xs
xsm
sm
md
lg

รวมพลังโค่นทรราชใต้ร่มธงไทย ผนึกบุกทำเนียบวันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน- พันธมิตรฯเคลื่อนพลบุกทำเนียบฯวันนี้ “สนธิ” ปลุกประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกเชื้อชาติ รวมพลังสู้เพื่อประเทศไทย สู้เพื่อในหลวง ด้านกรรมการสิทธิฯ ออกแถลงการณ์จวกรัฐบาลลุอำนาจ ไม่ฟังเสียงประชาชนจนทำให้เป็นต้นเหตุของการชุมนุมขับไล่ ด้าน “หมัก” สั่งตำรวจตรึงกำลังรอบทำเนียบฯ แต่ตัวเองเผ่นไปต่างจังหวัด อ้างแก้ปัญหาราคาไข่ เผยแผนชั่วปล่อยพันธมิตรฯ-กลุ่มต่อต้านฟัดกันเอง “เหลิม เลี้ยงแกะ” ป้ายสี จปร.7 ติดอาวุธให้พันธมิตรฯ แถมใช้เล่ห์กล่อมนักการเมืองท้องถิ่นเป็นพวก หวังให้ชนแทน สื่อนอกชี้ “หมัก” เผชิญศึกรอบด้าน-รัฐบาลไร้เสถียรภาพยิ่ง

การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด เมื่อวานนี้ (19มิ.ย.) นับเป็นวันที่ 26 แล้ว ซึ่งประชาชนจากทั่วประเทศยังคงหลั่งไหลเข้าร่วมชุมนุมหลายหมื่นคน แม้ว่าในช่วงหัวค่ำจะมีฝนตกหนัก แต่ประชาชนที่มาชุมนุมก็ไม่มีใครท้อถอย ต่างรอคอยที่จะถึงเวลา 13.00น. ในวันนี้ (20 มิ.ย.) เพื่อเคลื่อนขบวนจากสะพานมัฆวานรังสรรค์ ไปปิดล้อมทำเนียบฯเพื่อขับไล่รัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 21.00น. วานนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวที กล่าวสั้นๆ กับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมชุมนุม โดยย้ำว่า เรามาที่นี่เพราะเรารักประเทศไทย เรารักพระเจ้าแผ่นดิน เรารักพระเจ้าอยู่หัว และภายใต้การครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากว่า 62 ปี ประเทศไทยไม่เคยเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว “เราจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายประเทศ เราจะสู้เพื่อประเทศไทย เราจะสู้เพื่อในหลวง" นายสนธิ กล่าวย้ำ พร้อมเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง

รัฐตำรวจปล่อยม็อบถ่อยเผชิญหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหัวค่ำวานนี้ กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ พร้อมกับกลุ่มผู้ขี่จักรยานยนต์รับจ้างประมาณ 100 คัน ได้เคลื่อนขบวนจากสนามหลวง มุ่งสู่ถนนราชดำเนินนอก เพื่อไปประจันหน้ากับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณแยก จปร. อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าตำรวจ ที่ได้ชะลอไว้ จึงปักหลักอยู่ที่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีรถหกล้อ เป็นเวทีปราศรัยย่อย ด่าทอพันธมิตรฯ และมีผู้สังเกตเห็นว่า มีการนำอาวุธ เช่น มีด ไม้ เตรียมก่อความวุ่นวายด้วย

จนเมื่อเวลา 20.00 น.กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ได้ยกขบวนออกจากหน้ากระทรวงเกษตรฯไปถึงสี่แยก จปร.สำเร็จ โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ยังจะเปิดแนวกั้นที่แยก จปร.เพื่อให้กลุ่มก่อกวนดังกล่าวไปเผชิญหน้ากับพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมกันอยู่เชิงสะพานมัฆวานด้วย ซึ่งทีมรักษาความปลอดภัย (การ์ด) ของพันธมิตรฯไม่ยินยอม แต่ก็ยังมีความพยามต่อรองให้ฝ่ายก่อกวนเข้าไปเผชิญหน้ากับพันธมิตรฯ ให้ได้

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่เผชิญหน้ากันอยู่นั้น ขณะที่การ์ดของพันธมิตรฯ เดินตรวจแนวกั้น โดยพกหนังสติ๊ก และถือท่อแป๊ปไปด้วยเพื่อป้องกันตัว ตำรวจนายหนึ่งได้อ้างว่าฝ่ายพันธมิตรฯ ยังหนังสติ๊กออกไป และจะเข้ามาจับกุมการ์ดของพันธมิตรฯ 2 คน รวมทั้งได้เรียกสื่อมาทำข่าว แต่หัวหน้าการ์ดเข้ามาเคลียร์ก่อน และนำตัวการ์ดออกไป

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ถูกฝ่ายก่อกวนขว้างปาก้อนหิน และขวดเข้าใส่จนได้รับบาดเจ็บหลายคน เป็นความผิดซึ่งหน้าที่เห็นชัดเจน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้แต่ยืนดู ไม่เข้าไปจับกุมดำเนินคดีแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ยังมีข้อน่าสังเกตว่า ด้านหลังเวทีพันธมิตรฯ มีตำรวจหน่วยปราบจลาจลตรึงกำลังอยู่หลายร้อยนาย แต่ด้านแยก จปร.ซึ่งมีกลุ่มก่อกวนเข้ามายั่วยุนั้น กลับมีตำรวจ สน.ห้วยขวางมาดูแลแค่ 20 กว่าคน

