xs
xsm
sm
md
lg

ถล่ม"หมัก"ทำชาติพัง แก๊งเติมเงินประท้วงวุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยวิสามัญ) เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช และรัฐมนตรีอีก 7 คน ในวันที่สอง เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (25มิ.ย.) มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม
สำหรับประเด็นที่มีการอภิปราย ยังคงพุ่งเป้าไปที่นายสมัคร เริ่มจากนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในข้อกล่าวหา แสดงท่าทีปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชา ที่กระทำความผิดอย่างออกนอกหน้า ในหลายกรณี และไม่ใส่ใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นใน ช่วง 4 เดือนของการเป็นรัฐบาล ทำให้ 3 สถาบันหลักของชาติได้รับความกระทบกระเทือนสั่นคลอน คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกจาบจ้วง 2. สถาบันชาติ ก็หมิ่นเหม่ต่อการเสียดินแดน และในอีกไม่กี่เดือนสถาบันศาสนา ก็คงจะเป็นเรื่องที่ข้อขัดแย้งในสังคม ซึ่งถือว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงที่สุดของคนที่เป็นนายกฯ เมืองไทย ที่ก่อนหน้านี้ ได้มีการกล่าวหาลักษณะนี้ในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ไม่ได้อภิปราย เพราะมีการยุบสภาเสียก่อน
"นายสมัคร คือนายกฯ คนแรกที่มีข้อกล่าวหา ให้ท้าย และปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างออกหน้า แม้ว่ารัฐมนตรีคนนั้นจะที่มีทัศนคติอันตรายต่อการปกครองระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อได้รับมอบหมายให้อภิปราย ก็เกือบจะถอดใจเพราะสงสารท่านที่ควรจะใช้บั้นปลายชีวิตอย่างมีความสุข แต่เมื่อตัดสินใจมาเป็นนายกฯ ถือว่าท่านมีต้นทุนน้อยที่สุดในพรรคพลังประชาชน เป็นนายกฯ ด้วยความอยาก"
นายนิพิฏฐ์ได้โชว์หนังสือ "การเมืองเรื่องตัณหา" ที่เขียนโดยนายสมัคร เมื่อ 30 ปีที่แล้ว พร้อมทั้งได้อ่านบางข้อความเกี่ยวกับตัณหาความทะยานอยาก และประวัติตอนแรกเกิดของนายสมัคร ที่ระบุว่า เอาเท้าออกโดยหมอบอกว่า ขอให้เลี้ยงเอาไว้ให้ดี วันข้างหน้าจะช่วยครอบครัววงศ์ตระกูล และจะช่วยบ้านช่วยเมืองได้ ซึ่งตอนแรกตนคิดว่าหมอจะทำนายถูกแต่ตอนนี้ ตนคิดว่าผิด โดยเฉพาะเรื่องช่วยเหลือบ้านเมือง
