xs
xsm
sm
md
lg

"หมัก"ขี้เท่อแหกตา ปชช. "กล้านรงค์"ถอนหงอก ป.ป.ช.ไม่ต้องถวายสัตย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน- "หมัก"พาลแหลกหลังเจอมรสุมการเมืองรุมเร้า ซัดสื่อมวลชนไว้วางใจไม่ได้ ฉุนทำเหมือนคณะรัฐมนตรีเป็นสัตว์นรกมาจากไหนจ้องโจมตีอย่างเดียว โชว์ขี้เท่อป.ป.ช.เป็นองค์กรเถื่อน ยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ แค่นจะมาถอดถอนครม.ที่ถวายสัตย์ฯ มาแล้ว อ้างคำพระ ต้องดับทุกข์ที่เหตุ ดังนั้นจะต้องแก้รธน. "กล้านรงค์" กางกฎหมายสอนนายกฯยัน รธน. 40/50 กำหนดป.ป.ช. และองค์กรอิสระไม่ต้องเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อป.ป.ช.รับเรื่องถอดถอน รัฐมนตรีก็ยังไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ "เลขาฯสมาคมนักข่าวฯ" ตอก"หมัก" ชอบโยนความผิดให้สื่อ

หลังจาก นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ปิดปากไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงปัญหาทางการเมืองที่รุมเร้ารัฐบาลมาเกือบตลอดสัปดาห์ โดยจะขอมาพูดคนเดียว ในรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ออกอากาศทางช่อง NBT และวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งจากปกติรายการดังกล่าวใช้เวลา 1ชม. คือช่วงเวลา 08.30 - 09.30 น. แต่ครั้งนี้ นายสมัครพูดในรายการถึงเวลา 10.05 น. ใช้เวลาเกินมากำหนดถึง 35 นาที

นายสมัคร เริ่มรายการด้วยการอธิบายว่า เป็นการเลือกที่ถูกต้องแล้วที่ตนไม่ตอบคำถามสื่อ ไม่ตอบโต้ ทั้งๆที่มีปัญหาเรื่องสถานการณ์ของบ้านเมืองต่างๆมากมาย ทั้งนี้ เพราะจดหมายบอกว่า อย่าไปร้ายกับทางฝ่ายข่าวเขาเลย อย่าเอาสื่อมาตำหนิ แต่สื่อกลับเสนอข่าวตนด้วยการใช้ถ้อยคำที่รุนแรง

"วันดีคืนดีลงรูปนายกรัฐมนตรียืนอย่างนี้ พาดหัวว่าไร้ยางอาย หนังสือพิมพ์ประเทศไหนครับที่เขาทำอย่างนี้ เอานายกรัฐมนตรีมาขึ้น แล้วใส่ว่าไร้ยางอาย เห็นไหมครับ เพราะอย่างนี้ เพราะทำกันแบบไม่มีหูรูดอย่างนี้ ทำกันเหมือนว่าคณะรัฐมนตรีเป็นสัตว์นรกมาจากภาคไหน อย่างไร ต่างๆ จะทำอะไรอย่างไร จะเหยียบย่ำเขา" นายสมัคร กล่าว พร้อมกับโชว์หนังสือสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับที่พาดหัวข่าวว่า "ไร้ยางอาย" โดยมีรูปของนายสมัครอยู่บนปกด้วย

นายสมัคร กล่าวด้วยว่า เมื่อสื่อในบ้านเมืองเราเป็นอย่างนี้ ตนจึงขออนุญาต ไม่ไว้วางใจสื่อ โดยได้ตรวจรัฐธรรมนูญแล้ว ไม่มีรัฐธรรมนูญไหนห้าม เมื่อตนไม่ไว้วางใจ ก็ไม่ให้สัมภาษณ์ ห้ามใจรอ 7 วันค่อยมาพูดกันที ที่ขอพูดวันนี้เพราะต้องการให้คนทั้งประเทศได้มานั่งฟังนายกฯ ได้พูดจาจากปากนายกฯ เข้าหูท่านผู้ฟังที่ฟังอยู่โดยตรง ไม่ต้องผ่านสื่อ

"นี่คนพวกนี้นี่ไม่ใช่เจ้าของประเทศหรือ พูดไป 10 จะออกถูกอยู่ 1 หรือ 2 แล้ว 8 ละครับ นี่ผมเป็นคนหน้าตาไร้ยางอายอย่างนี้สิผิด เวลาเขียนกันมาที บอกว่าผมหน้าตาเหมือนหมู เหมือนหมา จะเขียนการ์ตูนว่ากล่าวอะไรต่ออะไร ทำกันตามใจชอบ สิทธิเสรีภาพของคุณ แต่ผมจะใช้เสรีภาพของผม เพียงแต่ว่าผมขอไม่ไว้วางใจ ก็เลยจะพูดเอง ต้องรอมา 08.30 น. วันอาทิตย์ ถูกต้องครับ มันยังไม่ถึงกับล่มสลายอะไรลงไป" นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายสมัคร กล่าวว่า สื่อสารมวลชนยุคนี้ ไม่ชอบรัฐบาล เมื่อไม่ชอบรัฐบาลก็พยายามเขียนข่าวให้ร้ายรัฐบาล ดังนั้นหากประชานต้องการมีสุขภาพจิตที่ดี ก็ต้องเลิกอ่านหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ก็ควรเลือกดู