10 องค์กรประชาชนเตรียมเคลื่อนทัพ

นายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ผู้ประสานงานศูนย์ประสานงานเครือข่ายประชาชน กล่าวถึงการนัดชุมนุมเรียกร้องต่อรัฐบาลให้แก้ปัญหาข้าวยากหมากแพงขององค์กรภาคประชาชน 10 องค์กร ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ว่า แม้ว่าทางพันธมิตรฯ จะมีการนัดดีเดย์ชุมนุมใหญ่ ในวันนี้ และยังไม่รู้ว่าจะยุติลงอย่างไร แต่ทาง 10 องค์กร ที่ได้มีการประชุมหารือไปเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมายังคงกำหนดการไว้เหมือนเดิม

ทั้งนี้ กำหนดการดังกล่าว เริ่มตั้งแต่เวลา 5.30 น.จะมีพิธีการรำลึกถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่หลักหมุดประชาธิปไตยลานพระบรมรูปทรงม้า ในเวลา 9.00 น. ทางสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) จะเข้ายื่นรายชื่อประชาชนเพื่อยกเลิก พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 ซึ่งได้รวบรวมรายชื่อไว้ก่อนหน้านี้ และเมื่อถึงเวลา 10.00 น.จะเคลื่อนขบวนจากลานพระบรมรูปฯ มายังหน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมประมาณ 2 พันคน

ทั้งนี้ ข้อเสนอในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ขององค์กรภาคประชาชน จะแบ่งออกเป็น 5 หมวดหลักๆ ได้แก่ หมวดนโยบายรัฐบาล หมวดสวัสดิการสังคม หมวดค่าจ้างแรงงานที่เป็นธรรม หมวดสินค้าแลผลิตด้านการเกษตร และหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค
ซึ่งเกี่ยวโยงกับปัญหาปากท้องที่ประชาชนส่วนใหญ่ ส่วนนโยบายของรัฐบาลที่มีการจัดสรรงบประมาณมาช่วยคนจนนั้นถือว่าถูกต้องแล้ว แต่ก็พบว่ายังมีมาตรการที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง อาทิ คูปองคนจน ซึ่งอาจก่อให้เกิดการผูกติดกับระบบอุปถัมภ์ และเครือข่ายหัวคะแนนของนักการเมืองอีก

กกต.สิทธิฯ จวกรัฐบาลลุอำนาจ

วันเดียวกัน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน นำโดย นายเสน่ห์ จามริก ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วย นางสุนีย์ ไชยรส และนายสุรสีห์ โกศลนาวิน กรรมการสิทธิฯ ได้อ่านแถลงการณ์เรื่อง “การใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ” ระบุว่า ตามที่มีการชุมนุมเรียกร้องต่อรัฐบาลจากหลายภาคส่วน จนสถานการณ์ความขัดแย้งและการเผชิญหน้าทำท่าจะบานปลายอาจนำไปสู่ความรุนแรง คณะกรรมการสิทธิฯ จึงอยากเตือนสติทุกฝ่ายดังนี้

1.ประชาชนมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเพื่อแสดงออกซึ่งความคิดเห็นภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย

2.รัฐบาลขาดความเคารพต่อเจตนารมณ์ และสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ และไม่นำพาต่อเสียงทักท้วงและการคัดค้านของประชาชน นอกจากนั้นการดำเนินการเรื่องที่ยูเนสโก จะประกาศให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลก อาจจะทำให้เกิดผลกระทบในด้านสิทธิอธิปไตยของประเทศไทย แต่รัฐบาลไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง และไม่ผ่านกระบวนการให้ความเห็นชอบของรัฐสภาตามเจตนารมณ์มาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

3.ความล้มเหลวของรัฐสภาในการควบคุมตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทำให้ภาคประชาชนต้องออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิต่างๆ อันกระทบต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของราชการที่ไม่ถูกต้องตรงกันของ แต่ละฝ่าย คณะกรรมการสิทธิฯ จึงขอเรียกร้องให้ผู้ชุมนุม ยึดมั่นในการใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบโดยปราศจากอาวุธ และขอให้รัฐบาลยับยั้งไม่ใช้กำลังใดๆ ในการหยุดยั้งหรือสลายการชุมนุมไม่ว่าจะอยู่กับที่ หรือเคลื่อนไหว

นายเสน่ห์ กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการฯ จะไม่พยายามเข้าไปเกี่ยวข้องกับประเด็นขัดแย้งแต่ต้องการเตือนสติให้แต่ละฝ่ายโดยเฉพาะรัฐบาลกลับไปทบทวนในการบริหารประเทศ เพื่อป้องปรามประชาชนที่จะไปใช้สิทธินอกสภาฯ

“การที่รัฐบาลบริหารประเทศโดยไม่ยอมฟังเสียงทักท้วง และเป็นต้นเหตุของการกระตุ้นให้คนออกมาชุมนุม เป็นสิ่งที่ต้องได้รับการปรับปรุง จึงอยากให้รัฐบาลและประชาชนมองให้กว้างๆ ลึกๆ ว่า แท้จริงปัญหามาจากอะไร และคิดว่าสิ่งที่จะช่วยทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้ รัฐบาลต้องแถลงอะไรสักอย่างให้ประชาชนทั้งประเทศเกิดความมั่นใจ และทำทุกเรื่องให้เกิดความชัดเจน”นายเสน่ห์ กล่าว

พันธมิตรฯ ส่งทนายร้องศาล ปค.

