xs
xsm
sm
md
lg

“ณัฐวุฒิ” เล่นลิ้น “หุ่นเชิด” ไม่ออก กม.เผด็จการ!-อ้างเป็นสิทธิ ส.ส.เสนอ “คุมม็อบ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ณัฐวุฒิ ไสเกื้อ
“ณัฐวุฒิ” ตีโวหาร อ้าง “หุ่นเชิด” ไม่เผด็จการ ออก กม.ลิดรอนเสรีภาพ ปชช. แต่ป็นสิทธิของ ส.ส.ที่จะเสนอร่าง กม.ควบคุมการชุมนุม ฉุนจัดโดนตั้งข้อสงสัย “งาน 116 วัน” ด่ากราดพันธมิตรฯ ทำลาย 3 สถาบันหลักของชาติ ปวดใจโดนเหน็บผลงานออกฎหมายน้อยกว่ารัฐบาล คมช.กัด “สาทิตย์” ยอมสยบเผด็จการ

วันนี้ (7 ส.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงตอบโต้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ตั้งข้อสังเกตถึงการจัดงาน 116 วัน จากวันแม่ถึงวันพ่อของรัฐบาลว่ามีอะไรแอบแฝง โดยเฉพาะมองว่าเป็นความจงใจให้กระทบต่อเวทีพันธมิตรฯ หรือไม่ ว่า นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากคนที่ถือได้ว่าผ่านโรงเรียนของนายทหารระดับสูง ออกมาจากคนที่เคยรับราชการเป็นทหารของพระราชาในระดับชั้นยศนาย พลตรี ที่มาตั้งแง่ ตั้งข้อสงสัยทางการเมืองกับการจัดงานมหามงคลที่ต้องการสร้างความรักความสามัคคีให้คนในชาติอย่างนี้

อยากให้กลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งสติ และพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานนี้อย่างสร้างสรรค์ และขอเรียกร้องให้ยุติความคิดตั้งแง่กับงานมหามงคลที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย และอยากให้เข้าใจว่า ถนนนั้น ชื่อว่า ถนนราชดำเนิน ซึ่งชื่อถนนก็ชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งการจัดงานสำคัญๆ ของบ้านเมืองก็ล้วนแต่จัดที่ถนนนั้นมาแล้วทั้งสิ้น จึงอยากให้เข้าใจ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า พันธมิตรฯ กำลังทำลาย 3 สถาบันหลักของประเทศ ทำลายสถาบันชาติ ได้แก่ การไปสร้างกระแสให้เกิดความบาดหมางในบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยพยายามพูดบนเวทีเหมือนต้องการเรียกร้องให้มีการประทะกัน เพื่อชิงคืนดินแดนที่พูดกันว่าเป็นดินแดนของไทย และยังมีการปลุกระดมบนเวทีคนไทยเชื้อสายจีนให้ออกมาคัดค้านรัฐบาล ปลุกกระแสคนจีนรักชาติ ซึ่งสร้างความสับสนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก

ส่วนการทำลายศาสนา ได้แก่ การชักจูง ชักชวนให้คนมากราบไหว้ลัทธิสันติอโศก ชักชวนให้มาใส่บาตร ขณะที่พระสงฆ์ไทยที่ดำรงตามพระพุทธศาสนา ออกมาเตือนในเรื่องของการใช้คำพูดบนเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ กลับถูกออกมาโต้ตอบ นี่ก็ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเช่นกัน ส่วนการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น กลุ่มพันธมิตรฯ พยายามสร้างความไม่เข้าใจ โดยประกาศว่าตัวเองมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่คนอื่นที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามถือว่าไม่จงรักภักดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ทุกคนรู้ดีว่าเป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องมาร้องป่าวประกาศ ดังนั้น จึงอยากให้กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ทบทวน

นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึง พ.ร.บ.ควบคุมการชุมนุม ที่มี ส.ส.จะเสนอให้สภาได้พิจารณาว่า ความจริงแล้วเป็นสิทธิของ ส.ส.ที่สามารถเสนอได้ ซึ่งในชั้นนี้ยังเป็นเพียงขั้นตอนการเตรียมการเสนอ ซึ่งยังมีขั้นตอนอีกมาก ดังนั้น อยากให้เข้าใจว่ารัฐบาลที่มาจากประชาชน จะไม่มีทางนำเสนอกฎหมายที่มีเนื้อหาสาระหรือแนวคิดเป็นเผด็จการอันจะลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างเด็ดขาด

