ที่โรงแรมอมารีวอเตอร์เกท กรุงเทพฯ วานนี้ (30 ก.ย.) คณะกรรมาธิการ กิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญและติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา จัดสัมมนาเรื่อง องค์กรตามรัฐธรรมนูญ...ประสานใจ แก้ไขปัญหาโดยมีส.ว. ผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เข้าร่วมประมาณ 300 คน มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เปิดการสัมมนา
นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 อภิปรายเรื่อง ภารกิจตามรัฐธรรมนูญ : การแก้ปัญหาของชาติและประชาชน ว่า องค์กรอิสระเกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญ 2540 เนื่องจากระบบการตรวจสอบคือรัฐสภา ค่อนข้างล้มเหลว เพราะอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหารเกี่ยวพันกันมาตลอด แม้ในทางทฤษฎีจะบอกว่า สองฝ่ายต้องคานกัน แต่ความเป็นจริงของทุกประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภาพบว่า การตรวจสอบฝ่ายบริหารไม่เกิดขึ้น ฉะนั้นจึงสร้างองค์กรอิสระต่างๆ ขึ้นมาโดยได้แบบอย่างมาจากหลายประเทศ
ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2550 ก็พยายามรักษาองค์กรอิสระไว้ และปรับปรุงโครงสร้าง อำนาจหน้าที่ให้ดีขึ้น มีอิสระจากฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายต่างๆ ให้มากสุด เพราะที่ผ่านมา องค์กรอิสระล้มเหลว มีปัญหาตั้งแต่ขั้นการสรรหา โดยในอดีตมี 3 กลุ่มเข้ามาสรรหา คือ ศาล นักวิชาการ นักการเมือง ดังนั้น จึงเน้นให้ศาลซึ่งเป็นกลางเข้ามาสรรหา
นายสมคิด กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันที่มีความขัดแย้งทางการเมือง ล่าสุดมี 24 อธิการบดีมหาวิทยาลัยเสนอให้มีคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการเมือง และแก้รัฐธรรมนูญ ตนขอให้จับตาว่า ถ้าจะแก้กันจริงก็คงเป็นในปีหน้า ที่ผ่านมาฝ่ายการเมือง เรียกร้องให้ลดการควบคุมฝ่ายการเมืองให้น้อยลง ขณะที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญ 2550 เห็นต่างไปโดยมองว่า อำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระของรัฐธรรมนูญปี 2540 ดีพอสมควร และปี 2550 ก็ทำให้เข้มแข็งและชัดเจนขึ้น เช่น เรื่องใบแดง ใบเหลือง ก็ให้ศาลเข้ามาตัดสิน ป.ป.ช. มีบทบาทสำคัญเรื่องถอดถอน หรือให้อำนาจ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญได้หรือเป็นผู้เสียหายได้ และเพิ่มการตรวจสอบการทำงานขององค์กรอิสระโดยศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญ
เราอยู่ในสถานการณ์ที่มีคนต้องการแก้รัฐธรรมนูญ มีคนต้องการลดอำนาจ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีคนไม่เห็นด้วยกับการควบคุมคุณธรรมจริยธรรม หรือไม่เห็นด้วยกับการไปฟ้องศาลเพื่อตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร หรือไม่เห็นด้วยกับปรับเปลี่ยนอำนาจหน้าที่ขอองค์กรอิสระที่ทำให้ทำงานเข้มแข็ง ในรอบปีที่ผ่านมา ผมจึงอยากฝากว่า สำหรับทิศทางการตรวจสอบฝ่ายบริหาร เราเดินมาถูกทิศทางแล้ว องค์กรอิสระน่าจะเป็นที่พึ่งของสังคมไทยได้ ฉะนั้นการดำเนินการใดกับองค์กรอิสระขอให้ช่วยกันจับตา