ขณะที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯกับพวกรวม 5 คน ได้มอบหมายให้ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้มีคำสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ผบ.ตร. หยุดกระทำการเปิดเพลง หรืออื่นใดผ่านเครื่องขยายเสียง ณ บริเวณการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เนื่องจากเป็นการรบกวนการใช้สิทธิการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ เหตุผลที่ขอให้ศาลฯ มีคำสั่งดังกล่าว ระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้อำนาจหน้าที่เกินสมควร กระทำการนอกเหนืออำนาจหน้าที่ ใช้ดุลยพินิจไม่เหมาะสมถูกต้องตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ไม่ยึดถือปฏิบัติตาม พ.ร.ฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริการ กิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ทั้งยังขัดต่อบทบัญญัติต่อรัฐธรรมนูญ 50 ส่งผลให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ได้รับผลกระทบโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จากการกระทำดังกล่าว เพราะประชาชนทั่วไปใช้สิทธิการชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธ เพื่อเรียกร้องการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ของหน่วยงานรัฐและเจ้าหน้ารัฐ

หลังปรากฏข้อเท็จจริงว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชน ส่วนใหญ่มีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ได้ผ่านการลงประชามติของประชาชนเกินกว่า 14 ล้านเสียง จนนำมาสู่การถกเถียงของประชาชนว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ประกอบกับการแก้ไขดังกล่าว ยังอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม หน่วยงาน องกรที่กำลังตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกทั้งการบริหารบ้านเมืองของ ครม. ยังเป็นที่น่าสงสัยในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ปกป้องอำนาจอธิปไตยของประเทศ ไม่สนใจการแก้ไขปัญหาข้าวยาก หมากแพง จึงเป็นที่มาของการใช้สิทธิในการชุมนุมอย่างสงบเรื่อยมา ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไร

แต่ปรากฏว่าช่วงค่ำระหว่างวันที่ 17-18 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มารักษาการบริเวณสะพานมัฆวานฯ และตั้งกองกำลังอยู่ห่างจากเวทีของผู้ชุมนุมประมาณ 10 เมตร ได้กระทำการละเมิดโดยนำรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียง หันลำโพงมายังด้านเวที แล้วเปิดเพลงปลุกใจ ผ่านเครื่องขยายเสียงด้วยเสียงที่ดังมาก แม้ผู้ชุมนุมบางคนได้พยายามเจรจาขอให้ยุติ แต่ก็ไม่เป็นผล จึงเห็นว่าการกระทำดังกล่าวทั้งหมดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการบังคับบัญชาของ พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อภารหน้าที่ของตำรวจในการรักษาความสงบเรียบร้อยและอำนวยความสะดกวกประชาชน

เพราะสิ่งที่จะทำกลับกลายเป็นสร้างเหตุ และขัดขวาง ก่อกวนการใช้สิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญฯ และยังแสดงให้เห็นถึงเจตนาต้องการยั่วยุ กลุ่มผู้ชุมนุมให้เกิดความกดดัน ไม่พอใจการทำหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งเล็งผลอย่างชัดแจ้งว่า การกระทำดังกล่าวอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ ทั้งอาจหยิบยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างในการใช้กำลังในการสลายการชุมชุมได้ จึงถือได้ว่า จงใจเจตนากระทำการให้เกิดความรุนแรง ขัดขวางการใช้สิทธิของประชาชน ถือเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการทำละเมิด

หรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่รัฐ อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งอื่น หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควรตาม มาตรา 9 ( 3) พ.ร.บ. จัดตั้ง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 จึงขอให้ศาลมีคำสั่งดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม คำฟ้องยังขอให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว เพื่อสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ผบ.ตร.หยุดกระทำการเปิดเพลง หรืออื่นใดผ่านเครื่องขยายเสียง ณ บริเวณการชุมนุมไว้ก่อน จนกว่าศาลมีจะคำพิพากษา หรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ ศาลปกครองกลางได้เปิดไต่สวนฉุกเฉินตามที่ผู้ฟ้องคดีขอ โดยนัดคู่ความเข้าไต่สวนเวลา 10.00 น. วันนี้ (20 มิ.ย.)

หมักยันไม่ใช้ทหารคุมสถานการณ์

ด้าน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างเป็นประธานประชุมชี้แจงการปฏิบัติงาน และมอบนโยบายให้แก่หน่วยงานราชการ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน และ กอ.รมน.จังหวัด โดยย้ำให้ กอ.รมน. พร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง และให้หน่วยงานอื่นๆ สนับสนุนการทำงานของ กอ.รมน.ด้วย ทั้งนี้ ให้ยึดนโยบายของรัฐบาล และความมั่นคงของประเทศชาติเป็นหลัก

ส่วนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯนั้น จะไม่ให้หน่วยงาน กอ.รมน.เข้าไปดูแล แต่จะให้เป็นหน้าที่ของตำรวจก่อน เพราะเหตุการณ์ยังไม่รุนแรง แต่สถานการณ์ตอนนี้ยังคงมีความเคียดแค้นชิงชังกันอยู่ และพาดพิงมาถึงตน ทำให้บ้านเมืองเสียหาย การจะมายึดทำเนียบรัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรฯ ถือว่าไม่มีเหตุผลที่กลุ่มคนจากข้างถนนจะมาไล่คนที่มาจากการเลือกตั้ง