ทั้งนี้ เหตุผลหนึ่ง ที่นายสมัคร ได้เป็นหัวหน้าพรรค และได้เป็นนายกฯ อาจจะสืบทอดจากใครก็ตาม แต่ 2 เหตุผลที่ได้ตำแหน่ง เพราะเป็นคนใกล้ชิดสถาบันทหาร และมีความเชื่อว่า จะปกป้องสถาบันสูงสุดของชาติได้ จึงจำเป็นที่จะต้องให้มาเป็นนายกฯ และนายสมัคร ถึงขนาดประกาศว่าเป็นนายกฯ เลือดสีน้ำเงิน แต่ตนคิดว่าไม่ใช่ เพราะนายสมัครไม่เคยมีท่าทีปกป้องสถาบันสูงสุดของชาติ แม้จะมีรัฐมนตรีออกมาพูดจาบจ้วงสถาบันฯ แต่ก็ไม่มีแม้แต่คำเดียวที่นายกฯ ออกมาปกป้องเรื่องนี้ แต่เมื่อมีคนพูดในลักษณะที่ว่านายสมัคร ไม่จงรักภักดี ท่านก็จะโกรธมาก เพราะตอนที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ทั้งพรรคชาติไทย และเพื่อนแผ่นดิน ดูเหมือนจะไม่ไว้วางใจนายสมัครในเรื่องนี้ ถึงขนาดเขียนเงื่อนไขให้ยอมรับก่อนที่จะตัดสินใจเข้าร่วม
"ผมไม่ได้บอกว่า ท่านไม่จงรักภักดี เพียงแต่บอกว่า ท่านปกป้องบุคคลที่มีทัศนะคติอันตรายให้อยู่ใน ครม. ทำให้คนต้องออกมาชุมนุมเรียกร้องเรื่องนี้กันมากมาย เพราะเขาต้องการประกาศว่าไม่ทอดทิ้งสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่นายกฯ ก็ไม่ยอมจัดการเรื่องนี้ กลับบอกให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ขนาดพรรคประชาธิปัตย์ ทำเอกสารส่งให้นายกฯ ก็ไม่ได้ดำเนินการ แต่ที่รัฐมนตรียอมลาออกก็เพราะทนการกดดันจากภายนอกไม่ไหว ผมไม่สงสัยในต้นตระกูลของนายสมัคร และไม่เคยสงสัยในความจงจักภักดีเสวกเอกพระยาราชบริพาร ผู้เป็นบิดา แต่ไม่ไว้วางใจลูกชายของท่านที่ ปกป้องอดีตรัฐมนตรีที่มีท่าทีละเมิดสถาบันอย่างร้ายแรง"

**"หมัก"ยันช่วยชาติ-วงศ์ตระกูล
ด้านนายสมัคร ได้ตอบโต้นายนิพิฏฐ์ว่า ยอมรับว่าตนเป็นต้นตำรับนำเอกสารเท็จมาแสดงในสภาจริงจนถูกด่า ขอถามว่า คนที่เป็นรัฐมนตรี หรือส.ส.เส้นทางเดินเป็นอย่างไร คนที่เป็นไม้สัก ทำพื้นทำเสาได้ เพราะทนแดดทนฝนได้ แต่ไม้ฉำฉา ทำไม่ได้ ซึ่งตนเป็นไม้สัก หนังสือที่เอามาอ้างมีคนซื้อไป 84,000 เล่ม
"ที่อ่านมา มันเสียหายต่อคุณสมบัติของคนเป็นนายกฯ ตรงไหน รู้ไหมว่าคนที่เอาเท้าออกมันมีกี่คนในโลกนี้ รู้ไหมว่าคนสำคัญในโลกที่เอาเท้าออกมีใครบ้าง หมอพูดอย่างนั้นเพราะท่านเป็นหมอนักการเมือง เขาทำนายว่า จะช่วยครอบครัวได้ ก็ช่วยได้ ที่พูดตรงนี้ถากถางเยาะเย้ยตรงไหน ผมเป็นคนมีชื่อเสียงในวงศ์ตระกูล ผมเป็นคนนำชื่อเสียงมาสู่วงศ์ตระกูลด้วยซ้ำ ใครรู้จักนามสกุลสุนทรเวช ก็รู้จักเพราะผมด้วยเช่นกัน ลุงของผมเป็นแพทย์ประจำพระองค์ราชกาลที่ 6 คุณตาผมรับราชการมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ถึง 7"

