ธุรกิจประกันภัยเชื่อปี 51 เกิดการควบรวมหนีตายแน่ หลัง พ.ร.บ.ใหม่มีผลบังคับใช้ ฟอลคอนประกันภัยระบุยินดีต้อนรับพันธมิตรทุกรายหากมีโอกาสและบริษัทแม่ที่แคนนาดาพร้อมให้การสนับสนุน ระบุธุรกิจประกันภัยยังเติบโตได้ 8-10% ต่อปี เหตุประชาชนเห็นความสำคัญการทำประกันภัยมากขึ้น ขณะที่พอร์ตการลงทุนยังคงเน้นลงในบิ๊กแคปเพราะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานบริหารสูงสุด บริษัท ฟอลคอนประกันภัย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยในปีนี้ภายหลังจากที่พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ประกันวินาศภัย ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้จะทำให้ทิศทางการดำเนินงานของบริษัทประกันภัยในประเทศไทยต่อไป โดยบริษัทประกันภัยขนาดกลางและขนาดเล็กจะต้องมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อให้มีความแข็งแกร่งสามารถแข่งขันในตลาดได้
ซึ่งแนวทางในการเพิ่มทุนของบริษัทประกันภัยขนาดกลางและขนาดเล็กนั้นอาจเห็นการควบรวมกิจการของธุรกิจประกันภัยมากขึ้น จะเห็นได้จากในปีที่ผ่านมาบริษัท ภัทรประกันภัย จำกัด(มหาชน) และบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด ได้ควบรวมกิจการไปก่อนหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมในการแข่งขันแล้ว โดยในส่วนของฟอลคอนประกันภัยเองก็พร้อมที่จะควบรวมกิจการหากมีโอกาสและเจรจาสำเร็จรวมทั้งบริษัทแม่ก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
“หากมีโอกาสและเจรจาสำเร็จเราก็พร้อมที่จะควบรวมเพื่อให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งและขยายฐานการธุรกิจให้มีขนาดใหญ่สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการควบรวมกิจการที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตฟอลคอนจะยังคงรักษากลยุทธ์ในการแข่งขันไว้อย่างต่อเนื่องและเฟ้นหาพันธมิตรที่เมื่อควบรวมกิจการแล้วจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อบริษัททั้งสองที่มีการควบรวมกิจการ” นายโอฬารกล่าว
นายโอฬารกล่าวว่า สำหรับธุรกิจประกันภัยในปี 2551 คาดว่าตลาดจะมีการขยายตัวได้ที่ 8-10% ซึ่งปัจจัยหลักที่จะทำให้อุตสาหกรรมนี้ขยายตัวได้ในระดับนี้คือการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานหรือโครงการเมกกะโปรเจกต์ของรัฐบาลที่จะเป็นปัจจัยหลักทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้บริษัทต่างชาติที่ลงทุนในไทยยังเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นอีกเป็นปัจจัยที่ส่งผลดีต่อธุรกิจประกันภัยมากขึ้น
นอกจากนี้ประชาชนเริ่มเห็นความสำคัญของการทำประกันภัยมากขึ้นโดยเฉพาะการทำประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่ได้รับความนิยมแต่แนวโน้มการขยายตัวจะลดลงจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และบริษัทประกันภัยเองต่างพัฒนาสินค้าออกมาให้มีรูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ครอบคลุมทุกกลุ่มโดยเฉพาะกรมธรรม์ความรับผิดชอบต่อวิชาชีพที่ได้รับความนิยมจากประชาชนมากขึ้น
ในส่วนของพอร์ตการลงทุนของฟอลคอนประกันภัยนั้นพอร์ตการลงทุนมีขนาดประมาณ 200 ล้านบาทมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นสูงกว่า 50% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด แม้ว่าในช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนมากแต่ก็ไม่กระทบต่อพอร์ตการลงทุนของฟอลคอนมากนัก ทั้งนี้หุ้นที่ฟอลคอนลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นบิ๊กแคปโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีอัตราผลตอบแทนที่ดีเป็นที่น่าพอใจ
นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานบริหารสูงสุด บริษัท ฟอลคอนประกันภัย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยในปีนี้ภายหลังจากที่พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ประกันวินาศภัย ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้จะทำให้ทิศทางการดำเนินงานของบริษัทประกันภัยในประเทศไทยต่อไป โดยบริษัทประกันภัยขนาดกลางและขนาดเล็กจะต้องมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อให้มีความแข็งแกร่งสามารถแข่งขันในตลาดได้
ซึ่งแนวทางในการเพิ่มทุนของบริษัทประกันภัยขนาดกลางและขนาดเล็กนั้นอาจเห็นการควบรวมกิจการของธุรกิจประกันภัยมากขึ้น จะเห็นได้จากในปีที่ผ่านมาบริษัท ภัทรประกันภัย จำกัด(มหาชน) และบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด ได้ควบรวมกิจการไปก่อนหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมในการแข่งขันแล้ว โดยในส่วนของฟอลคอนประกันภัยเองก็พร้อมที่จะควบรวมกิจการหากมีโอกาสและเจรจาสำเร็จรวมทั้งบริษัทแม่ก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
“หากมีโอกาสและเจรจาสำเร็จเราก็พร้อมที่จะควบรวมเพื่อให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งและขยายฐานการธุรกิจให้มีขนาดใหญ่สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการควบรวมกิจการที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตฟอลคอนจะยังคงรักษากลยุทธ์ในการแข่งขันไว้อย่างต่อเนื่องและเฟ้นหาพันธมิตรที่เมื่อควบรวมกิจการแล้วจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อบริษัททั้งสองที่มีการควบรวมกิจการ” นายโอฬารกล่าว
นายโอฬารกล่าวว่า สำหรับธุรกิจประกันภัยในปี 2551 คาดว่าตลาดจะมีการขยายตัวได้ที่ 8-10% ซึ่งปัจจัยหลักที่จะทำให้อุตสาหกรรมนี้ขยายตัวได้ในระดับนี้คือการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานหรือโครงการเมกกะโปรเจกต์ของรัฐบาลที่จะเป็นปัจจัยหลักทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้บริษัทต่างชาติที่ลงทุนในไทยยังเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นอีกเป็นปัจจัยที่ส่งผลดีต่อธุรกิจประกันภัยมากขึ้น
นอกจากนี้ประชาชนเริ่มเห็นความสำคัญของการทำประกันภัยมากขึ้นโดยเฉพาะการทำประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่ได้รับความนิยมแต่แนวโน้มการขยายตัวจะลดลงจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และบริษัทประกันภัยเองต่างพัฒนาสินค้าออกมาให้มีรูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ครอบคลุมทุกกลุ่มโดยเฉพาะกรมธรรม์ความรับผิดชอบต่อวิชาชีพที่ได้รับความนิยมจากประชาชนมากขึ้น
ในส่วนของพอร์ตการลงทุนของฟอลคอนประกันภัยนั้นพอร์ตการลงทุนมีขนาดประมาณ 200 ล้านบาทมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นสูงกว่า 50% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด แม้ว่าในช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนมากแต่ก็ไม่กระทบต่อพอร์ตการลงทุนของฟอลคอนมากนัก ทั้งนี้หุ้นที่ฟอลคอนลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นบิ๊กแคปโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีอัตราผลตอบแทนที่ดีเป็นที่น่าพอใจ