“ผมเป็นคนที่เพิ่งจะโผล่เข้ามา และไม่เคยคาดคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะต้องมารับหน้าที่นี้ เพราะอยู่ระหว่างคาบลูกคาบดอก ไปเกี่ยวข้องกับคนที่ต้องการขับใสไล่ส่ง เพราะความเกลียดชังยังไม่หมด จึงยังรุงรังพันเต และต้องการกำจัดอยู่ ไปๆมาๆ ผมก็กลายเป็นตัวตายตัวแทน ก็มาเอาผมด้วย แต่เมื่อมารับหน้าที่ ก็จะไม่ใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ เพราะผมเป็นคนทำความเข้าใจกับผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ หากมีปัญหาผมจะเป็นคนอยู่แถวหน้า”

นายสมัคร ยังกล่าวถึงการที่ตนต้องเป็นปฏิปักษ์กับสื่อสารมวลชน เพราะคนพวกนี้วิจารณญาณมันต่ำ ไม่รู้อะไรควรทำ อะไรควรเว้น พลอยเคียดแค้นชิงชังไปกับเขาด้วยหรือเปล่า คนเขามีอำนาจ พอไม่มีอำนาจก็ถีบหัวส่ง ก็สันดานมันเป็นอย่างนี้

“ผมมาพูดกับท่านตรงนี้ใช้ถ้อยคำรุนแรงหน่อย เพื่อจะบอกว่า อย่าไปหวังอย่าไปห่วงว่า ผอ.รมน. จะใช้อำนาจที่ได้รับมา ไปฟาดฟัน ผมทนได้ ผมเฝ้าดูได้ แต่สิ่งที่ได้พูดกันวันนี้ คือให้ท่านทั้งหลายได้รู้ว่า นี่มันบ้านเมืองของเรา ท่านจะทำอะไรอย่างไร จะต้องใช้วิจารณญาณของทุกคนมาช่วยกันดูแล บ้านเมืองของเรา ของผมด้วย ของท่านด้วย หน่วยงานนี้เป็นหน่วยงานที่คนดูไกลๆ ภายนอก นึกว่าเป็นอำนาจของคนที่มีอำนาจในบ้านเมืองจะใช้เป็นเครื่องมือ ผมจะพิสูจน์ให้เห็นเลยว่า ผมเป็นหัวหน้าผู้บริหาร จะไม่ใช้ตรงนี้เป็นเครื่องมือ”

นายสมัคร กล่าวด้วยว่า ในการดูแลสถานการณ์ในช่วงนี้ ยังไม่จำเป็นต้องใช้ทหาร โดยจะให้ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบ

“ตำรวจจะเป็นคนดูแล ทหารยังไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง และกอ.รมน.ยังไม่ต้องลงมา เพราะยังสนุกกันอยู่ ยังคิดว่าเคียดแค้นชิงชังยังไม่จบ แล้วทำอย่างนั้นได้ ผมต้องร้องถามเลยว่า ที่ทำกันอย่างนี้บ้านเมืองมันเสียหายขนาดไหน ความเคียดแค้นชิงชังยังไม่หมด แล้วพาดพิงเอาผมไปผสมด้วย ก็ไม่เป็นไร เพราะผมเอาตัวรอดได้ แต่บ้านเมืองที่บรรลัย วายวอด เพราะความที่มันยังไม่จบนี่สิ น่าคิด จึงขอพูดถึงตัวอย่างให้เห็น แต่ยังไม่ต้องใช้ท่านทั้งหลาย ยังไม่เอาไปทำอะไรยุ่งยาก ตำรวจมีหน้าที่โดยเฉพาะ ก็ให้ทำไปก่อน มีทั้งภูธร และนครบาล มาดูแลอยู่ ก็เอาเท่านี้ก่อน”นายสมัคร กล่าว

“เหลิม”อ้าง จปร.7 ขนอาวุธให้พันธมิตรฯ

ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมชี้แจง การปฏิบัติงาน และมอบนโยบายให้กับผู้อำนวยการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ทั่วประเทศ ว่า นายกรัฐมนตรีได้พูดชัดเจนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯจะเคลื่อนมายังหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า จะไม่ให้ใช้กำลังในการสลาย ซึ่งตนไม่ได้รับผิดชอบให้มาดูแลเรื่องนี้

เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่า จปร.7 รายงานเรื่องการขนอาวุธเข้ามาในกรุงเทพฯร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าแหล่งข่าวของตนสามารถเชื่อถือได้ แม้ว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. จะออกมาปฏิเสธว่าไม่มีการขนอาวุธเข้ามาในกรุงเทพฯ แต่เรื่องดังกล่าวตนรู้ดีกว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่ง พล.ต.อ.พัชรวาท จะไปรู้อะไร เรื่องที่ตนรู้ ตนก็ไม่ได้รายงานให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ทราบ เมื่อถามว่า ได้มีการสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ให้มีการสกัดคนที่จะเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่ได้สั่งให้ผู้ว่าฯ สกัดคนที่จะร่วมกับพันธมิตรฯ อย่างไรก็ตาม อยากให้ประชาชนรับฟังการปราศรัยที่บ้านดีกว่า ส่วนที่จะมีการมาปาระเบิด พร้อมทั้งจะมีม็อบมาล้อมกระทรวงมหาดไทยนั้นตนพร้อมที่จะรับมือ และก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นอย่างดีแล้ว