"ขี้เท่อ" ป.ป.ช.ไม่ได้ถวายสัตย์ฯ

ต่อมานายสมัครได้กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีมีปัญหาต้องออกจากตำแหน่ง ทั้งนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข รวมทั้ง นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ที่โดนใบแดง คิวต่อไปตนเองก็จะต้องโดน

"ไม่กี่วันนายสมัครฯ ต้องตายแน่ เพราะอะไร เพราะว่าคนอย่างนี้ คนนั้น วุฒิสมาชิก 77 คน ยื่นได้ แต่ทราบไหมว่า ทำไมเขาถอน เขาจะเอาไปยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.) แล้วทำไมเขาถอน เพราะว่า 150 คน จะวินิจฉัยต้องการ 90 ต้องการ 90 คนที่จะเอามาเอาตนออก เห็นไหม ถ้าเอาไปยื่นถ้าเขารับปั๊บพอ ป.ป.ช. สั่งพั๊วะ นายสมัครฯ ต้องหยุดทำงานทันที ถ้าเล่นทั้ง ครม.ครม. ทั้งคณะหยุดทันที "

นายสมัคร ยังกล่าวเปรียบเทียบที่มาของรัฐบาล กับ ป.ป.ช.ว่า คณะรัฐบาลมาจากเลือกตั้ง ถูกต้องตามกฎหมาย ได้เสียงข้างมาก 233 บวก อีก 5 พรรคเป็น 316 ทางฝ่ายค้าน 164 ก็อยู่บริหารบ้านเมืองถูกต้อง ขณะที่ ป.ป.ช. ด้วยคณะของคุณไม่ถูกต้องตามกฎหมายเพราะคุณเป็นองค์กรอิสระ คุณต้องถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนทำหน้าที่ คณะคุณไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ คุณไปตรวจดูสิ คณะคุณไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ คุณยังทำหน้าที่

"ทางผมคณะผม ถวายสัตย์ปฏิญาณ ผมทำถูกต้องตามกฎหมาย แล้ววันนี้ละครับมีกฎหมายเปิดช่อง แต่จะเอาคณะทั้งผม เอาไปยื่นให้ป.ป.ช. แล้ว ป.ป.ช. ก็จะลงมติบอกว่า รับปั๊บละก็ต้องหยุดปฏิบัติงาน เห็นไหมครับ คนที่ทำถูกกฎหมายเข้าตรวจสอบ ออกตามประตู ถวายสัตย์ปฏิญาณทำเรียบร้อย กำลังจะถูกคณะซึ่งไม่ถวายสัตย์ปฏิญาณ ทำกันมานั้น ตั้งกันมาสมัย คมช. แล้วอย่างไรครับ คณะนี้จะเป็นคนสั่งให้คณะนี้หยุด ยุติธรรมไหมครับบ้านเมืองนี้ ผมขึ้นต้นตรงนี้เหมือนกับฉายตัวอย่างให้ดู" นายสมัครกล่าว

ทุกข์เพราะไม่ได้แก้ปัญหาบ้านเมือง

นายสมัคร กล่าวอีกว่า ร้อยละ 95 เราเป็นชาวพุทธ ซึ่งต้องนึกถึงว่าตอนท่านหนุ่มๆ เด็กๆ ท่านเรียนหนังสือชั้น ม.4 มีหนังสือเล่มเล็กๆ ชื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยะสัจ 4 คือท่านตรัสรู้ เรื่องทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ท่านสอนไว้ว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์ แล้วเดี๋ยวนี้อะไรเป็นทุกข์ มาโรงเรียนสายก็เป็นทุกข์ มีเงินน้อยก็เป็นทุกข์ เงินเดือนน้อย เป็นทุกข์ มีเงินมาก เป็นทุกข์ไม่รู้ไปฝากตรงไหน เดี๋ยวเขาไปตรวจ แล้วอย่างไรอีก แล้วก็พลัดพรากเป็นทุกข์ สอบได้แล้วไม่ได้คะแนนดี เป็นทุกข์ เคยได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ไปได้อันดับ 3 เป็นทุกข์ ทุกข์ทั้งนั้น

