เช้าวานนี้ นายสมัคร สุนทรเวช ผู้ซึ่งเพิ่งด่าทอสื่อมวลชนที่เฝ้ารอทำข่าวเสียๆ หายๆ เมื่อไม่กี่วันมานี้กลับแสดงอาการกระเหี้ยนกระหือรือที่จะให้ข่าวโดยเป็นฝ่ายเดินเข้าหานักข่าวเอง
นายสมัครมีทีท่าฉุนเฉียวรีบพ่นคำที่ระคายหู ไม่เฉพาะแต่จะระราน ‘หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน’ ฉบับประจำวันอังคาร (5 ส.ค.) ที่นำเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเองด้วยการพาดหัวข่าวว่า “หมักติดหนวดเขียนเอง รธน.” แล้วก็แถมพ่วงไปถึงพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเจาะจงกล่าวข่มขู่ผู้มาชุมนุมที่ใส่เสื้อยืดเขียนข้อความว่า “ลูกจีนรักชาติ” โดยเฉพาะ!
“ใส่เสื้อปลุกระดมลูกจีนมากู้ชาติ ผมกำลังให้สันติบาลเขาดำเนินการเรื่องนี้อยู่ มันเกินเขตเกินขอบไปแล้ว ผมขอเตือนเอาไว้ก่อน เดี๋ยวจะหาว่าไม่รู้”
คนฟังแล้วก็ชวนให้เข้าใจได้ว่า 1. นายสมัครกำลังกล่าวหาว่าพันธมิตรฯ ว่า ปลุกระดมก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างเชื้อชาติ และ 2. การสวมเสื้อยืดที่เขียนคำว่า “ลูกจีนรักชาติ” นั้น เป็นสิ่งผิด
ประเด็นแรกไม่เชื่อว่านายสมัครจะโง่ หรือแกล้งโง่ที่ไม่รู้เลยหรือว่า การชุมนุมของประชาชนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เอาแค่การชุมนุมรอบใหม่ที่ผ่านมา 70 กว่าวันแล้วนั้นมีจุดมุ่งหมายอะไร
ที่ผ่านมา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแสดงสิทธิชุมนุมตามกฎหมาย และได้พิสูจน์ให้สังคมเห็นแล้วว่า ประชาชนจำนวนเรือนหมื่นเรือนแสนที่หมุนเวียนกันมาชุมนุมล้วนแต่มีความตั้งใจแสดงออกถึงความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
อันความดี ความจงรักภักดี ก็ดี มีข้อจำกัด มีขอบมีเขตด้วยหรือ?
ถามว่า มวลชนที่มาก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างเชื้อชาติมั้ย? ยิ่งเห็นชัดว่า ผู้มาชุมนุมหรือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่อยู่ทุกภาคของประเทศมีความหลากหลายยิ่ง
พวกเขาเหล่านี้มารวมพลังแสดงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ก็ไม่ได้เกิดมาจากความสัมพันธ์เป็นญาติสนิท หรือแบ่งเขาแบ่งเรา แยกเป็นหมู่เหล่า เผ่าพันธุ์ใดเผ่าพันธุ์หนึ่ง ต่างก็มาจากร้อยพ่อพันแม่ ต่างเชื้อชาติ แต่มายึดโยงกันด้วยความปรารถนาเดียวกัน
ตรงไหนที่นายสมัครคิดว่า แตกแยก?
ต้องไม่ลืมว่า ‘ลูกจีน’ ปัจจุบันเป็นคำเรียกหาเพื่อให้ทราบถึงที่มาของบรรพชน แต่ความเป็นจริงลูกจีนหรือลูกไทยแทบจะแยกแยะไม่ออกเพราะกลมกลืนกันหมดแล้ว ซึ่งค่อยๆ กลืนกันมาตั้งแต่ พ.ศ. 2513 โดยลูกหลานจีนที่เกิดในไทยมากกว่า 90 % ถือสัญชาติไทยโดยสมบูรณ์**
ย้อนหลังกลับไปไกลกว่านั้นสมัยกรุงธนบุรี นายสมัครคงไม่ปฏิเสธประวัติศาสตร์การกู้ชาติขณะนั้นกระมังว่า ลูกจีนหรือไทยก็รวมเป็นหนึ่งมาก่อนมิใช่หรือ ยังจำได้หรือไม่ว่า แม่ทัพไทยที่มีเชื้อสายจีนที่ชื่อ “สิน” บิดามีนามว่า “ไหฮอง” เป็นชาวจีนแต้จิ๋ว ขณะที่มารดาของท่านนาม นกเอี้ยง เป็นชาวสยาม ต่อมาสามารถกอบกู้เอกราชให้ไทยได้สำเร็จ แล้วต่อมาได้ครองราชย์เป็นพระเจ้าตากสินมหาราช หรือที่ชาวจีนขนานนามว่า แต้อ๊วง!