เล่ห์ “เหลิม” หาแนวร่วมชนพันธมิตรฯ

วานนี้ ที่ศูนย์ประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว. มหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมใหญ่สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย โดยมีตัวแทนผู้ว่าฯ กทม. ปลัด กทม. นายก และปลัดเมืองพัทยา นายกเทศมนตรีและปลัดเทศบาลทั่วประเทศ เข้าร่วมประชุม

โดย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พร้อมที่จะสนับสนุนแก้ไขกฎหมาย กรณีที่รัฐธรรมนูญปี 2550 กำหนดให้นายกเทศมนตรี มีอายุเพียง 2 สมัย ซึ่งได้ให้นายสมพร ใช้บางยาง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น หาแนวทางแก้ไข โดยขอให้เทศบาลทั่วประเทศทำวิจัยแบบปลายเปิด สอบถามประชาชนในพื้นที่ว่า ต้องการนายกเทศมนตรีแบบไหน และให้ดำรงตำแหน่งได้กี่สมัย จากนั้นนำมาประมวลผล โดยให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นศูนย์กลางในการรวบรวม ซึ่งอาจต้องทำเป็นพระราชบัญญัติ

“วันนี้ต้องเอาใจนายกเทศมนตรี เพราะวันหนึ่งอาจต้องขอแรงในการขับไล่พันธมิตรฯ ใครที่ไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ ขอให้มาสนับสนุนในพื้นที่ของท่าน เพื่อแสดงพลัง แต่ยังไม่ใช่วันนี้ รัฐบาลจะสามารถอยู่ได้ เพราะพันธมิตรฯ เรียกร้องแบบไม่มีจุดจบ จะให้รัฐบาลลาออก บอกได้ว่า เป็นเรื่องยาก เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และการทำหน้าที่ของตำรวจในวันศุกร์นี้ เกมอยู่ที่ว่าใครอดทนได้มากที่สุด คนนั้นจะเป็นผู้ชนะ”รมว.มหาดไทย กล่าว

ให้ จนท.ทำเนียบฯ หยุดงานครึ่งวัน

วานนี้ (19 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ได้มีหนังสือเวียนด่วนที่สุด แจ้งไปยังทุกหน่วยงาน ทุกสังกัด ภายในทำเนียบรัฐบาล ลงนามโดย ผอ.สำนักสถานที่และงานรักษาความปลอดภัย เรื่องการเตรียมรับสถานการณ์กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล

โดยมีเนื้อหาสาระดังนี้ เนื่องด้วย พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศจะเคลื่อนกลุ่มผู้ชุมนุมจากสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ เวลา 13.00 น. ดังนั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยเต็มพื้นที่ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอให้ทุกหน่วยงาน ทุกสังกัดโปรดปฏิบัติตามที่เห็นสมควรเกี่ยวกับการมาปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งการนำยานพาหนะเข้ามาภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาล เพราะอาจเกิดความไม่สะดวก จึงขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่ทยอยเดินทางออกจากทำเนียบ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. (20 มิ.ย.)

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย ยังได้ประสานไปยัง สน.ดุสิต เพื่อขอความร่วมมือไปยังโรงเรียนต่างๆ โดยรอบทำเนียบรัฐบาล เพื่อสั่งปิดการเรียนการสอนชั่วคราว เนื่องจากจะมีการปิดการจราจรโดยรอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การรักษาความปลอดภัยของทำเนียบรัฐบาลได้เข้มข้นขึ้นเมื่อ เวลา 19.00 น. ซึ่งนายธีรพล นภรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พร้อมทีมงานได้ลงจากตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อตรวจกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและจุดรักษาความปลอดภัยรอบๆ ทำเนียบรัฐบาล แม้จะยังไม่ใช่วันที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะเคลื่อนมา แต่ก็มีการเพิ่มกำลังตำรวจจากนครบาล และภูธรภาค 7 อีก 100 % เพื่อรักษาความปลอดภัย โดยเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจจากวันปกติขึ้นมาอีกหลายร้อยนาย

นอกจากนี้ ในส่วนของการปิดทางเข้า-ออกทำเนียบฯ ได้มีการนำรถบรรทุกผู้ต้องหา รถดับเพลิง และรถฉายไฟหลายคัน กระจายกันปิดประตูต่างๆรอบทำเนียบฯพร้อมกับมีรั้วเหล็กกั้นหน้ารถไว้อีก 1 ชั้น นอก จากนี้ยังทำการปิดถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกพาณิชยการ ถึงแยกสวนมิสกวัน ตั้งแต่หัวค่ำ

“หมัก” หนีไปฉะเชิงเทราแก้ปัญหาไข่ไก่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวาระการปฏิบัติหน้าที่ของ นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ ทางสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้จัดทำวาระงานประจำวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานประชุมคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อเตรียมการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซี่ยนครั้งที่ 14 ที่กระทรวงการต่างประเทศ

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า หลังการประชุมที่กระทรวงการต่างประเทศเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีจะเดินไป จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อดูแลปัญหาเกี่ยวราคาไข่ไก่ หลังจากที่สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไขได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้แก้ไขปัญหาดังกล่าว