"และว่าพรรคการเมืองเขาจะยุบพรรคการเมือง ก็เป็นทุกข์ เวลานี้เขาบอกว่าจะต้องเอาไปยื่น ป.ป.ช. เมื่อ ป.ป.ช. สั่งปั๊บก็จะต้องไม่ได้บริหาร ก็เป็นทุกข์ คือเป็นทุกข์ว่าจะไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาบ้านเมือง" นายสมัครกล่าว

กรณีปราสาทพระวิหารนพดลไม่ผิด

นายสมัคร กล่าวถึงเรื่องเขาพระวิหารว่า จะพูดให้ฟังง่าย ๆ แบบสากลธรรมดาๆ เข้าใจ คือ กัมพูชาเขาได้ตัวปราสาทไป เขาก็ครอบครองปราสาทของเขา พื้นที่ไม่เกี่ยว ยกเฉพาะตัวปราสาทให้เขาไปตามที่ศาลโลกตัดสิน ใครที่เกิดไม่ทัน 45 ปี แล้วมาแหกปากเรียกร้องบอก ต้องเอาคืน ๆ นั้น ต้องพูดกัน ไป ไปพูดกับพรรคการเมืองที่เขาเก่งกฎหมาย เขาจะไปเอาคืนไหม วันหนึ่งเขาอยากจะเอาปราสาทไปขึ้นทะเบียน ตรงปราสาทมีบริเวณที่เขาเรียกพื้นที่พิพาทกันอยู่ พิพาทกันอยู่ประมาณ 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบ ๆ นั้น เขมรเขาบอก เขมรเขาเรียกว่าพื้นที่พิพาท ตัวปราสาทเป็นของเขา นี่เป็นข้อเท็จจริง เขาจะเอาไปขึ้นทะเบียน เขาก็เสนอ

" ผมไปเยี่ยมนายกรัฐมนตรี ฮุนเซ็น เขาก็ยกเรื่องนี้เข้ามาประชุม ทางกระทรวงมหาดไทยเขาบอกว่าไม่ได้ ถ้าขึ้นต้องขึ้นด้วยกัน ไม่ได้ จะให้คืบหน้าก็มาเจรจากัน ต้องขึ้นด้วยกัน ผมก็ทำอย่างนี้ ตกลงอย่างนี้ ไปประชุมเวียงจันทน์ ก็เจอท่านนายกฯ ฮุนเซ็น ท่านก็บอกว่า ท่านคิดออกแล้ว ท่านจะขึ้นเฉพาะปราสาท ยังหัวเราะกันอยู่ในใจ ขึ้นเฉพาะปราสาท มรดกโลกไม่มีวันยอมขึ้นเฉพาะปราสาท" นายสมัคร กล่าว

นายสมัคร กล่าวอีกว่า จึงต้องตกลงว่าแล้วต้องไปเจรจาความกัน ก็ไป คุณซกอันไป นายนพดลไป มรดกโลกไป เขาไปประชุมกันที่ปารีส งานนี้เป็นงานที่จะบอกให้ใครกำลังจะสืบ จะเสาะคณะรัฐมนตรี ไม่ต้องหรอก อธิบายให้ฟังเสียเลย เป็นปฏิบัติการของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ใช่ไม่รับผิดชอบ แต่เส้นทางเดินนี้กระทรวงการต่างประเทศเขาทำ นายนิตย์ ไปทำที่ทางโน้น ทางนี้นายนพดล ก็ไปทำ ก็เมื่อเขาบอกเขาจะขึ้นเฉพาะตัวปราสาท ซึ่งเป็นของเขา เขาบอกต้องไปเลย เขาไปขีดเส้นกันแค่ไหน รอบปราสาท เขาไปทำบริเวณรอบปราสาท ก็ตกลงเรียบร้อย ยูเนสโกเป็นพยาน เขาบอกแถลงเขาบอกโอเค นะเขาจะขึ้นเฉพาะปราสาท แล้วเขาก็เอาไปขึ้น

" ทำไมถึงรีบร้อน ก็วันที่ 2 ก.ค. เขาจะขึ้น เขาจะไปพิจารณากันอยู่แล้ว แล้วไม่รีบทำหรือครับ ก็ทำ 18 -19 , 22 พ.ค. พอเดือนก.ค. เขาต้องเอาให้ทันวันที่ 2 เพื่อจะต้องไป กรรมการมรดกโลกก็ไป รัฐมนตรีต้องไป พอดำเนินการกันเสร็จก็เกิดเอาเรื่องนี้เข้าไปในสภา กล่าวกันเป็นเรื่องใหญ่ เป็นทำนองว่า รัฐมนตรีทำขัด มาตรา 190 พิสูจน์กันกลางสภาเลย บอกใครสองคนไปเขียนตกลงกันนี้ คือสนธิสัญญา ก็ว่า ไปสิครับ เป็นสนธิสัญญา จะพิสูจน์ก็พิสูจน์ไป แต่ในกฎหมายเขาบอกว่า สนธิสัญญานี้ถ้าหากไปทำแล้ว ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ มันก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ มันเกิดตรงนั้นต้องไปแก้ไข ไปทำอะไร จึงจะต้องเอาเข้าให้สภา" นายสมัคร กล่าว