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช..) กล่าวว่า กรรมการองค์กรอิสระหลายองค์กรที่เป็นผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นที่น่าชังของรัฐบาล เพราะได้ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร อย่างเข้มข้น ขณะที่สถานการณ์การทุจริตคอรัปชั่นของประเทศไทยไม่ได้ลดลง แต่ร้ายแรงและระบาด การจัดเรทติ้งเรื่องการคอรัปชั่นขององค์กรระหว่างประเทศ อย่างเพิร์คในปี 2549-2550 ไทยมีอันดับแย่ลงได้คะแนนอยู่ที่ 7- 8 จุด โดย 0 คือโปร่งใสสุด 10 คือ เลวร้ายสุด
นายวิชา กล่าวว่า ลักษณะการทุจริตที่พบคือ 1. ทุจริตเชิงนโยบาย โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พอ ป.ป.ช.ตรวจ นักการเมืองจึงเกลียดชัง ป.ป.ช. ตื่นมาก็แช่งชักหักกระดูก 2.ทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ คือ ราชการยอมตามใจ ผู้มีอำนาจ เนื่องจากกลัวจะหลุดจากตำแหน่งหรือต้องการได้ตำแหน่งที่สูงขึ้น ป.ป.ช.พบว่า ข้าราชการที่ช่วยเหลือได้รับการอวยตำแหน่ง 3.ทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง พบว่า มีการขาดการเอาใจใส่ในการใช้ระเบียบพัสดุ และยังมีการเอาพวกพ้องเข้ามารับงานถือว่า ผิดกฎหมายฮั้ว 4.ทุจริตในการให้สัมปทานให้กับกลุ่มบุคคลใด กลุ่มบุคคลหนึ่ง 5.ทุจริตโดยการทำลายระบบตรวจสอบอำนาจรัฐ และมีการแทรกแซง
6.การขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือผลประโยชน์ทับซ้อน อันนี้เรื่องใหญ่สุด อาจเปรียบเทียบว่า บุคคลจะรับใช้ซาตานและพระเจ้า ในเวลาเดียวกันไม่ได้ พอ ป.ป.ช.มาตรวจเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่อยู่ในใจของคน อย่าง กรณีรายการ ชิมไปบ่นไป คนสงสัยว่า แค่นี้ผิดด้วยหรือ ตนถือว่า เป็นการชิมลางระหว่างซาตานกับพระเจ้า แม้วิธีคิดเหล่านี้จะไม่ปรากฏในสาระบบของตะวันออก แต่ในประเทศตะวันตก ถือเรื่องนี้สำคัญมาก ถ้าจะก้าวไปเรทติ้งความโปร่งใสดีให้ได้ ก็ต้องแยกให้เป็นระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม
นายวิชา กล่าวอีกว่า ความรุนแรงของการทุจริตคอรัปชั่น อาจเรียกว่าถึงขั้น ฉ้อฉล เพราะทำกันทุกวงการทุกหย่อมหญ้าและแก้ยาก คนมักคิดว่า โกงช่างมัน ขอให้มันทำงานได้ก็แล้วกัน นี่คือรากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งปวง
นอกจากนี้ การยิ่งมีอำนาจยิ่งมีปัญหาเกี่ยวกับทุจริตคอรัปชั่น มีการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม ฉะนั้นเรื่องพวกนี้แยกออกไม่ได้เลยกับเรื่องจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ทั้งนี้ในโลกมีระบบจริยธรรม 2 ระบบ 1.จริยธรรมอยู่ในจิตใจ หากทำผิด ก็ถูกติเตียน อันนี้ใช้กับสังคมที่จิตใจดี ไม่หน้าด้าน ผิดก็ลาออกเอง เช่น อังกฤษ 2.ระบบที่เห็นว่า จริยธรรมเป็นของร้ายแรง ถ้าผิดก็ถือว่าผิดอาญาด้วย อย่างสหรัฐฯ มีคนติดคุกจากประเด็นนี้เป็นทิวแถว