เผยแผนรัฐบาลปล่อย 2 ฝ่ายซัดกันเอง

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า สำหรับการเคลื่อนขบวนมาบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ของกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันนี้ ทางวอร์รูม ติดตามการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีนายธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกฯ เป็นหัวหน้าศูนย์ฯ ได้ประเมินสถานการณ์ในวันนี้แล้ว โดยจะปล่อยให้พันธมิตรฯเคลื่อนไหวไปที่ไหนก็ได้ แต่จะไม่ให้เข้ามาบริเวณถนนรอบทำเนียบรัฐบาล ซึ่งในการดูแลการเคลื่อนไหวครั้งนี้ จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น ส่วนฝ่ายทหารอาจจะเข้ามาช่วยในเรื่องการรักษาพยาบาล หากในการชุมนุมเกิดมีผู้บาดเจ็บเท่านั้น

ม็อบเติมเงินขู่ชนพันธมิตรฯ

นายประชา ประสพดี แกนนำกลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย กล่าวว่า ขณะนี้ทางกลุ่มมหาประชาชนฯ ได้เตรียมพร้อมที่จะออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ หากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่จะยังไม่เคลื่อนไหวทันที โดยจะเดินทางไปรวมตัวกันที่สนามหลวง และโรงแรมรัตนโกสินทร์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวก่อนจะตัดสินใจดำเนินการใดๆ

นอกจากนี้ ทางกลุ่มได้เตรียมเอกสารหลักฐานการทำผิดกฎหมายของเอเอสทีวี และไทยเดย์ ด็อทคอม โดยเฉพาะการเรี่ยไรเงินจากประชาชน โดยในวันจันทร์ที่ 23 มิ.ย. ตนจะเดินทางไปยื่นต่อกรมสรรพากร

ภาคธุรกิจเตือนให้ระวังเหตุรุนแรง

พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ประธานคณะความมั่นคงทางธุรกิจ ออกประกาศ ฉบับที่ 1 โดยระบุว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ยังไม่คลีคลาย มีความเคลื่อนไหวต่างๆ เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของพนักงานและการปฏิบัติงาน ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของพนักงานบริษัทต่างๆ ควรเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ด้วยการปฏิบัติตามกฎระเบียบของบริษัทนั้นๆ อย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะเป็นการให้พนักงานในบริษัทต่างๆ ติดบัตรแสดงตนตลอดเวลาที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในบริษัท ให้พนักงานเปิดโทรศัพท์มือถือตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้หัวหน้า หรือบุคคลใกล้ชิดสามารถติดต่อได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และที่สำคัญขอให้พนักงานในบริษัทต่างๆ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และใช้ดุลยพินิจเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยทั้งของตัวท่านและเพื่อนร่วมงานด้วย

“สมชาย”ไฟเขียวข้าราชการ ศธ.หยุด

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ไม่ได้ประกาศให้ข้าราชการหยุดทำงาน ในวันนี้ (20 มิ.ย.) แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละส่วนราชการในกระทรวง ซึ่งหากข้าราชการคนใดไม่สามารถเดินทางมาทำงานได้ ก็ให้หยุดงานได้ และให้แจ้งเหตุผลความจำเป็นภายหลัง ส่วนข้าราชการที่ต้องมาทำงานสายในช่วงนี้ก็ควรจะยืดหยุ่นให้ เนื่องจากบางคนต้องเดินทางอ้อมเนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ

โรงเรียน 3 แห่งประกาศหยุด

ด้าน นายนพพล เหลาโชติ ผอ.โรงเรียนมัธยมวัดมกุฏกษัตริย์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังผู้ปกครองนักเรียนทุกคนว่า โรงเรียนจะปิดการเรียนการสอนในวันที่ 20 มิ.ย. เป็นเวลา 1 วัน เพื่อไม่ให้ผู้ปกครองต้องกังวลใจ และนักเรียนไม่ต้องลำบากในการเดินทาง เพราะหากโรงเรียนเปิดสอนแล้วต้องปล่อยให้นักเรียนกลับครึ่งวัน อาจจะเป็นยิ่งทำให้ลำบากมากขึ้น และได้แจ้งให้ผู้ปกครองติดตามดูสถานการณ์การชุมนุมผ่านทางสื่อฯ ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ทั้งนี้ หากการชุมนุมยืดเยื้อออกไปจนทำให้ไม่สามารถเปิดทำการเรียนการสอนได้ในวันที่ 23 มิ.ย. ทางโรงเรียนจะได้แจ้งผ่านทางสื่อมวลชนเพื่อให้ผู้ปกครองได้รับทราบต่อไป

นางรพีพรรณ เอกสุภาพันธุ์ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพฯ เขต 1 กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงเรียนวัดมัธยมเบญจมบพิตร โรงเรียนมัธยมวัดมกุฏกษัตริย์ โรงเรียนวัดโสมนัสฯ แจ้งเข้ามายังเขตพื้นที่ฯว่า ได้ประกาศให้นักเรียนหยุดเรียนในวันที่ 20 มิ.ย. ส่วนโรงเรียนอื่นในเขตพื้นที่ฯ ที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณทำเนียบรัฐบาล ส่วนโรงเรียนอื่นๆ ที่จะประกาศหยุดเรียนก็ให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของโรงเรียน ว่าจะให้หยุดเรียนหรือไม่ ทั้งนี้ หากโรงเรียนยังคงเปิดเรียนในวันที่ 20 มิ.ย. แล้วเห็นว่าสถานการณ์ไม่ปลอดภัยก็ขอให้แจ้งหยุดเรียนครึ่งวันได้