นายสมัคร กล่าวอีกว่า ในทางตรงกันข้าม ถ้ามันไม่เกิดอะไรพรรค์อย่างนั้นเลย ก็ไม่ต้องเอาเข้า แล้วคนที่มันเอาเข้า เขาบอกอย่างไร กรมสนธิสัญญาเขาบอกมันไม่ต้อง เพราะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มันของเขา เขาว่าเขาขึ้นไป เขาขึ้นก็ขึ้นก็ของเขาไป ไม่เปลี่ยนแปลงไม่ต้องเข้า เมื่อจะถามกฤษฎีกา นายมีชัย ฤชุพันธ์ ท่านก็บอกว่า ไม่ได้ตอบยังงั้น ใช่ครับ นี่ละตอบเลย ภาษาฝรั่งเศสเขาเรียก กองซีกอมซ่า ตอบไปตอบมา แขวะไปแขวะมา คนที่เก่งคือ อัยการ อัยการเขาสอบเขาชัดเจน เพราะฉะนั้นไม่ตอบ ก็ไม่ได้ว่า แต่กรมสนธิสัญญา เขาดู เขาบอกไม่ต้อง

นายสมัคร ยังกล่าวถึงมติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 8 ต่อ 1 นั้น คนที่เป็นเสียงข้างน้อย 1 เสียง เป็นผู้พิพากษา เป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศเก่า กรมสนธิสัญญาเก่า ท่านไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่า ถ้าคิดอย่างคนธรรมดา กระทรวงการต่างประเทศ เขาบอกไม่ต้อง แล้วกฎหมายเขาเขียนไว้ ถ้ามันเปลี่ยนแปลงอะไรต่าง ๆ ถึงเอามาเข้า ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาก็ไม่เข้ามาตรา 190 ที่ต้องผ่านสภา ทั้งๆที่ไม่ได้ทำคนเดียว มีทั้งกระทรวงการต่างประเทศ ทหาร เจ้ากรมแผนที่ทหาร ฝ่ายความมั่นคงดู ทำครบถ้วนหมดเรียบร้อย แต่ยังจะเอาเข้าไปพัวพัน เอากันให้ได้

นายสมัคร กล่าวว่า เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วนายนพดลฯกลับมา ได้แสดงสปิริตด้วยการลาออก ก็มีการช่วงชิง โดยมีการยื่นถอดถอนก่อนที่นายนพดลจะประกาศลาออก เพื่อให้เป็นคดีอาญา ต้องการให้ ติดคุกตลอดชีวิต ถึงประหารชีวิต เรื่องอย่างนี้ นายนพดลจะติดคุก ถูกประหารชีวิต นายสมัคร ด้วยเพราะเป็นนายกรัฐมนตรี สมคบกัน มันอะไรกันนักหนา

อ้างทีปชป.กู้ไอเอ็มเอฟไม่ต้องเข้าสภา

นายสมัคร กล่าวอีกว่า ตรวจดูเมื่อสมัยที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ ปี 40 ที่เกิดวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง จะเป็นจะตาย รัฐบาลไทยต้องไปขอให้ IMF ช่วย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็เขียนจดหมายฉบับหนึ่ง ที่เรียกว่า LOI Letter of Intent ขอกู้เงินเข้ามากู้สถานการณ์ ฉบับที่ 1 ถัดไปคุณชวนก็ฉบับที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 ที่ 8 17 ฉบับ เขียน Letter of Intent ไปถึง IMF เป็นยิ่งกว่าประเทศอีก 100 กว่าประเทศร่วมมือกันตอน IMF มีเงินเอามาให้กู้แก้สถานการณ์

" แล้วทำอย่างไรครับ พูดเป็นสำนวนชาวบ้านหน่อยเถอะครับ เอาประเทศไปจำนำเขา เอาไปจำนำ IMF แล้วให้เงินมาทีละท่อนๆ มีข้อแม้ไหมครับ มีข้อแม้ครับ บอกว่าถ้าคุณทำอย่างนี้กับผม คุณต้องไปแก้กฎหมาย 15 ฉบับ แก้ไหมครับ แก้ครับ แก้ไปกี่ฉบับ 11 ฉบับ แล้วครับ และที่คุณอัมรินทร์ คอมันตร์ ที่คุณณรงค์ โชควัฒนา เรียก กฎหมายขายชาติ แก้กฎหมาย 11 ฉบับ กฎหมายอะไรบ้างครับ แก้กฎหมายล้มละลาย แก้กฎหมายรัฐวิสาหกิจที่บังคับให้แปรรูป ต้องไปแก้กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งความอาญา เพื่อจะให้รวดเร็ว แก้กฎหมายทั้งหมด 11 ฉบับ ครับ เอาประเทศไปจำนำเขา ข้อแม้คือว่า เขาบังคับให้แก้กฎหมาย 15 ฉบับ แก้ไปแล้ว 11 ฉบับ คุณชวน ท่านก็ดีนะครับ ท่านเอาไปถามศาลรัฐธรรมนูญว่า อย่างนี้จะต้องเอาเข้าไหม ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าไม่ต้อง เอาไปตรวจสอบเลยครับว่าเป็นอย่างไร" นายสมัคร กล่าว