ดังนั้น ไม่แปลก ไม่ใช่ปัญหา หรือเป็นเรื่องที่แตกแยกระหว่างเชื้อชาติ หากลูกหลานจีนอย่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่บิดาใช้ แซ่โล้ว มารดาใช้แซ่จิว ตามคุณตากุ๊กกู แซ่จิว หรือสนธิ ลิ้มทองกุล ที่เกิดจะเติบโตมาในครอบครัว คนไทยแซ่ลิ้มเชื้อสายจีนไหหลำ จะร่วมกับพี่น้องชาวไทยทุกเชื้อชาติ ตอบแทนคุณแผ่นดิน
ประเด็นที่สอง ถือเป็นความโชคร้ายของตำรวจสันติบาลที่หากได้รับคำสั่งนี้จากนายสมัครให้ไปจับผิดคนใส่เสื้อ “ลูกจีนรักชาติ” จริง
เชื่อเถอะว่า เสียเวลาเปล่า เพราะวันเดียวกันนี้ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร.ก็ยอมรับแล้วว่า ไม่รู้จะเข้าข่ายความผิดไหน ความผิดไม่ชัดเจน ไม่เหมือนการใส่เสื้อที่มีรูปลามกซึ่งผิดชัดเจน
สันติบาลควรจะมีเรื่องที่สำคัญมากกว่านี้ทำ อาทิ หาข้อมูลเชิงลึกของ “แก๊งออฟโฟร์” ที่ปรากฏเป็นข่าวว่า กระทำตัวเยี่ยงมาเฟีย ควบคุมจัดสรรซื้อขายเก้าอี้ รมว.กันเอิกเกริก
สันติบาลควรถูกมอบหมายให้ไปสืบข้อมูลของสตรีคนหนึ่งที่ถูกระบุว่าเป็นเจ้าของเต็นท์รถมือสองแต่เข้านอกออกในทำเนียบรัฐบาลทำตัวเป็นนายหน้า หรือกระทั่งเป็นแหล่งฟอกเงินของบรรดานักการเมืองเลว
สันติบาลควรไปสืบกรณีที่ลูกพรรคของนายสมัครออกมาสาวไส้กันเองว่า คนยิ่งใหญ่ในซีกรัฐบาลแอบหากินกับโครงการรถเมล์จีน 6,000 คัน โดยลงทุนบินไปเจรจาล็อบบี้กันถึงฮ่องกง
เงื่อนงำเหล่านี้นายสมัครในฐานะเป็นหัวหน้ารัฐบาล และหัวหน้าพรรคพลังประชาชนไม่เคยเปิดเผยให้สาธารณะได้หายข้องใจ
สุดท้ายแล้วพฤติกรรมของนายสมัครในห้วงเวลานี้ ตั้งแต่หยิบเอาเรื่องเข้าส้วมที่ตลาดสดมาด่านักข่าว หาเรื่องพันธมิตรฯ ปูดประเด็นเล็ก ประเด็นน้อยเรื่องนั้นเรื่องนี้ เฉไฉ แชเชือนไปเรื่อยๆ ทุกกิริยาที่กระทำขึ้นมาแบบจงใจจะให้สังคมเชื่อว่า ‘บ้า’ นั้น เข้าใจได้อย่างเดียวว่า ทำไปก็เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องใหญ่ที่ตนเองปิดไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ใช่หรือไม่?
อุปมาเหมือนนายสมัครเป็นคนที่กำลังร้อนลนหาใบบัวมาปิดช้างเน่าทั้งตัวที่ส่งกลิ่นโชยได้ที่แล้ว
ถามว่า ปิดได้หรือ?