**คุยได้เครื่องราชฯสีชมพู
นายสมัคร ยังคงนำเรื่องได้มาของ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ มายืนยันถึงความจงรักภักดีว่า ตนได้สี ชมพู ที่ทรงพระราชทานให้ เพราะเป็นสีส่วนพระองค์ ใครขอก็ไม่ได้ พระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน พิจารณาด้วยพระองค์เอง ฉะนั้นขอให้รู้ว่าใครได้สายสะพายชั้นพระจุลจอมเกล้า รู้กันอยู่ว่าใครได้อย่างไร
"ผมและภรรยาได้รับพระราชทานทุติยจุลจอมเกล้า วันที่ 5 ธ.ค.2527 คนเขารู้ว่าต้องโปรดฯ ถึงได้ ขอให้รู้ว่าเรื่องพรรค์นี้ขอให้รู้ คนที่รับพระราชทานแล้วอย่างผม หาว่าไม่จงรักภักดี ขอให้ศึกษาให้ดีก่อน ผมสงสารจริงๆ บอกตรงๆ"
ส่วนกรณีของนายจักรภพนั้นนายสมัคร กล่าวว่า เรื่องนี้มีการพูดไว้ตั้งแต่ปี 50 แต่มีการหยิบมาเล่นงานเขาตอนปี 51 เก็บความเลวทรามไว้ 8 เดือน ถ้าไม่เป็นรัฐมนตรีก็ไม่เป็นไร แต่พอมาเป็นรัฐมนตรีก็โดนทันที นายจักรภพ ออกเพราะตำรวจเขาบอกว่าผิด ก็ไปยกย่องคนที่สะพานมัฆวานฯ ก็ทำกันไป แต่อย่าเอามาอ้างว่านายจักรภพผิด ต้องให้ตำรวจจัดการ ตนไม่ใช่ศาล ตัดสินไม่ได้ ไม่เกี่ยวว่าจงรักภักดีหรือไม่

**ยังตะแบงเรื่องสั่งสลายการชุมนุม
นายสมัคร กล่าวถึงเรื่องการสลายการชุมนุมว่า ตนได้พูดชัดเจนแต่มีคนนำไปตีความผิด แต่พอออกมาทางโทรทัศน์ตีความผิด ไปบอกว่า ตนจุดชนวน คนนอนขวางถนนอยู่หน้าองค์การสหประชาชาติ รถราติดขัดไม่มีใครตำหนิ พรรคการเมืองฝ่ายค้านไม่ตำหนิ พูดคำ ยกย่องคำ แต่ตนเป็นนายกฯ ต้องรับผิดชอบ เจอทูต ถูกถามว่าประเทศนี้เป็นอย่างไร เท่านั้นแหละ ออกข่าวปลุกระดมทันที ตำรวจขีดเส้นตาย 5 โมงเย็น นั้นไม่ใช่ตน
"คนมีสติปัญญา ความคิด ยกย่องคนริมถนน แล้วมาเหยียบย่ำนายกฯ ไม่ต้องใช้ประกายตามองหรอก ผมเป็นอะไรอย่างไร คนเขารู้ ผมขอแสดงความเสียใจจริงๆว่า การอภิปรายข้อนี้ไม่เป็นผลสำเร็จ ขออภัยจริงๆ ที่ผมต้องตอบโต้ เพราะเรื่องคาบลูกคาบดอก พูดจาทำให้ผมเสียหายหลายขั้นตอน ไปอ่านเรื่องการเมืองเรื่องตัณหาแล้วมาบอกผมอยากเป็นนายกฯ อะไรที่มันอยาก ไม่ได้เป็นหรอก แต่มาเป็นแล้วก็ต้องทำหน้าที่ เพราะพื้นฐานไม่ได้ฝึกฝนมา ผมเป็นส.ส.แล้วมาเป็นรัฐมนตรี มา 5 หน ผมเป็นผู้ว่าฯกทม.ได้รับคะแนนเสียงมากสุดคนกทม.ก็ยังรักผม ผมออกกระทรวงไหน คนในกระทรวงก็คิดถึงผม แต่นานๆทีมาสภา มาเที่ยวนี้เป็นนายกฯ ไม่ได้ว่าอะไร ต่างคนต่างทำหน้าที่ แต่อยากจะบอกว่า คนทำหน้าที่ควรระมัดระวังบ้าง ต้องแค่นเขียน แค่นอภิปราย ถ้าไม่เข้าท่าก็ว่าได้ ขอย้ำว่าผมไม่ต้องอวด คนที่มาพูดจาอภิปรายทำนองเหยียบย่ำท่านเสียหายเอง" นายสมัครกล่าว