สุดท้ายหันมาโทษรัฐธรรมนูญ

นายสมัคร กล่าวถึงกรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช โดนใบแดง ว่า ก็เพียงแต่ศาลฎีกาท่านก็เห็นด้วยกับ กกต. ที่ให้ใบแดง เขาบอกให้ช้าไปหน่อย ต้องให้ศาลฎีกา ศาลฎีกาก็บอกโอเค เห็นด้วยๆ แล้วไปไหน เห็นด้วยก็กลับมาเสร็จตั้งอัยการๆ ก็ส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญก็จะดูเลยว่า ตกลง คือที่ศาลท่านทำ และตนไม่วิพากษ์วิจารณ์ท่าน และไม่คิดจะวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเราเขียนกฎหมายใส่พานท่านไว้ ท่านก็ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่คนที่คิดเขียนกฎหมายอย่างนี้ที่สร้างกระบวนการอย่างนี้ เพื่อจะปลิดไอ้พวกนี้ทิ้ง มีใครคิดไหม นี่ไม่ใช่แค่ มาตรา 237 วรรค 2 ซึ่งไม่ควรจะมี ไม่ใช่มาตรา 190 วรรค 2 ซึ่งไม่ควรจะมี เรื่องวุฒิสมาชิก แต่ก่อนมี 200 คน มาจากเลือกตั้ง ถ้าจะแก้ไขจริง ๆ ก็ว่าสังกัดพรรคไม่สังกัดพรรคเท่านั้น แต่ประชาชนเป็นคนเลือก อย่างนี้ก็โอเค ถ้าประชาชนเป็นคนเลือกไม่เป็นปัญหา

คณะปฏิวัติยึดอำนาจเสร็จ ก่อนจะไป ก็ลดส.ว. เหลือ 150 เลือกตั้งจังหวัดละคน 76 คน แต่งตั้งเข้ามา 74 คณะปฏิวัติอยู่ข้างหลังการแต่งตั้ง เข้ามา 74 คน แล้วเป็นอย่างไร เวลานี้ ตนถูกวุฒิสภาจะเอาอย่างนั้น จะเอาอย่างนี้ จะใช้คำว่า มาเร่งขู่รัฐบาลเล่น ก็ได้ และตอนนี้กลุ่ม 77 ส.ว. จะเอาตนไปยื่น ป.ป.ช. ซึ่ง ป.ป.ช.ก็มาจากคณะปฏิวัติตั้ง ป.ป.ช.เป็นองค์อิสระ ที่ถูกต้องจะ ต้องเข้าเฝ้าฯ กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน และได้เข้าเฝ้าฯไหม ไม่ได้เข้าเฝ้าฯ และถูกต้องไหม มีใครพูดไหมว่า ป.ป.ช.ไม่ถูกต้อง เพราะไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ แต่จะต้องตัดสินชีวิตคนต่างๆ จะเป็นจะตาย

แถลงเรื่องสำคัญ 15 ก.ค.นี้

นายสมัคร กล่าวอีกว่า วันอังคารที่ 15 ก.ค.นี้ จะแถลงเรื่องสำคัญ เวลา 13.30 น. แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เพราะทำ สำเร็จเรียบร้อย ก็จะบอกประชาชนว่า คุณจะได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง การที่จะลดค่าใช้จ่าย จะทำอย่างไรบ้าง วันอังคารจะบอก แต่ไม่รู้ว่าวันจันทร์จะถูกเขาสั่งยุติการดำเนินการหรือเปล่า เพราะทำกันทุกวิถีทาง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องสำคัญของนายสมัคร หมายถึงการซื้อน้ำมันดีเซลจากรัสเซีย ที่มีราคาถูกกว่าในประเทศ 8 บาท

ประกาศแก้รัฐธรรมนูญ

นายสมัคร กล่าวอีกว่า เรามีเหตุผลที่จะแก้ พูดวันนี้เพื่อจะบอกว่าเราจะต้องแก้รัฐธรรมนูญ จะมาสร้างวิกฤตการณ์ แก้อะไรไม่ได้ ก็เอาเถอะพรรคประชาธิปัตย์ที่บอกไม่อยากให้แก้ รออีกหน่อย ไม่กี่วัน กกต.วินิจฉัย ว่าทางคุณได้ใบแดงเหมือนกัน เป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย ยุบพรรคเหมือนกัน แล้วบ้านเมืองจะเหลืออะไร เวลานี้ท่านก็พูดได้ เพราะยังไม่โดนกับตัวเอง บัดนี้ก็ลามไปถึงโดนแล้ว