-----------------------
**ข้อมูลเรื่องคนไทยเชื้อสายจีนบางส่วนอ้างอิงจาก วิกิพีเดีย
ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อก http://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail suwitcha@manager.co.th
นายสมัครมีทีท่าฉุนเฉียวรีบพ่นคำที่ระคายหู ไม่เฉพาะแต่จะระราน ‘หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน’ ฉบับประจำวันอังคาร (5 ส.ค.) ที่นำเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเองด้วยการพาดหัวข่าวว่า “หมักติดหนวดเขียนเอง รธน.” แล้วก็แถมพ่วงไปถึงพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเจาะจงกล่าวข่มขู่ผู้มาชุมนุมที่ใส่เสื้อยืดเขียนข้อความว่า “ลูกจีนรักชาติ” โดยเฉพาะ!
“ใส่เสื้อปลุกระดมลูกจีนมากู้ชาติ ผมกำลังให้สันติบาลเขาดำเนินการเรื่องนี้อยู่ มันเกินเขตเกินขอบไปแล้ว ผมขอเตือนเอาไว้ก่อน เดี๋ยวจะหาว่าไม่รู้”
คนฟังแล้วก็ชวนให้เข้าใจได้ว่า 1. นายสมัครกำลังกล่าวหาว่าพันธมิตรฯ ว่า ปลุกระดมก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างเชื้อชาติ และ 2. การสวมเสื้อยืดที่เขียนคำว่า “ลูกจีนรักชาติ” นั้น เป็นสิ่งผิด
ประเด็นแรกไม่เชื่อว่านายสมัครจะโง่ หรือแกล้งโง่ที่ไม่รู้เลยหรือว่า การชุมนุมของประชาชนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เอาแค่การชุมนุมรอบใหม่ที่ผ่านมา 70 กว่าวันแล้วนั้นมีจุดมุ่งหมายอะไร
ที่ผ่านมา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแสดงสิทธิชุมนุมตามกฎหมาย และได้พิสูจน์ให้สังคมเห็นแล้วว่า ประชาชนจำนวนเรือนหมื่นเรือนแสนที่หมุนเวียนกันมาชุมนุมล้วนแต่มีความตั้งใจแสดงออกถึงความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
อันความดี ความจงรักภักดี ก็ดี มีข้อจำกัด มีขอบมีเขตด้วยหรือ?
ถามว่า มวลชนที่มาก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างเชื้อชาติมั้ย? ยิ่งเห็นชัดว่า ผู้มาชุมนุมหรือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่อยู่ทุกภาคของประเทศมีความหลากหลายยิ่ง
พวกเขาเหล่านี้มารวมพลังแสดงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ก็ไม่ได้เกิดมาจากความสัมพันธ์เป็นญาติสนิท หรือแบ่งเขาแบ่งเรา แยกเป็นหมู่เหล่า เผ่าพันธุ์ใดเผ่าพันธุ์หนึ่ง ต่างก็มาจากร้อยพ่อพันแม่ ต่างเชื้อชาติ แต่มายึดโยงกันด้วยความปรารถนาเดียวกัน
ตรงไหนที่นายสมัครคิดว่า แตกแยก?
ต้องไม่ลืมว่า ‘ลูกจีน’ ปัจจุบันเป็นคำเรียกหาเพื่อให้ทราบถึงที่มาของบรรพชน แต่ความเป็นจริงลูกจีนหรือลูกไทยแทบจะแยกแยะไม่ออกเพราะกลมกลืนกันหมดแล้ว ซึ่งค่อยๆ กลืนกันมาตั้งแต่ พ.ศ. 2513 โดยลูกหลานจีนที่เกิดในไทยมากกว่า 90 % ถือสัญชาติไทยโดยสมบูรณ์**
ย้อนหลังกลับไปไกลกว่านั้นสมัยกรุงธนบุรี นายสมัครคงไม่ปฏิเสธประวัติศาสตร์การกู้ชาติขณะนั้นกระมังว่า ลูกจีนหรือไทยก็รวมเป็นหนึ่งมาก่อนมิใช่หรือ ยังจำได้หรือไม่ว่า แม่ทัพไทยที่มีเชื้อสายจีนที่ชื่อ “สิน” บิดามีนามว่า “ไหฮอง” เป็นชาวจีนแต้จิ๋ว ขณะที่มารดาของท่านนาม นกเอี้ยง เป็นชาวสยาม ต่อมาสามารถกอบกู้เอกราชให้ไทยได้สำเร็จ แล้วต่อมาได้ครองราชย์เป็นพระเจ้าตากสินมหาราช หรือที่ชาวจีนขนานนามว่า แต้อ๊วง!