ทั้งนี้ พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัส อย่าให้คนไม่ดีเข้ามาปกครองบ้านเมือง ฉะนั้นต้องวางระบบปราบปรามอย่างเข้มงวด จริงจัง ดำเนินการถึงที่สุด แต่ตอนนี้ก็รับว่า ป.ป.ช. ยังช้าอยู่ เพราะคดีมากท่วมหัว ป.ป.ช. ชุดนี้เข้ามาเจอคดีที่ค้าง เป็นหมื่นคดี ตอนนี้เหลือ 4 พันคดี คดีที่สำคัญ จะเสร็จไม่เกิน 2 เดือนนี้ นอกจากนี้ 1 ใน 3 ของคดีทั้งหมดคือ ทุจริตในองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น คนพวกนี้ เหมือนสามล้อถูกหวย และคิดว่า ไม่เอาพวกตัวเองแล้วจะเอาหมาที่ไหนมาทำ ฉะนั้นต้องวางระบบใหม่ เพราะคนเหล่านี้ต่อไปก็จะเข้ามาเป็นนักการเมืองระดับชาติ หิ้วกระเป๋าตามกันเข้ามา ซึ่งคิดว่า หากป.ป.ช.ตรวจสอบ คงฟันได้หมด 3 พันกว่าแห่ง
ขณะนี้ปัญหาเรื่องกลไกการทำงานขององค์กรอิสระคือ บรรดาพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญขององค์กรอิสระต่างๆ ตอนนี้ได้ข่าวว่าถูกเพ่งเล็งจากฝ่ายการเมือง และจะถูกคว่ำหมด เพราะมีนักการเมืองมากระซิบ มาส่งสัญญาณกับผมว่า กฎหมายของ องค์กรอิสระไม่ผ่านแน่ ดูสัญญาณจากการโหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนุญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรืออย่างร่างพ.ร.บ.ประกอบฯว่าด้วยป.ป.ช. ก็โดนดึงเรื่อง มีการอ้างว่า ต้องให้นายกฯอนุมัติเพราะเป็นกฎหมายการเงิน ตอนนี้ป.ป.ช.ก็คงต้องท้วงไปทางศาลรัฐธรรมนูญ
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวว่า ร่องรอยในการแทรกแซงองค์กรอิสระหาไม่ยาก ดูจาก คตง.คนหนึ่ง พ้นจากตำแหน่ง วันนี้ก็ไปเดินตามนักการเมือง หรือ กรรมการป.ป.ช.คนหนึ่งที่พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากขึ้นเงินเดือนตนเอง วันนี้ก็ได้เป็นบอร์ดองค์การมหาชน สตง.ก็ทักท้วงไปแล้ว เพราะรัฐวิสาหกิจเป็นหน้าเป็นตา แต่การทำอย่างนี้ถือว่า ไม่มีธรรมาภิบาล ทั้งนี้ สตง.พยายามรักษาเงินแผ่นดินไม่ให้เสียหาย แต่วันนี้ก็เป็นการกินกันเชิงนโยบาย มีการบวกเข้าไปเสร็จสรรพแล้ว ฮั้วกันตั้งแต่ต้น มีเจ้าหน้าที่รับไปเอี่ยว มีการใส่เงินทอง ไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว เป็นวงจรอุบาทว์ ถ้าไม่จับมือรับลูกกันระหว่างองค์กรอิสระจะจับทุจริตไม่ได้ ปัญหาคอร์รัปชั่นจะไม่หมดไป
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า ในการพิจารณางบประมาณของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2552 หน่วยงาน 3 แห่งคือ กกต., ป.ป.ช. และสตง. เข้าไปชี้แจง ใช้เวลาไม่นานที่ประชุมบอกไม่มีปัญหา ให้ความเห็นชอบแล้ว แต่กลับไปยังไม่ถึงสำนักงาน ถูกเรียกตัวกลับให้ไปชี้แจงใหม่ โดยระบุว่าประธานคณะกรรมาธิการฯ ตัวจริงมาแล้ว ตอนแรกที่ให้ผ่านงบนั้นเป็นประธานตัวสำรอง และให้รอถึง 2 ทุ่ม แล้วออกมาบอกว่าพิจารณาไม่ทันแล้ว ให้ไปพิจารณต่อในวันอาทิตย์ ปรากฏว่ารอจน ตี 2 ถึงได้ชี้แจง กว่าจะให้ผ่านต้องรอถึงตี 4 ฐานเป็นองค์กรอิสระ ต้องลงโทษหน่อย
นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 อภิปรายเรื่อง ภารกิจตามรัฐธรรมนูญ : การแก้ปัญหาของชาติและประชาชน ว่า องค์กรอิสระเกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญ 2540 เนื่องจากระบบการตรวจสอบคือรัฐสภา ค่อนข้างล้มเหลว เพราะอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหารเกี่ยวพันกันมาตลอด แม้ในทางทฤษฎีจะบอกว่า สองฝ่ายต้องคานกัน แต่ความเป็นจริงของทุกประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภาพบว่า การตรวจสอบฝ่ายบริหารไม่เกิดขึ้น ฉะนั้นจึงสร้างองค์กรอิสระต่างๆ ขึ้นมาโดยได้แบบอย่างมาจากหลายประเทศ
ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2550 ก็พยายามรักษาองค์กรอิสระไว้ และปรับปรุงโครงสร้าง อำนาจหน้าที่ให้ดีขึ้น มีอิสระจากฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายต่างๆ ให้มากสุด เพราะที่ผ่านมา องค์กรอิสระล้มเหลว มีปัญหาตั้งแต่ขั้นการสรรหา โดยในอดีตมี 3 กลุ่มเข้ามาสรรหา คือ ศาล นักวิชาการ นักการเมือง ดังนั้น จึงเน้นให้ศาลซึ่งเป็นกลางเข้ามาสรรหา
นายสมคิด กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันที่มีความขัดแย้งทางการเมือง ล่าสุดมี 24 อธิการบดีมหาวิทยาลัยเสนอให้มีคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการเมือง และแก้รัฐธรรมนูญ ตนขอให้จับตาว่า ถ้าจะแก้กันจริงก็คงเป็นในปีหน้า ที่ผ่านมาฝ่ายการเมือง เรียกร้องให้ลดการควบคุมฝ่ายการเมืองให้น้อยลง ขณะที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญ 2550 เห็นต่างไปโดยมองว่า อำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระของรัฐธรรมนูญปี 2540 ดีพอสมควร และปี 2550 ก็ทำให้เข้มแข็งและชัดเจนขึ้น เช่น เรื่องใบแดง ใบเหลือง ก็ให้ศาลเข้ามาตัดสิน ป.ป.ช. มีบทบาทสำคัญเรื่องถอดถอน หรือให้อำนาจ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญได้หรือเป็นผู้เสียหายได้ และเพิ่มการตรวจสอบการทำงานขององค์กรอิสระโดยศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญ
เราอยู่ในสถานการณ์ที่มีคนต้องการแก้รัฐธรรมนูญ มีคนต้องการลดอำนาจ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีคนไม่เห็นด้วยกับการควบคุมคุณธรรมจริยธรรม หรือไม่เห็นด้วยกับการไปฟ้องศาลเพื่อตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร หรือไม่เห็นด้วยกับปรับเปลี่ยนอำนาจหน้าที่ขอองค์กรอิสระที่ทำให้ทำงานเข้มแข็ง ในรอบปีที่ผ่านมา ผมจึงอยากฝากว่า สำหรับทิศทางการตรวจสอบฝ่ายบริหาร เราเดินมาถูกทิศทางแล้ว องค์กรอิสระน่าจะเป็นที่พึ่งของสังคมไทยได้ ฉะนั้นการดำเนินการใดกับองค์กรอิสระขอให้ช่วยกันจับตา