"เพราะฉะนั้นก็บอกไว้ว่า ต้องแก้ไขเพื่อจะดับชนวนเรื่องนี้ ศาลท่านวินิจฉัยตามที่กำหนดไว้ให้ท่าน เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่เอาขึ้นไปให้ท่าน ก็จะไม่มีเรื่องขึ้นไป บ้านเมืองแก้ปัญหาได้ ผมบอกว่าผมรับผิดชอบ รับผิดชอบทุกสิ่งที่ผมพูด รับผิดชอบทุกอย่างที่ผมทำ แต่วันนี้ผมต้องร้องทุกข์กับท่านพี่น้องประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศทั้งประเทศ" นายสมัคร กล่าว

เตรียมปรับใหญ่ ครม.

นายสมัคร กล่าวอีกว่า วันที่ 15 ก.ค. ตนเอง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และคณะรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องจะนั่งและอธิบายให้ฟังว่าเรากำลังจะทำอะไรที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชน

ส่วนการปรับ ครม. ต้องทำแน่นอน ปรับใหญ่ด้วย และจะปรับให้ดีด้วย ปรับให้แข็งแรงด้วย ปรับให้เอาคนมีฝีมือมาช่วยบริหารบ้านเมือง ด้วย ตนจะทำ แต่คงจะต้องรอ เพราะวันที่ 18 ก.ค. เขาต้องวินิจฉัยกัน ก่อนว่าใครเป็นอย่างไร

ยันพรรคปลาคาร์ปไม่หนีไปไหน

นายสมัคร กล่าวอีกว่า ตนก็จะมัด ครม.ไว้ท่อนเดียวกัน พรรคการเมืองอีก 5 พรรค ก็ต้องผูกไว้ด้วยกัน ทำงานด้วยกัน ถ้าเขาจะแยกไป ก็ต้องสุดแท้แต่ แต่ระหว่างนี้ถือว่า ทำงานให้คนทั้ง 5 พรรคทำงานร่วมกับตน ไม่เอาเปรียบ ไม่ไปหาความผิดพลาดไปป้ายอะไรเขา แต่ต้องทำงานอยู่ร่วมกันเป็นทีม และก็ทำกันมาดี 5 เดือนเท่านั้น มือใหม่หัดขับด้วย แต่บังเอิญเป็นนักการเมืองเก่า ค่อนชีวิตงานการเมือง เพราะฉะนั้นจะทำหน้าที่ของต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังนายสมัครกล่าวสวัสดีจบรายการแล้วนายสมัครก็ได้นั่งฮัมเพลงเพลงโชคมนุษย์ ซึ่งเป็นเพลงประกอบรายการอย่างอารมณ์ดี

ยัน ป.ป.ช.แต่งตั้งมาถูกต้อง

นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการและโฆษกป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัคร ถึงกรณี ส.ว. ยื่นถอดถอน ครม.ต่อ ป.ป.ช. โดยอ้างว่ารัฐบาลมาจากการเลือกตั้งถูกต้องตามกฎหมาย แต่ป.ป.ช. ที่ตั้งโดย คมช. คณะนี้ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเป็นองค์กรอิสระไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ และการที่จะทำให้ ครม.ออกไป ต้องไปยื่นให้ ป.ป.ช. แล้ว ป.ป.ช. ก็จะลงมติบอกว่ารับปั๊บละก็ ต้องหยุดปฏิบัติงาน ว่า ป.ป.ช. หรือองค์กรอิสระอื่นๆไม่ได้ถูกกำหนดให้ต้องเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ มีเพียง คณะรัฐมนตรี และคณะศาลต่างๆ เท่านั้นที่ต้องเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ หลังการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

ส่วนส.ส. และ ส.ว. จะต้องปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อนการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งในรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 กำหนดไว้เช่นนั้นเหมือนกัน

"ยืนยันว่า ก่อนการปฏิบัติหน้าที่หลังการแต่งตั้งของ คมช. ที่ตั้งป.ป.ช.ขึ้นมา เราได้มีการสอบถามเรื่องการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณไปยังสำนักเลขาธิการครม. เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า คณะกรรมการป.ป.ช. ต้องเข้าถวายสัตย์ฯหรือไม่ ซึ่งเลขาธิการ ครม.ได้ประสานไปยังสำนักเลขาธิการสำนักพระราชวังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแจ้งให้ทราบว่า ไม่ต้องเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ ซึ่งในขณะนั้น ประกาศ คปค. ก็ได้แต่งตั้งมาถูกต้องตามอำนาจ ดังนั้นถือว่าสมบูรณ์แล้ว"นายกล้านรงค์ กล่าว