**"มาร์ค"จี้ใจดำ"หมัก"แค่นายกหุ่นเชิด
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ก็ลุกขึ้นตอบโต้นายสมัครเช่นกันว่าสำหรับเรื่องความอยากหรือไม่อยากเป็นนายกฯหรือไม่นั้น คนที่อยากคือ ตัวนายสมัครเองเพราะเป็นผู้ประกาศบันได 3 ขั้น สำหรับตนเป็นนักการเมืองอาชีพ ไม่ได้ตั้งพรรคแต่มีคนเสนอให้เป็นหัวหน้าพรรค ตนอยากเข้าไปทำงาน แต่ถ้าประชาชนไม่ให้โอกาสไม่ได้เข้าตามระบบตนก็ยอมรับความคิดของประชาชน คนจะเป็นนายกฯไม่ได้อยู่ที่ว่าใครอยาก หรือไม่อยากเพราะตนมีความมุ่งมั่น และสนใจการเมืองมานาน หากจะเป็นนายกฯ ก็ต้องต่อสู้ด้วยตัวเองไม่เป็นนอมินี หรือหุ่นเชิดให้ใคร
ต่อมา นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่าการที่นายสมัคร ใช้ฐานะและตำแหน่งนายกฯ แสดงออกต่อสาธารณะอย่างไร้วุฒิภาวะ มีพฤติกรรมภาวะผู้นำบกพร่อง ทั้งทางวาจา และทัศนคติ ใช้โมหะคติ พูดท้าทายข่มขู่ ต่อสื่อมวลชน และประชาชนตลอดเวลา จนเป็นชนวนให้วิกฤตความขัดแย้งในบ้านเมืองขยายตัวไม่มีที่สิ้นสุด นายสมัคร จึงไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกฯอีกต่อไป
ทั้งนี้ในการอภิปราย นายเทพไท พยายามที่จะชี้ให้เห็นถึงการแสดงออกทางอารมณ์ ของนายสมัคร ที่สะท้อนถึงภาวะผิดปกติทางจิต ได้ฉายภาพวิดิโอ ปฏิกิริยาที่นายสมัคร ยืนจ้องหน้าสื่อมวลชนอย่างโกรธแค้น โดยระบุว่าไม่อยากให้ประเทศนี้มีคนป่วยมาเป็นนายกฯ ดังนั้นนายสมัครจึงควรกลับไปเลี้ยงหลานได้แล้ว

**เหลิมกระเหี้ยนฯ เล่นบทองครักษ์
อย่างไรก็ตาม ส.ส.พรรคพลังประชาชน หลายคนได้ลุกขึ้นประท้วง ขัดขวางไม่ให้มีการเผยแพร่ภาพดังกล่าว อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน และนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ รวมถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่ลงทุนลงจากที่นั่งรัฐมนตรี มาทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์สมัครด้วย
โดยร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ญัตติที่ฝ่ายค้านยื่นต้องอภิปรายนายกฯ และรัฐมนตรีให้พ้นจากตำแหน่ง แต่การอภิปรายกลับพูดแต่เรื่องในอดีต และคำพิพากษาของศาลที่จบไปแล้ว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ ที่บริหารราชการแผ่นดินมา 4 เดือน อีกทั้ง การที่นายนิพิฏฐ์ อภิปรายพาดพิงคดีของนายจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งตนได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ยังไม่รู้ว่าจะผิดหรือถูก จึงอยากให้ประธานพิจารณา และให้ผู้อภิปรายบอกว่านายกฯ ผิดอะไร
ทั้งนี้ การเรียงหน้าประท้วงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จนทำให้นายเทพไท ไม่สามารถอภิปรายต่อไปได้ และยอมยุติในที่สุด

