วานนี้ ( 26 มิ.ย.) ศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองกลาง ที่สั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบในคดีที่ นายณัฐศักดิ์ ทวิสุวรรณ อดีตนักเรียนชั้น ม.6 จากโรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภชน์ น.ส.ณัฐธยาน์ ดิลกวณิช อดีตนักเรียนชั้นม.6 โรงเรียนบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี) และ น.ส.วลัยรัตน์ ลูกรักษ์ อดีตนักเรียนชั้น ม.6 จากโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ ร่วมกันยื่นฟ้องที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และมหาวิทยาลัยของรัฐ ทั้ง 21 แห่ง ต่อศาลปกครองกลางว่า ร่วมกันเปลี่ยนแปลงระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ จากระบบการสอบคัดเลือกรวม หรือ เอนทรานซ์ มาใช้ระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือ แอดมิชชั่น โดยไม่เป็นธรรม และขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2540
โดยขอให้ศาลพิพากษาให้ ทปอ.และมหาวิทยาลัยของรัฐ ทั้ง 21 แห่งยกเลิกการนำคะแนนการทดสอบทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต และการนำผลการเรียนสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือ จีพีเอเอ็กซ์ และผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตามรายวิชา หรือ จีพีเอ มาคิดคำนวณในระบบแอดมิชชั่น พร้อมทั้งขอให้ศาลไต่สวนฉุนเฉิน เพื่อกำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา เนื่องจากศาลปกครองกลางพิจารณาเห็นว่า คำฟ้องดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาล
ทั้งนี้ เหตุที่ศาลปกครองมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองกลาง ระบุว่า แม้มติของ ทปอ.ที่ให้ใช้ผลคะแนนโอเน็ต รวมทั้งผลคะแนนอื่นๆ เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาในระบบแอดมิชชั่น ประจำปี 2551 มิได้มีสภาพเป็นกฎหรือคำสั่งทางปกครอง เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายให้อำนาจ ทปอ. ออกกฎหรือคำสั่งทางปกครองได้ แต่การที่ มหาวิทยาลัยของรัฐทั้ง 21 แห่ง นำมติของ ทปอ.มากำหนดเป็นหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในคณะต่างๆ ที่อยู่ในสังกัดของตนเอง ย่อมมีสภาพเป็นคำสั่งทางปกครอง
ประกอบกับ ผู้ฟ้องคดีทั้ง 3 ไม่ได้ฟ้องขอให้ยกเลิกระบบแอดมิชชั่นแต่อย่างใด แต่ฟ้องว่า องค์ประกอบบางประการของระบบแอดมิชชั่นขัดต่อกฎหมาย และละเมิดผู้ฟ้องคดีทั้ง 3 รวมถึงเยาวชนนับแสนทั่วประเทศ จึงขอให้ยกเลิกองค์ประกอบเหล่านั้น และให้นำองค์ประกอบอื่นมาใช้ในระบบแอดมิชชั่นแทน
ดังนั้น การที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องในคดีนี้ไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบนั้น ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองกลาง เป็นให้รับคำฟ้องไว้พิจารณา และมีคำสั่งคำขอวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้องคดีตามรูปคดีต่อไป
รศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ในฐานะประธาน ทปอ. กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด คงต้องขอดูคำฟ้องของเด็กก่อน แต่คิดว่าคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งตนขอหารือฝ่ายกฎหมายของ ทปอ. และจะนำเรื่องเข้า ทปอ.ซึ่งจะประชุมในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นก่อนที่ตนรับตำแหน่งประธาน ทปอ.หลายปี จึงต้องหารือกันก่อน ส่วนจะกระทบต่อกระบวนการแอดมิชชั่นหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ แต่ขณะนี้กระบวนการต่างๆ ยังดำเนินการได้ต่อไป
โดยขอให้ศาลพิพากษาให้ ทปอ.และมหาวิทยาลัยของรัฐ ทั้ง 21 แห่งยกเลิกการนำคะแนนการทดสอบทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต และการนำผลการเรียนสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือ จีพีเอเอ็กซ์ และผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตามรายวิชา หรือ จีพีเอ มาคิดคำนวณในระบบแอดมิชชั่น พร้อมทั้งขอให้ศาลไต่สวนฉุนเฉิน เพื่อกำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา เนื่องจากศาลปกครองกลางพิจารณาเห็นว่า คำฟ้องดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาล
ทั้งนี้ เหตุที่ศาลปกครองมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองกลาง ระบุว่า แม้มติของ ทปอ.ที่ให้ใช้ผลคะแนนโอเน็ต รวมทั้งผลคะแนนอื่นๆ เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาในระบบแอดมิชชั่น ประจำปี 2551 มิได้มีสภาพเป็นกฎหรือคำสั่งทางปกครอง เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายให้อำนาจ ทปอ. ออกกฎหรือคำสั่งทางปกครองได้ แต่การที่ มหาวิทยาลัยของรัฐทั้ง 21 แห่ง นำมติของ ทปอ.มากำหนดเป็นหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในคณะต่างๆ ที่อยู่ในสังกัดของตนเอง ย่อมมีสภาพเป็นคำสั่งทางปกครอง
ประกอบกับ ผู้ฟ้องคดีทั้ง 3 ไม่ได้ฟ้องขอให้ยกเลิกระบบแอดมิชชั่นแต่อย่างใด แต่ฟ้องว่า องค์ประกอบบางประการของระบบแอดมิชชั่นขัดต่อกฎหมาย และละเมิดผู้ฟ้องคดีทั้ง 3 รวมถึงเยาวชนนับแสนทั่วประเทศ จึงขอให้ยกเลิกองค์ประกอบเหล่านั้น และให้นำองค์ประกอบอื่นมาใช้ในระบบแอดมิชชั่นแทน
ดังนั้น การที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องในคดีนี้ไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบนั้น ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองกลาง เป็นให้รับคำฟ้องไว้พิจารณา และมีคำสั่งคำขอวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้องคดีตามรูปคดีต่อไป
รศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ในฐานะประธาน ทปอ. กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด คงต้องขอดูคำฟ้องของเด็กก่อน แต่คิดว่าคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งตนขอหารือฝ่ายกฎหมายของ ทปอ. และจะนำเรื่องเข้า ทปอ.ซึ่งจะประชุมในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นก่อนที่ตนรับตำแหน่งประธาน ทปอ.หลายปี จึงต้องหารือกันก่อน ส่วนจะกระทบต่อกระบวนการแอดมิชชั่นหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ แต่ขณะนี้กระบวนการต่างๆ ยังดำเนินการได้ต่อไป