่ารัฐบาลจะอยู่ต่อไปได้หรือไม่ พรรคร่วมรัฐบาลจะทนอยู่ต่อได้นานแค่ไหน ซึ่งสุดท้ายก็จะเดินเข้าสู่การยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ และหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งขอให้แก้รัฐธรรมนูญทันที
นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 40 กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ในการนำเอารัฐธรรมนูญ ฉบับปี 40 กลับคืนมาไม่ใช่เพียงการนำเอา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับคืนมาเท่านั้น แต่ต้องเป็นการนำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาแบบไร้มลทิน ในฐานะรัฐบุรุษประชาธิปไตย เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นธงและสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จึงมีจำเป็นต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งเป็นมรดกบาปของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)ไม่ใช่เพียงแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่กี่มาตรา โดยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องนำเนื้อหาในฉบับ 40 กลับมาใช้ใหม่ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน ที่สำคัญต้องสลัดเปลือกนอกและอำนาจนอกรัฐธรรมนูญออกไปให้หมด
ด้าน นายวรพล พรหมมิกบุตร คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 50 มีผลในการมุ่งทำลายพรรครัฐบาลที่ไม่ใช่ฝ่ายอมาตยธิปไตย เกื้อหนุนพรรคประชาธิปัตย์ รัฐบาลปัจจุบันอยู่ในภาวะล้มเหลวในการบริหาร การประชุมอาเซียนซัมมิทต้องล้มเหลวเพราะนายกฯ ของไทยมีวิวาทะกับนายกฯ กัมพูชา โดยความล้มเหลวครั้งนี้รัฐบาลพยายามโยนให้เป็นความผิดของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย และคณะนายทหารนอกราชการที่เดินทางไปพบสมเด็จฯ ฮุนเซน บ้านพักในประเทศกัมพูชา สำหรับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ตนมองว่าพรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจ โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำภายหลังพรรคประชาธิปัตย์พ้นไปจากรัฐบาล