ดังนั้น ไม่แปลก ไม่ใช่ปัญหา หรือเป็นเรื่องที่แตกแยกระหว่างเชื้อชาติ หากลูกหลานจีนอย่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่บิดาใช้ แซ่โล้ว มารดาใช้แซ่จิว ตามคุณตากุ๊กกู แซ่จิว หรือสนธิ ลิ้มทองกุล ที่เกิดจะเติบโตมาในครอบครัว คนไทยแซ่ลิ้มเชื้อสายจีนไหหลำ จะร่วมกับพี่น้องชาวไทยทุกเชื้อชาติ ตอบแทนคุณแผ่นดิน
ประเด็นที่สอง ถือเป็นความโชคร้ายของตำรวจสันติบาลที่หากได้รับคำสั่งนี้จากนายสมัครให้ไปจับผิดคนใส่เสื้อ “ลูกจีนรักชาติ” จริง
เชื่อเถอะว่า เสียเวลาเปล่า เพราะวันเดียวกันนี้ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร.ก็ยอมรับแล้วว่า ไม่รู้จะเข้าข่ายความผิดไหน ความผิดไม่ชัดเจน ไม่เหมือนการใส่เสื้อที่มีรูปลามกซึ่งผิดชัดเจน
สันติบาลควรจะมีเรื่องที่สำคัญมากกว่านี้ทำ อาทิ หาข้อมูลเชิงลึกของ “แก๊งออฟโฟร์” ที่ปรากฏเป็นข่าวว่า กระทำตัวเยี่ยงมาเฟีย ควบคุมจัดสรรซื้อขายเก้าอี้ รมว.กันเอิกเกริก
สันติบาลควรถูกมอบหมายให้ไปสืบข้อมูลของสตรีคนหนึ่งที่ถูกระบุว่าเป็นเจ้าของเต็นท์รถมือสองแต่เข้านอกออกในทำเนียบรัฐบาลทำตัวเป็นนายหน้า หรือกระทั่งเป็นแหล่งฟอกเงินของบรรดานักการเมืองเลว
สันติบาลควรไปสืบกรณีที่ลูกพรรคของนายสมัครออกมาสาวไส้กันเองว่า คนยิ่งใหญ่ในซีกรัฐบาลแอบหากินกับโครงการรถเมล์จีน 6,000 คัน โดยลงทุนบินไปเจรจาล็อบบี้กันถึงฮ่องกง
เงื่อนงำเหล่านี้นายสมัครในฐานะเป็นหัวหน้ารัฐบาล และหัวหน้าพรรคพลังประชาชนไม่เคยเปิดเผยให้สาธารณะได้หายข้องใจ
สุดท้ายแล้วพฤติกรรมของนายสมัครในห้วงเวลานี้ ตั้งแต่หยิบเอาเรื่องเข้าส้วมที่ตลาดสดมาด่านักข่าว หาเรื่องพันธมิตรฯ ปูดประเด็นเล็ก ประเด็นน้อยเรื่องนั้นเรื่องนี้ เฉไฉ แชเชือนไปเรื่อยๆ ทุกกิริยาที่กระทำขึ้นมาแบบจงใจจะให้สังคมเชื่อว่า ‘บ้า’ นั้น เข้าใจได้อย่างเดียวว่า ทำไปก็เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องใหญ่ที่ตนเองปิดไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ใช่หรือไม่?
อุปมาเหมือนนายสมัครเป็นคนที่กำลังร้อนลนหาใบบัวมาปิดช้างเน่าทั้งตัวที่ส่งกลิ่นโชยได้ที่แล้ว
ถามว่า ปิดได้หรือ?
-----------------------
**ข้อมูลเรื่องคนไทยเชื้อสายจีนบางส่วนอ้างอิงจาก วิกิพีเดีย
ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อก http://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail suwitcha@manager.co.th