xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยซึมลุ้นแก้วิกฤตการเงินUS

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหุ้นไทยซึมรอลุ้นมาตรการแก้วิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ มูลค่าการซื้อขายแค่ 8.5 พันล้านบาท ขณะที่ “ภัทรียา” เอ็มดีตลาดหลักทรัพย์ฯ หวังทีมเศรษฐกิจร่วมมือวิกฤตการเงิน ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก พร้อมชงข้อมูลให้ขุนคลังคนใหม่ใช้ประกอบการตัดสินใจ ระบุ “มอร์แกนฯ – โกลด์แมนฯ” ทิ้งหุ้น 5 หมื่นล้านบาท ไม่กระทบตลาดหุ้นไทย ด้านโบรกเกอร์แนะชะลอซื้อขายหุ้น ผลมาตรการของสหรัฐฯ

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (25 ก.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นลงในกรอบแคบๆ ทั้งแดนบวกและแดนลบ ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบเหงา เพื่อรอดูทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมถึงความชัดเจนของมาตรการบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐฯ ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศยังไม่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 621.35 จุด ต่ำสุด 612.30 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 612.12 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อนเล็กแค่ 0.71 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.11% มูลค่าการซื้อขายรวม 8,569.11 ล้านบาท
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึง คณะรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจชุดใหม่ ว่า บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน ซึ่งจะสามารถดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจการเงินของประเทศได้ ทั้งนี้ การแก้ไขเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง อุตสาหกรรม พาณิชย์ และเกษตร เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทย และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน
ขณะเดียวกัน จะต้องมีการติดตามมาตรการแก้ปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐอเมริกา จะมีผลอย่างไร รวมทั้งจะต้องพิจารณาถึงภาพรวมเศรษฐกิจ เช่น เรื่องอัตราการขยายตัวของจีดีพี อัตราเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน รวมถึงนโยบายการลงทุนของภาครัฐ
สำหรับประเด็นที่ต้องการให้ทางกระทรวงการคลังมีการสนับสนุนในด้านตลาดทุนนั้น ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รายงานเรื่องผลกระทบจากปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ซึ่งทางกระทรวงการคลัง และรัฐบาลต่างประเทศจะต้องติดตามดูปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับสถาบันการอย่างใกล้ชิด รวมทั้งหวังว่า มาตรการของสหรัฐฯ จะช่วยบรรเทาปัญหาหรือส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด
นางภัทรียา กล่าวว่า การหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง วานนี้ (25 ก.ย.) เพื่อระดมความเห็นเกี่ยวกับวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้น เพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมความพร้อมในการรับมือหากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบต่อไทย โดยทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้นำเสนอข้อมูลเชิงเปรียบเทียบตลาดหุ้นไทยกับตลาดหุ้นภูมิภาค
ขณะเดียวกัน ได้นำเสนอข้อมูลเรื่องการดูแลการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งในเรื่องความเสี่ยงของบริษัทหลักทรัพย์ ในด้านการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จินโลน) ซึ่งพบว่ายังไม่น่าเป็นห่วง และมีสัดส่วนที่น้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2540 ขณะที่การทำซอร์ตเซล ก็มีไม่มากนัก โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีมาตรการดูแลที่เข้มงวดและหุ้นที่สามารถขายชอร์ตได้มีเพียง 10 หลักทรัพย์ในดัชนี SET 50 เท่านั้น
นางภัทรียา กล่าวว่า จากการที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังมีการเปลี่ยนแปลงจากนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็น นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช นั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเชิญนายสุชาติ เข้ามาเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย แต่คณะอนุกรรมการที่ตั้งมา 2 ชุดนั้น ยังคงดำเนินงานต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าการจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทยน่าจะเสร็จภายในปีนี้ได้ แต่ในเรื่องเป้าหมายของมาร์เกตแคปตลาดหุ้นไทยจะเป็น 1 เท่าของจีดีพี นั้นก็อาจจะต้องมีการประเมินอีกครั้งหนึ่งว่าจะสามารถทำได้หรือไม่
ส่วนผลกระทบจากวิกฤตการเงินสหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงนั้น นางภัทรียา กล่าวว่า จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงอาจจะทำให้มีการควบรวมกิจการของบริษัทจดทะเบียนมากขึ้น แต่คิดเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนัก เพราะมีขั้นตอนที่ใช้ระยะเวลานาน ในการโอนสินทรัพย์ระหว่างกัน ติดเรื่องกฎหมาย ซึ่งทางคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพื่อที่จะส่งเสริมให้เกิดการควบรวมกิจการมากขึ้นเพื่อที่จะทำให้บริษัทมีความแข็งแรง
สำหรับกรณีที่บริษัท มอร์แกน สแตนเลย์ และโกลด์ แมนแซคส์ จะขายเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทยออกมาประมาณ 50,000 ล้านบาทนั้น คงจะไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนมากนัก เพราะเป็นสัดส่วนที่ต่ำเมื่อเทียบกับมูลค่าตามราคาตลาดรวม (มาร์เกตแคป) รวมทั้งเชื่อว่าจะมีนักลงทุนรายใหม่เข้าไปรับซื้อ หากมีการขายหุ้นออกมาจริง เพราะทั้ง 2 บริษัทเข้าไปลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี
นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าได้ปรับตัวลดลงจากกระแสข่าวว่า สภาครองเกส สหรัฐฯ ไม่อนุมัติมาตรการบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ แต่ช่วงบ่ายได้รับแรงหนุนจากการที่ธนากลางของอังกฤษและออสเตรเลีย อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อแก้ไขปัญหาทางการเงิน ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ โดยมีแนวรับที่ 612 จุด และแนวต้าน 630 จุด ซึ่งนักลงทุนต้องติดตามผลของมาตรการแก้ปัญหาสถาบันการเงินของสหรัฐฯ
นางจิตติมา อังสุวรรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายที่ปรึกษาการลงทุน บล. ฟาร์อีส จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นค่อนข้างซบเซา เพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด ขณะที่แนวโน้มวันนี้ตลาดหุ้นจะยังคงเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนต่างรอผลของมาตรการแก้วิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐฯ ในการอัดฉีดเงิน 7 แสนล้านบาท โดยมีแนวรับที่ 607-614 จุด และแนวต้านที่ 625-605 จุด ดังนั้นนักลงทุนชะลอการลงทุนออกไปก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น