แค่ยื่น ป.ป.ช. ครม.ยังไม่ต้องหยุดงาน

โฆษกป.ป.ช. กล่าวอีกว่า การพูดเช่นนั้นของนายกรัฐมนตรี ไม่คิดว่าจะกระทบต่อการทำงานของป.ป.ช. แต่ต้องขอทำความเข้าใจว่า เรื่องการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือข้าราชการระดับสูงหลังจากที่มีการยื่นขอให้ถอดถอนมายัง ป.ป.ช. แล้ว ทางป.ป.ช. จะต้องพิจารณาเพื่อดูว่า อยู่ในอำนาจและอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถตรวจสอบได้ว่า เข้าข่ายตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างมาหรือไม่ หากอยู่ในอำนาจและเข้าข่ายตามหลักเกณฑ์ที่ในรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช.ก็จะมีมติไว้รับเรื่องพิจารณา

"แม้ป.ป.ช.จะรับพิจารณา ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ในทันที ทางกรรมการ ป.ป.ช.จะต้องไต่สวนหลักฐานต่างๆ และต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องถอดถอน เข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และนำทนายมาสู้ได้ ท้ายที่สุดหากป.ป.ช. เห็นว่ามีมูลแล้ว กรรมการ ป.ป.ช.ก็จะต้องมีมติเกินกึ่งหนึ่ง และส่งให้วุฒิสภาดำเนินการถอดถอนตามขั้นตอนต่อไป ถึงตรงนี้ ทางผู้ถูกร้องถอดถอนจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทันที ขอให้เข้าใจตามขั้นตอนนี้ด้วย ไม่ใช่ว่า ป.ป.ช.รับเรื่องแล้วจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ อันนี้เข้าใจผิด มันจะต้องใช้เวลาในการไต่สวนตามขั้นตอนกันอีก"นายกล้าณรงค์กล่าว

ปชป.จวกหมักอย่ามั่ว

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่นายกฯ พูดพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์สมัยที่เป็นรัฐบาล ได้ทำข้อตกลงกับ ไอเอ็มเอฟ หลายประการ จนทำให้ประเทศมีปัญหา แล้วทำไมจึงไม่มีปัญหา แต่พอนายกฯ มาเป็นรัฐบาล และทำแถลงการร่วมกับกัมพูชา กลับมีปัญหา จะเอากันขั้นติดคุก หรือประหารชีวิตนั้น ถ้าจำไม่ผิด สมัยที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ทำข้อตกลงกับ ไอเอ็มเอฟ มีความต้องการให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ปรากฎว่า มีการชี้ว่า การดำเนินการไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และไม่ได้ทำอะไรผิดกฏหมาย ดังนั้นจะนำกรณีดังกล่าวมาเปรียบเทียบไม่ได้ เพราะเป็นการใช้รัฐธรรมนูญคนละฉบับ สมัยพรรคประชาธิปัตย์ให้รัฐธรรมนูญ 2540 แต่ปัจจุบันใช้ 2550 ซึ่งข้อเท็จจริงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เป็นการดำเนินการต่างกรรมต่างวาระ ดังนั้น นายกฯ อย่าเอาเรื่องที่ทำผิดพลาดมาเปรียบเทียบกับสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นการส่อเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ประชาชนเข้าใจผิด และมีความรู้สึกว่าท่านไม่ได้ทำผิด นี่คือการแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ โยนบาปให้คนอื่น

"อย่าดิ้นให้มากไปกว่านี้ เพราะยิ่งดิ้นจะยิ่งทำให้ท่านและคณะติดกับดัก ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ ถ้ารัฐบาลยอมรับความจริง ไม่ห่วงแต่ตัวเองปัญหาจะไม่เกิด แต่ปัญหาเกิดขึ้นในขณะนี้ เพราะดื้อ เอาสีข้างเข้าถู ไม่รู้ว่าวันนี้ถลอกไปถึงกระดูกหรือยัง สงสัยจะเอาสีข้างเข้าถูจนเห็นซี่โครง แล้วเอาซี่โครงไปต้มฟัก" นายองอาจกล่าว