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช..) กล่าวว่า กรรมการองค์กรอิสระหลายองค์กรที่เป็นผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นที่น่าชังของรัฐบาล เพราะได้ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร อย่างเข้มข้น ขณะที่สถานการณ์การทุจริตคอรัปชั่นของประเทศไทยไม่ได้ลดลง แต่ร้ายแรงและระบาด การจัดเรทติ้งเรื่องการคอรัปชั่นขององค์กรระหว่างประเทศ อย่างเพิร์คในปี 2549-2550 ไทยมีอันดับแย่ลงได้คะแนนอยู่ที่ 7- 8 จุด โดย 0 คือโปร่งใสสุด 10 คือ เลวร้ายสุด
นายวิชา กล่าวว่า ลักษณะการทุจริตที่พบคือ 1. ทุจริตเชิงนโยบาย โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พอ ป.ป.ช.ตรวจ นักการเมืองจึงเกลียดชัง ป.ป.ช. ตื่นมาก็แช่งชักหักกระดูก 2.ทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ คือ ราชการยอมตามใจ ผู้มีอำนาจ เนื่องจากกลัวจะหลุดจากตำแหน่งหรือต้องการได้ตำแหน่งที่สูงขึ้น ป.ป.ช.พบว่า ข้าราชการที่ช่วยเหลือได้รับการอวยตำแหน่ง 3.ทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง พบว่า มีการขาดการเอาใจใส่ในการใช้ระเบียบพัสดุ และยังมีการเอาพวกพ้องเข้ามารับงานถือว่า ผิดกฎหมายฮั้ว 4.ทุจริตในการให้สัมปทานให้กับกลุ่มบุคคลใด กลุ่มบุคคลหนึ่ง 5.ทุจริตโดยการทำลายระบบตรวจสอบอำนาจรัฐ และมีการแทรกแซง
6.การขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือผลประโยชน์ทับซ้อน อันนี้เรื่องใหญ่สุด อาจเปรียบเทียบว่า บุคคลจะรับใช้ซาตานและพระเจ้า ในเวลาเดียวกันไม่ได้ พอ ป.ป.ช.มาตรวจเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่อยู่ในใจของคน อย่าง กรณีรายการ ชิมไปบ่นไป คนสงสัยว่า แค่นี้ผิดด้วยหรือ ตนถือว่า เป็นการชิมลางระหว่างซาตานกับพระเจ้า แม้วิธีคิดเหล่านี้จะไม่ปรากฏในสาระบบของตะวันออก แต่ในประเทศตะวันตก ถือเรื่องนี้สำคัญมาก ถ้าจะก้าวไปเรทติ้งความโปร่งใสดีให้ได้ ก็ต้องแยกให้เป็นระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม
นายวิชา กล่าวอีกว่า ความรุนแรงของการทุจริตคอรัปชั่น อาจเรียกว่าถึงขั้น ฉ้อฉล เพราะทำกันทุกวงการทุกหย่อมหญ้าและแก้ยาก คนมักคิดว่า โกงช่างมัน ขอให้มันทำงานได้ก็แล้วกัน นี่คือรากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งปวง
นอกจากนี้ การยิ่งมีอำนาจยิ่งมีปัญหาเกี่ยวกับทุจริตคอรัปชั่น มีการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม ฉะนั้นเรื่องพวกนี้แยกออกไม่ได้เลยกับเรื่องจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ทั้งนี้ในโลกมีระบบจริยธรรม 2 ระบบ 1.จริยธรรมอยู่ในจิตใจ หากทำผิด ก็ถูกติเตียน อันนี้ใช้กับสังคมที่จิตใจดี ไม่หน้าด้าน ผิดก็ลาออกเอง เช่น อังกฤษ 2.ระบบที่เห็นว่า จริยธรรมเป็นของร้ายแรง ถ้าผิดก็ถือว่าผิดอาญาด้วย อย่างสหรัฐฯ มีคนติดคุกจากประเด็นนี้เป็นทิวแถว