**"หมอมาลินี"ชี้หมัก "คนป่วย"
จากนั้น พ.ญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายตอกย้ำถึงการแสดงออกของนายสมัคร อีกครั้งว่า มีพฤติกรรมการแสดงออกอยู่ในภาวะบกพร่องทางวาจา และสติ ควรจะเข้ารับการรักษา ไม่สมควรที่จะทำหน้าที่นายกฯอีกต่อไป ซึ่งนายสมัคร ก็ได้ตอบโต้ว่า ตนมีญาติเป็นหมอ และเข้ารับการตรวจร่างกายทุก 3 เดือน การที่ตนจ้องหน้านักข่าวนั้น เป็นแค่การแสดงเท่านั้น หากเห็นว่าตนบกพร่องทางจิตก็ให้ไปยื่นถอดถอนได้ ไม่ใช่มาอภิปรายกันอย่างนี้ (อ่านรายละอียดหน้า 15 )

**ไม่ลาไม่ยุบ ไม่ปรับ จริงหรือไม่
ต่อมา นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า เท่าที่สังเกตดูการชี้แจงของนายสมัคร มีความอดทนน้อยมาก จะเน้นพูดจาประชดประชันว่า ญัตติของฝ่ายค้านรุนแรงเกินไป แต่อย่าลืมว่านายสมัคร เคยผ่านการทำหน้าที่ฝ่ายค้านมาหลายครั้งน่าจะเข้าใจว่า ญัตติซักฟอกต้องรุนแรงทั้งนั้น เวลาที่นายสมัครทำหน้าฝ่ายค้านยังรุนแรงกว่าพวกตนที่ทำมาเพียงสองวัน ตนก็เคยโดนนายสมัครมาแล้ว และหลายคนในที่นี้ก็เช่นกัน แรงไม่แรงก็รู้กันอยู่ ลองถามนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยได้ว่า เคยถูกนายสมัครเล่นแรงแค่ไหน ทุกวันนี้ก็ยังประทับใจกันอยู่ และยังมีคำพูดน่าเกลียดน่าชัง ว่า ถ้อยคำที่ฝ่ายค้านอภิปรายต้อการเอาเป็นเอาตาย รวมถึงพูดถึงความยากใส่ร้ายป้ายสีผู้นำฝ่ายค้านว่า อยากเป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะพยายามเรียกมาประชุมพรรคร่วมรัฐบาล และมีท่าทีว่าไม่ยุบ ไม่ลาออก และไม่ปรับครม. แต่จนถึงวันนี้ ตนไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่
**พปช.เล่นเกมประท้วงตัดตอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายเมื่อวานนี้ ยืดเยื้อกว่าที่กำหนด เนื่องจากการประท้วงของส.ส.พรรคพลังประชาชน ที่มีอย่างต่อเนื่อง เพื่อตัดตอนการอภิปรายของฝ่ายค้าน โดยมีหลายประเด็นที่แสดงให้เห็นถึงความไร้สาระในการประท้วง เช่น ร.ต.ท. เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน ประท้วงห้ามไม่ให้ยกมือซ้าย รวมทั้งยังประท้วงเรื่องบุคลิกการอภิปราย ห้ามล้วงกระเป๋า จนทำให้ประธานในสภาถึงกับอิดหนาระอาใจ และขอร้องให้หยุดการประท้วง เพื่อให้การอภิปรายดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถยุติขบวนการประท้วงของพรรคพลังประชาชนได้ โดยเฉพาะช่วงที่นายชัย ชิดชอบ ทำหน้าที่ประธาน ที่มีการประท้วงกันมากที่สุด จนนายชัย ถึงกับออกปากว่า จะปล่อยให้ประท้วงกันจนพอใจ เพราะปากบอกว่าเคารพประธาน แต่ทำตรงกันข้าม และยังได้สั่งให้ ส.