ปชป.ปัดขนคนร่วมพันธมิตรฯ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชาชน กล่าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีการขนคนจาก จ.ตรัง โดยทางรถไฟมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยพรรคพลังประชาชน เตรียมยื่นข้อมูลให้ กกต.พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ว่า หากมีหลักฐานว่าพรรคขนคนไปร่วมจริง ก็ขอให้เอาหลักฐานมาแสดง และเปิดเผยให้เห็นว่าพรรคทำอย่างนั้นจริง ขอเรียนว่าเราไม่จำเป็นต้องขนคนจาก จ.ตรัง ถ้าจะขนคนมา เอาคนในกรุงเทพฯ ไม่ดีกว่าหรือ ดังนั้นพรรคพลังประชาชน อย่ามากล่าวหาลอยๆ โดยไม่มีหลักฐาน

ส่วนข้อมูลของ รมว.มหาดไทย ที่ระบุว่า มีการขนอาวุธเข้ามาให้พันธมิตรฯนั้น ควรจะมีการเปิดเผย และหาทางป้องกันอย่าให้เกิดเหตุร้ายได้ ใครทีมีอาวุธร้ายแรง ถือเป็นความผิด ดังนั้นหากเป็นเรื่องจริง รัฐบาลต้องจัดการ หากไม่เช่นนั้น จะถือเป็นการข่มขู่ประชาชนที่จะเข้ามาชุมนุม

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่เจ้าหน้าที่จะมีการสลายการชุมนุม นายองอาจ กล่าวว่า มองไม่เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่ มากจนเกินกว่าเหตุ คิดว่าสถานการณ์ในขณะนี้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลควรใช้วิจารญาณที่เหมาะสมแก้ไขปัญหา

งัดข้อหา “กบฏ” เล่นงานพันธมิตรฯ

แหล่งข่าวแจ้งว่า สำหรับการทำงานของเจ้าหน้าที่นั้น จะไม่มีการใช้กำลังกับกลุ่มผู้ชุมนุม เพียงแต่คอยควบคุมดูแล ซึ่งหากมีฝ่ายที่ต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุม แล้วมีการปะทะกัน ทางตำรวจก็จะไม่เข้าไปสลาย เพียงแต่คุมสถานการณ์ และค่อยช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บ โดยหน้าที่หลักของเจ้าหน้าที่ คือต้องเก็บข้อมูลทั้งภาพ และเสียงในการชุมนุนครั้งนี้อย่างละเอียด หารการชุมนุนครั้งนี้กลุ่มพันธมิตรฯ เป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นมา เจ้าหน้าที่อาจจะต้องแจ้งข้อหากบฏ ต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยโทษฐานพยายามล้มล้างรัฐบาล

ตีพันธมิตรฯ กรอกหูประชาชน 24 ชม.

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ส่วนมาตรการขั้นต่อไปที่จะใช้ต่อสู้กับกลุ่มพันธมิตรฯนั้น คือ รัฐบาลจะใช้มาตรการประชาสัมพันธ์อย่างเข้มข้น โดยจะใช้ทีมโฆษกรัฐบาลให้เปิดแถลงข่าวชี้แจงผ่านสื่อมวลชน ไปถึงประชาชนทุกวัน เพื่อให้ประชาชนได้รู้ว่า ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง กลุ่มพันธมิตรฯได้ทำอะไร ปราศรัยอะไรไปบ้าง มีอะไรบ้างที่เป็นเรื่องจริง และมีอะไรบ้างที่ไม่ใช่เรื่องจริง ซึ่งแนวทางต่อไปก็คือ อาจจะต้องวอร์รูมขึ้นต่างหาก เพื่อที่จะรวบรวมข้อมูลให้กับทีมโฆษกรัฐบาล ซึ่งมาถึงสถานการณ์ขณะนี้แล้ว รัฐบาลต้องเล่นเกมอย่างนี้ ต้องแฉให้ประชาชนรู้ความเป็นไปของพันธมิตรฯ ทำให้ประชาชนเห็นว่า กลุ่มพันธมิตรฯไม่มีเหตุที่จะชุมนุมแล้ว

สื่อนอกชี้สมัครเผชิญศึกรอบด้าน

บรรดาสื่อต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์, สำนักข่าวเอเอฟพี, หรือสำนักข่าวรอยเตอร์ ต่างรายงานเรื่องรัฐบาล "สมัคร" เผชิญศึกรอบด้าน ทั้งจากการชุมนุมคัดค้าน และเตรียมบุกทำเนียบฯ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และจากการยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของพรรคประชาธิปัตย์

ไฟแนนเชียลไทมส์ บอกว่า หลังจากบริหารงานได้เพียงสี่เดือน รัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคพลังประชาชน และเต็มแน่นไปด้วยผู้จงรักภักดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็กำลังเผชิญการท้าทายทางการเมืองอย่างร้ายแรง โดยที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 7 คน และขณะที่ข่าวลือเรื่องทหารจะปฏิวัติจางลงไปแล้ว แต่คนไทยจำนวนมากก็เชื่อว่า รัฐบาลจะยิ่งเผชิญกับแรงกดดันมากขึ้นอีกในช่วงไม่กี่เดือนนับจากนี้ และอาจถึงขั้นรัฐบาลต้องล้มกันทีเดียว