ทั้งนี้ พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัส อย่าให้คนไม่ดีเข้ามาปกครองบ้านเมือง ฉะนั้นต้องวางระบบปราบปรามอย่างเข้มงวด จริงจัง ดำเนินการถึงที่สุด แต่ตอนนี้ก็รับว่า ป.ป.ช. ยังช้าอยู่ เพราะคดีมากท่วมหัว ป.ป.ช. ชุดนี้เข้ามาเจอคดีที่ค้าง เป็นหมื่นคดี ตอนนี้เหลือ 4 พันคดี คดีที่สำคัญ จะเสร็จไม่เกิน 2 เดือนนี้ นอกจากนี้ 1 ใน 3 ของคดีทั้งหมดคือ ทุจริตในองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น คนพวกนี้ เหมือนสามล้อถูกหวย และคิดว่า ไม่เอาพวกตัวเองแล้วจะเอาหมาที่ไหนมาทำ ฉะนั้นต้องวางระบบใหม่ เพราะคนเหล่านี้ต่อไปก็จะเข้ามาเป็นนักการเมืองระดับชาติ หิ้วกระเป๋าตามกันเข้ามา ซึ่งคิดว่า หากป.ป.ช.ตรวจสอบ คงฟันได้หมด 3 พันกว่าแห่ง
ขณะนี้ปัญหาเรื่องกลไกการทำงานขององค์กรอิสระคือ บรรดาพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญขององค์กรอิสระต่างๆ ตอนนี้ได้ข่าวว่าถูกเพ่งเล็งจากฝ่ายการเมือง และจะถูกคว่ำหมด เพราะมีนักการเมืองมากระซิบ มาส่งสัญญาณกับผมว่า กฎหมายของ องค์กรอิสระไม่ผ่านแน่ ดูสัญญาณจากการโหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนุญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรืออย่างร่างพ.ร.บ.ประกอบฯว่าด้วยป.ป.ช. ก็โดนดึงเรื่อง มีการอ้างว่า ต้องให้นายกฯอนุมัติเพราะเป็นกฎหมายการเงิน ตอนนี้ป.ป.ช.ก็คงต้องท้วงไปทางศาลรัฐธรรมนูญ
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวว่า ร่องรอยในการแทรกแซงองค์กรอิสระหาไม่ยาก ดูจาก คตง.คนหนึ่ง พ้นจากตำแหน่ง วันนี้ก็ไปเดินตามนักการเมือง หรือ กรรมการป.ป.ช.คนหนึ่งที่พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากขึ้นเงินเดือนตนเอง วันนี้ก็ได้เป็นบอร์ดองค์การมหาชน สตง.ก็ทักท้วงไปแล้ว เพราะรัฐวิสาหกิจเป็นหน้าเป็นตา แต่การทำอย่างนี้ถือว่า ไม่มีธรรมาภิบาล ทั้งนี้ สตง.พยายามรักษาเงินแผ่นดินไม่ให้เสียหาย แต่วันนี้ก็เป็นการกินกันเชิงนโยบาย มีการบวกเข้าไปเสร็จสรรพแล้ว ฮั้วกันตั้งแต่ต้น มีเจ้าหน้าที่รับไปเอี่ยว มีการใส่เงินทอง ไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว เป็นวงจรอุบาทว์ ถ้าไม่จับมือรับลูกกันระหว่างองค์กรอิสระจะจับทุจริตไม่ได้ ปัญหาคอร์รัปชั่นจะไม่หมดไป
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า ในการพิจารณางบประมาณของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2552 หน่วยงาน 3 แห่งคือ กกต., ป.ป.ช. และสตง. เข้าไปชี้แจง ใช้เวลาไม่นานที่ประชุมบอกไม่มีปัญหา ให้ความเห็นชอบแล้ว แต่กลับไปยังไม่ถึงสำนักงาน ถูกเรียกตัวกลับให้ไปชี้แจงใหม่ โดยระบุว่าประธานคณะกรรมาธิการฯ ตัวจริงมาแล้ว ตอนแรกที่ให้ผ่านงบนั้นเป็นประธานตัวสำรอง และให้รอถึง 2 ทุ่ม แล้วออกมาบอกว่าพิจารณาไม่ทันแล้ว ให้ไปพิจารณต่อในวันอาทิตย์ ปรากฏว่ารอจน ตี 2 ถึงได้ชี้แจง กว่าจะให้ผ่านต้องรอถึงตี 4 ฐานเป็นองค์กรอิสระ ต้องลงโทษหน่อย