ส.บางคน หยุดประท้วง 2 ชั่วโมง หลังจากไม่ยอมปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของประธาน

**จวก"หมัก"บิดเบือนกรณีตากใบ
นายชวน หลีกภัย ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปราย กรณีเขาพระวิหาร และการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของรัฐบาลที่ไม่มีความจริงใจ และไม่รู้เท่าทันสถานการณ์ โดยหยิบยกกรณีการเสียชีวิต ที่ ตากใบ ซึ่งนายสมัครได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ต้องหาทั้ง 78 คนว่า เพราะเป็นการล้มทับกันตาย แต่จากหลักฐานภาพถ่าย และการเบิกความของแพทย์ที่เข้าไปชันสูตรพลิกศพต่อศาล ระบุชัดเจนว่าเป็นการตายเพราะขาดอากาศ เนื่องจากนอนซ้อนทับกัน ดังนั้นหากนายกฯยังมีทัศนคติ และพูดจาในเรื่องดังกล่าว ก็จะเป็นการสร้างเงื่อนไขใหม่ ให้คนในพื้นที่ไม่พอใจ
"จึงอยากให้ยอมรับว่า ถ้าไม่รู้จริงขอให้บอกกันตรงๆไม่เช่นนั้นในคนพื้นที่จะคิดว่าท่านโกหก เพราะคนใต้เขาไม่บ่นแต่จะเก็บความรู้สึก ซึ่งการที่เจ้าหน้าที่ล้มตายจำนวนมาก ก็เพราะไม่รู้ว่าคนร้ายมาจากไหน จึงขอให้รัฐบาลเร่งแก้เงื่อนไขเดิม และอย่าสร้างเงื่อนไขใหม่ เพราะเจ้าหน้าที่ล้มตายก็มาจากภูมิภาคอื่นของประเทศ เพราะเงื่อนไขที่สร้างกันขึ้นมา" นายชวน กล่าว
** อ้างไม่รู้รายละเอียดเรื่องตากใบ
นายสมัคร ได้ลุกขึ้นชี้แจงภายหลังจากนายชวน อภิปราย เรื่องเขาพระวิหารที่ระบุว่า นายสมัคร เนรคุณ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช และเรื่องที่ ตากใบ "ผมรู้อย่างที่ผมรู้ ก็นับว่ามากพออยู่แล้ว ที่ท่านลำดับความมานั้น ตัวเลขผมไม่ได้ผิดพลาดอะไรเลย มีคนจำนวนหนึ่งไปประท้วงที่ตากใบ วันที่ 25 ต.ค. 47 ผมไม่ได้เป็นอะไรเลยในบ้านเมืองนี้ แต่ผมก็รู้เท่าที่ข่าวรู้ และผมก็จำมาตลอดอย่างนั้น ของผมเอง ตัวเลขถูกต้องผมจำได้ถูกต้อง 6 คน ที่ถูกขัง ก็มีการไปเรียกร้องให้ปล่อยตัว 6 คน คนตาย 78 ก็ได้ ตัวเลขคนเจ็บ 1300 คน ก็ใช้ได้ครับตรงกัน เวลาผ่านมากี่ปี ผมก็จำมาแบบนั้นแหละครับ ผมก็ตอบคำถามแบบนั้น จนวันนี้นาทีนี้ ผมไม่เคยรู้เรื่องอย่างที่อดีตนายกฯ เอามาเล่าฉอดๆๆ เพิ่งรู้ตะกี้นี้แหละครับ มันเหมือนว่า ผมอยู่รู้หมดแล้วแล้วยังดันไปพูดอย่างนั้น ได้ยังไงครับ ถ้าผมรู้แล้วยังพูดอย่างนั้นก็ว่ากันได้เลยครับ" นายสมัครกล่าว