อนึ่ง การจัดงาน 116 วันนั้น นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีได้พูดเปิดประเด็นไว้ในรายการ"สนทนาประสาสมัคร"เมื่อวันอาทิตย์(3ส.ค.)ที่ผ่านมา และได้นำความกราบบังคมทูลฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวระหว่างการนำรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่าเพื่อให้คนไทยยุติความแตกแยกออกเป็นฝักฝ่าย อย่างไรก็ตาม โดยนัยที่พูดหมายถึงให้การพันธมิตรฯ ยุติการชุมนุมขับไล่รัฐบาล ซึ่งกรณีดังกล่าว พล.ต.จำลอง มีความเห็นการว่าการจัดงานเพื่อแสดงความจงรักภักดีนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่รัฐบาลไม่ควรจะมีวัตถุประสงค์แอบแฝงเพื่อสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ

ขณะที่ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ อีกคนกล่าวว่า รัฐบาลควรจะมีความจริงใจในการจัดงานดังกล่าว และไม่นำสถาบันมาเป้นเครื่องมือทางการเมือง และหากรัฐบาลต้องการสมานฉันท์จริงๆ ต้องประกาศยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เลิกคอร์รัปชั่น และหยุดแทรกแซงองค์กรอิสระ ที่เป้ฯต้นตอของปัญหาจะดีกว่า

นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานวิปฝ่ายค้าน ที่แสดงความเห็นว่า ในสมัยรัฐบาลที่มาจาก คมช.สภานิติบัญญัติออกกฎหมายได้มากกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชุดนี้เสียอีกว่า ถ้าคำพูดนี้ออกมาจากเป็นคำพูดของคณะยึดอำนาจ หรือในคณะรัฐประหาร ก็ไม่น่าแปลกใจ แต่ตนไม่คิดว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดและยึดมั่นในระบบรัฐสภาตลอดมา ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะ สนช.ชุดที่ผ่านมาผ่านกฎหมายออกมา 211 ฉบับ แต่มีถึง 177 ฉบับ ที่ผ่านออกมาโดยองค์ประชุมไม่ครบ ซึ่งหากเป็นสภาที่มาจากการเลือกตั้ง ถ้าองค์ประชุมไม่ครบจะไม่สามารถผ่านกฎหมายออกมาได้เลย

“การพูดเช่นนี้ออกมาเป็นการแสดงซากทัศนะที่สยบยอมต่อระบอบเผด็จการของพรรคประชาธิปัตย์อย่างน่าเสียใจ และหากประชาธิปัตย์ยังมีทัศนะเช่นนี้ก็เป็นเรื่องยากลำบากในการพัฒนาประชาธิปไตยให้เกิดความแข็งแรงและมั่นคงสำหรับสังคมไทยในอนาคตและที่ผมต้องพูดวันนี้ เพราะประธานาธิบดียังอยู่ในประเทศไทย อาจจะได้ทราบข้อมูลได้ และคำพูดเช่นนี้แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่อาย แต่ผมอนุญาตอายแทน ที่ระดับประธานวิปฝ่ายค้านไปยกย่องสภาเผด็จการว่ามีผลงาน มีประโยชน์มากกว่าสภาที่มาจากการเลือกตั้ง” นายณัฐวุฒิ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันที่ได้จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.50 ที่ผ่านมา ซึ่งมีอายุการทำงานประมาณ 7 เดือนแล้วนั้น ยังไม่สามารถผ่านกฎหมายออกมาได้แม้แต่ฉบับเดียว เนื่องจากพรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลมุ่งความสนใจไปที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะหลังจากที่ผู้บริหารพรรคได้ใบแดงซึ่งอาจจะนำไปสู่การยุบพรรค การทำงานของสภาจึงมุ่งไปที่การเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้พรรคร่วมรัฐบาลพ้นจากความผิดก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ทั้งที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนเคยบอกว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนครบวาระการดำรงตำแหน่งจองรัฐบาล

ขณะเดียวกัน ร่างกฎหมายที่เร่งเสนอเข้าสู่สภากลับเป็นร่างกฎหมายที่มีลักษณะลิดรอนเสรีภาพของประชาชาชน นั่นคือ ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบการชุมนุมสาธารณะ ซึ่งมีหลักการคือประชาชนต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่รัฐก่อนจึงจะจัดชุมนุมได้ ยกเว้นการชุมนุมที่ฝ่ายรัฐจัดขึ้น ทำให้ถูกมองว่าต้องการจะออกกฎหมายฉบับนี้มาเพื่อสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ โดยเฉพาะ

นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวยังเคยถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่แต่งตั้ง โดย คมช.ตีตกไปแล้ว เพราะขัดกับหลักสิทธิเสรีภาพขชองประชาชน แต่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน กลับไปหยิบเอากฎหมายที่มีลักษณะเผด็จการกลับมาพิจารณาใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น