หนังสือพิมพ์ธุรกิจสัญชาติอังกฤษที่ทรงอิทธิพลมากฉบับนี้ ได้อ้างคำพูดของนายสุนัย ผาสุก นักวิเคราะห์การเมืองไทยแห่งองค์การ "ฮิวแมน ไรต์ วอตช์" ที่กล่าวว่า รัฐบาลกำลังเผชิญกับการท้าทายของจริง ตอนนี้เหลือเพียงเงื่อนเวลาและประเด็นที่จะเกิดการจุดชนวน แต่มีแนวโน้มสูงมากที่จะเห็นความรุนแรงทางการเมืองไม่ในทางใดก็ทางหนึ่ง ในรูปแบบการประท้วงบนท้องถนน และการปะทันกันของคนจากสองฝ่าย จากนั้นทหารก็จะเข้ามาแทรกแซง

ไฟแนนเชียลไทมส์บอกว่า สิ่งที่อยู่เบื้องลึกของความไม่สงบเช่นนี้ ก็คือความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง ระหว่างกลุ่มคัดค้านทักษิณที่ต้องการให้เขาหมดอิทธิพลทางการเมือง กับกลุ่มสนับสนุนทักษิณที่กำลังพยายามช่วยให้เขาได้รับทรัพย์สินที่ถูกอายัดไว้กลับคืน โดยหนังสือพิมพ์นี้ได้อ้างคำพูดของนายคริส เบเกอร์

นักวิเคราะห์ซึ่งประจำอยู่ในกรุงเทพฯและเขียนหนังสือชีวประวัติของทักษิณด้วย โดยนายเบเกอร์กล่าวว่า "ทั้งหมดเป็นเรื่องของทักษิณ" และ "ทั้งหมดมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินของเขา"

"ทหารดูเหมือนจะไม่ได้ไม่สบายใจเกินไปนักกับการปล่อยให้กลุ่มพันธมิตรฯอยู่บนท้องถนน" นายเบเกอร์กล่าวกับไฟแนนเชียลไทมส์ "มันเป็นการย้อนกลับไปที่สถานการณ์ก่อนเกิดรัฐประหาร และพันธมิตร ก็กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือ"

ทางด้านเอเอฟพีพูดถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่ดำเนินมาเกือบ 4 สัปดาห์แล้วว่า เท่าที่ผ่านมายังคงมีขนาดเล็กๆ ทว่ามีอิทธิพลเกินกว่าขนาดของคนที่มาชุมนุม เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ สามารถจับอารมณ์ความรู้สึกของชนชั้นนำในกรุงเทพฯ ผู้ซึ่งไม่ไว้วางใจนายสมัคร หลังจากที่เขารณรงค์หาเสียงอย่างเปิดเผยว่า ตนเองเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ

ขณะที่ ไฟแนนเชียลไทมส์ก็บอกว่า ในขณะนี้ผู้เข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯยังมีจำนวนค่อนข้างน้อย คนกรุงเทพฯ ที่เป็นพวกชนชั้นกลางและชนชั้นสูง ซึ่งเคยร่วมประท้วงต่อต้านทักษิณ ต่างยังคงเหนื่อยล้ากับการเล่นการเมืองที่ไม่จบสิ้น อย่างไรก็ตาม จากการที่ภาวะเศรษฐกิจกำลังย่ำแย่ลง จำนวนผู้ประท้วงจึงน่าจะมากขึ้น ทั้งจากกลุ่มคนขับรถบรรทุก, กลุ่มเกษตรกร, รวมทั้งกลุ่มที่ถูกแรงบีบจากปัญหาราคาน้ำมันและค่าครองชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจที่ลงมติเข้าร่วมการประท้วงด้วยแล้ว

หนังสือพิมพ์ฉบับนี้อ้างคำพูดของนายฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กล่าวว่า สถานการณ์กำลังคุกกรุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ "ตอนนี้คุณมีกลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมกันอยู่บนถนน ประกาศขับไล่รัฐบาลจนกว่าจะสำเร็จ ส่วนปัญหาเงินเฟ้อและปัญหาเศรษฐกิจก็ถูกเตะเข้ามาและทำลายความน่าเชื่อถือและความชอบธรรมของรัฐบาล ... ถ้าหากรัฐบาลดำเนินการรุนแรงเกินไป ก็จะเปิดโอกาสให้ทหารเข้าแทรกแซง"

ไฟแนนเชียลไทมส์ กล่าวว่า นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่าจะมีการเล่นเกมต่อรองกันอย่างยืดเยื้อ เนื่องจากแต่ละฝ่ายที่เป็นปรปักษ์กันต่างหาทางสร้างอิทธิพลโดยผ่านช่องทางของรัฐธรรมนูญ ทว่าทุกคนก็พูดด้วยว่า ยังคงมีภัยคุกคามอยู่ตลอดเวลาว่าจะเกิดการรัฐประหาร หรือการประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงภายในซึ่งจะมีการระงับใช้ระบอบประชาธิปไตย

“ผมเดาว่าจะมีภาวะแบบเกิดการชะงักงันกันอย่างยาวนาน แต่การรัฐประหารก็เกิดขึ้นได้ตลอด”นายเบเกอร์ ให้ความเห็น “ทักษิณอาจเคลื่อนไหวจนกองทัพบอกว่า 'เราจะยอมต่อไปไม่ได้แล้ว มันอาจเกิดขึ้นตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น”
กำลังโหลดความคิดเห็น