นายสมัคร กล่าวชี้แจงกรณีตากใบอีกว่า ตนเป็นนายกฯ เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 51 ก็ตอบเท่าที่รู้ แล้วก็ยังไง ก็มาว่าทำความเสียหายให้บ้านเมือง คือถ้าท่านจะบอกอย่างนี้ ท่านต้องบอกว่า " รู้ไหมว่าที่พูดนั่นมันกระทบกระเทือน เพราะข้อเท็จจริงเป็นอีกอย่าง" อย่างนี้ก็พอไหว แต่เหมือนกับว่า ตนมารับตำแหน่งวันที่ 6 ต้องรู้หมดทุกอย่าง ต้องตอบได้ทุกอย่าง ซึ่งไม่ได้หรอกครับ แม้แต่วันที่ 6 ต.ค. 16 ตนก็ตอบว่า มีคนตายที่ตนเห็น ก็เขากันตายที่สนามหลวง 1 คน เขาก็ออกข่าวกันมาเอิกเกริก ว่ามีคนตายที่อื่นอีก ก็ตนไม่ได้เห็นที่อื่นจะตอบได้ยังไง
"มาบอกว่าเขาจับขึ้นรถหลายคัน ซ้อนๆ กันไป แล้วผมก็ยังมีความเชื่อของผมอยู่ คุณหมอพรทิพย์ ไม่เชื่อก็ไม่เป็นปัญหา ก็พูดกันไปอย่างนั้น เพราะความจำของผมเป็นแบบนั้น ผมก็จำอย่างนั้นก็เล่าอย่างนั้น เหตุเกิดวันที่ 25 ต.ค. 47 ผมกำลังนั้นไม่ได้เป็นอะไรเลย และผมไม่ได้ต้องรับผิดชอบอะไร จะสอบจะสวนอะไรผมไม่เคยรู้เลย ไม่เคยทราบเลย แต่ผมทราบในความทรงจำของผมก็คือว่า มีจำนวนตัวเลขถูกต้อง ผมเข้าใจว่ายืนๆ กันไป อยู่ๆ ก็ล้มทับกัน แล้วก็ตาย แล้วก็บอกว่าไอ้การที่ผมไปพูดจาแบบนั้น กลายเป็นว่าผมทำความกระทบกระเทือน โอ๊ย...ตาย" นายสมัครกล่าว
**"หมัก"โทษสื่ออีกตามเคย
นายสมัคร ยังกล่าวตอบโต้เรื่องเนรคุณ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ว่า ตนไม่เนรคุณ แต่จะบอกว่าในบ้านเมืองนี้เวลาใครตอบคำถามอะไรแล้วเนี่ยมันจะมีคำที่ออกไปอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นการดัดแปลงคำตอบไปเสร็จเรียบร้อย ทุกวันนี้ไปอ่านดูสิว่า พาดหัวทุกตัวก็ไม่ใช่ความจริง ดัดแปลงทั้งหมด ดังนั้นตนไม่มีวันไปตำหนิ ม.ร.ว.เสนีย์ หรอก แต่ตนจะพูดว่าในกรณีเรื่องเขาพระวิหารนั้น เท็จจริงที่รู้ก็คือ เราแพ้เขาเรื่องแผนที่ ถ้าตนจะผิดพลาดก็เพียงแต่ว่าเราแพ้ เพียงแต่ว่าเราไปยอมรับแผนที่เท่านั้น
"พอออกมา เขาก็ตีความกันเสร็จเรียบร้อย ผมใช้คำว่า ทนายครับ ทนายของเราไปยอมรับเรื่องแผนที่ ผมพูดก็ตรงไปตรงมา ธรรมดา แล้วทางวิชาการก็มาอ่านหนังสือให้ฟังกันก็มี ภาษาฝรั่งครับ ก็บอกว่าเป็นเรื่องของกฎหมายปิดปาก ซึ่งนายนพดล มาเล่าให้ฟังว่า คดีนี้ต้องยกเป็นคดีตัวอย่างที่เป็นกฎหมายปิดปาก ผมรู้เหมือนที่คนไทยธรรมดารู้ รู้ว่าเราต้องแพ้คดีเพราะเรื่องแผนที่ ผมพูดไปเท่านั้นแหละครับ แต่ในหนังสือพิมพ์ไปออกมาว่าผมว่ากล่าว ผมจะไปว่ากล่าวที่เป็นครูบาอาจารย์ได้ไง เพราะผมกับนายชวน ก็เรียนสำนักเดียวกันมา รู้จักมาเหมือนกัน ไม่มีอะไรจะตำหนิติเตียนท่านได้เลย" นายสมัคร กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น