นายองอาจกล่าวถึงกรณี นายกฯ ได้ใช้เวลาพูดในรายการสนทนาประสาสมัคร เกินเวลาปกติไป 30 นาที ว่า อยากถามว่า ท่านเป็นเจ้าของ เอ็นบีที และช่อง 11 หรืออย่างไร ขนาดสัปดาห์ก่อน เจ้าหน้าที่ยกป้ายบอกว่า หมดเวลา ก็ยังโดนตำหนิ ครั้งนี้เลยไม่กล้ายก แต่นายกฯ กลับพูดเพลินไปเรื่อย พูดตั้งแต่ 08.30-10.00 น. เป็นการใช้สื่อเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง และโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ แน่จริงอยากให้นายกฯ ไปพูดในสภาฯหรือเปิดให้นักข่าวซักถาม กรณีสินบน จะปิดปาก แล้วมาพูดทำไมวันอาทิตย์ ซึ่งตรงนี้คือความไม่กล้าหาญของนายกฯไทย ที่ใช้สื่อของรัฐเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่กลับไปขอโทษกรมศิลปากร ที่มีเทปจะออกอากาศต่อ แล้วไปขอโทษกรมศิลปากร ตรงนี้ยิ่งเป็นความเข้าใจผิด เพราะคนที่นายกฯ ควรขอโทษ คือประชาชน มิใช่กรมศิลปากร

ด้าน นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การทำข้อตกลงกับไอเอ็มเอฟ เป็นการดำเนินการหลังจากรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ลดค่าเงินบาท จนต้องลาออก พอรัฐบาลนายชวน หลีกภัย มาเป็นรัฐบาล ได้มากอบกู้วิกฤติ ไม่รู้ว่านายสมัคร ฟั่นเฟือน หรือเลอะเลือนหรืออย่างไร ดังนั้นนายสมัครควรพูดบนข้อเท็จจริง เนื่องจากในขณะนี้กับปัจจุบันเกิดต่างกรรม ต่างวาระ ต่างรัฐธรรมนูญ

ซัด"หมัก"ชอบโยนความผิดให้สื่อ

นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์
เลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีนายสมัคร พูดถึง เรื่องไม่ไว้วางใจสื่อว่า ไม่เป็นไรที่นายสมัครจะไม่ไว้วางใจการทำหน้าที่ของสื่อ เพราะประชาชนทั้งสังคมนั้นรู้ดีว่า อะไรเป็นอะไร ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ทุกคนพบว่านายสมัคร ขาดความรับผิดชอบในคำพูดของตัวเอง มาตลอด พูดออกไปแล้วเพียงอีกไม่กี่อึดใจ ก็บอกว่าไม่ได้พูด และชอบโยนความผิดให้กับสื่อมวลชน ทั้งที่ ความจริงแล้ว พฤติกรรมของนายสมัครนั้นมีความเคยชินที่จะพูดข้างเดียว โดยใช้สื่อของรัฐกล่าวหาฝ่ายอื่น ที่ไม่มีโอกาสชี้แจง ซึ่งเป็นพฤติกรรมของนายสมัคร ที่ไม่ยอมรับการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นนายสมัคร ควรเลิกพูดข้างเดียวโดยใช้สื่อของรัฐได้แล้ว

ในกรณีที่นายสมัคร ระบุว่า " พูดไป 10 จะออกถูก อยู่ 1 หรือ 2 แล้ว 8 ละครับ ผมขอไม่ไว้วางใจ นั้น" นายประดิษฐ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องไม่เป็นความจริงตามที่ นายสมัคร กล่าวหาอย่างแน่นอนและเป็นไปไม่ได้เลยที่ สื่อมวลชนจะบิดเบือนข่าวที่ออกจากปากคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี มากมายตามที่นายสมัครกล่าวหา นอกจากจะตัดคำพูดที่ไม่มีสาระ เยิ่นเย้อ วกไปวนมา หรือคำพูดที่ไม่ได้เป็นประโยค กระโดดไป กระโดดมา จากเรื่องโน้นไปเรื่องนี้ ตามแต่ปากพาไป ซึ่งพบบ่อยมากในคำพูดของนายสมัคร ซึ่งนักข่าว ต้องตัดออกโดยไม่สูญเสียสาระสำคัญของข่าวที่ต้องการเสนอ ให้กับสังคมรับรู้

นายประดิษฐ์ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับกับเพื่อนๆ สื่อมวลชนที่ในอดีตที่เคยทำข่าวกับนายสมัคร และสื่อมวลชนในรุ่นปัจจุบัน พบว่าพวกเขามีความอดทนกับการติดตามการทำข่าวของนายสมัครกันมาก แต่ที่ต้องทำเพราะต้องการให้เกียรติกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของประเทศไทย

"ผมเองไม่แน่ใจว่า เป็นความโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ แต่มีข้อสงสัยว่านายสมัคร ได้ทำหน้าที่ได้สมเกียรติกับตำแหน่งของผู้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยหรือไม่ เพราะตามความเข้าใจนั้น บุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีคำพูดจาที่น่าเชื่อถือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชน ไม่ควรพูดกลับไปกลับมา หรือกลับกลอกรายวัน อย่างที่เห็นกันทุกวันในช่วงเวลานี้" เลขาธิการสมาคมนักข่าวฯ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น