xs
xsm
sm
md
lg

เฝ้าจับตาเกมการเมืองก่อนและหลัง 2 กรกฎาคม!

เผยแพร่:   โดย: แสงแดด

สถานการณ์ชาติบ้านเมืองขณะนี้ ต้องยอมรับว่า “น่าวิตกกังวล!” จนอาจถึงขั้น “น่ากลัว!” ก็คงไม่ผิดนักที่ส่อโอกาสสูงที่จะนำพาประเทศชาติสู่ “วิกฤตการเมือง” อีกครั้งหนึ่ง ทั้งๆ ที่น่าจะจบไปตั้งแต่ปี 2549 แล้ว!

นับตั้งแต่ต้นปี 2551 เป็นต้นมา เมื่อเราได้ผ่านกระบวนการเลือกตั้งตามครรลองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การจัดตั้งรัฐบาลจากพรรคแกนนำพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาล ตั้งแต่นั้นมา “บ้านเมืองไม่เคยสงบสุขเลย” มีแต่ “การวิวาทะ-ต่อว่า-ต่อขาน” และการเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วย “เกมการเมือง” และ “การทะเลาะ” มาโดยตลอด จนทำให้ประชาชนเริ่มเบื่อเอือมระอากับปัญหาการเมือง “อีหรอบเดิม!” ไม่ได้มีการพัฒนาเชิงบริหาร แก้ไขปัญหา พัฒนาชาติบ้านเมืองเลย จนล่วงมาได้ 4 เดือนกว่าๆ เกือบ 5 เดือนแล้ว

“ความจริง” และ “ความเป็นธรรม” ที่เราต้องยอมรับว่า ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงนั้นเกิดจาก หนึ่ง ความรู้สึกและอารมณ์ของนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช ที่มี “อคติ” กับสื่อสารมวลชนมานานนมแล้ว จึง “ตั้งป้อม” ที่จะปะทะกันทุกครั้งเมื่อโอกาสเหมาะ สอง อายุอานามของนายกฯ สมัคร สุนทรเวช เป็นปัจจัยสำคัญ จึงไม่ค่อย “บันยะบันยัง!” ในการตอบโต้ และ/หรือ ตอบคำถามผู้คนทั่วไป พูดง่ายๆ คือ “คนแก่ไม่แคร์ใคร!” สาม ภาษาและคำพูดที่นายกฯ สมัคร เลือกใช้ อาจฟังดูหยาบคาย และก็ต้องยอมรับว่าหยาบคายจริงๆ แต่ด้วยความเคยชิน คุณสมัคร จึงไม่ได้คิดมากว่าหยาบคาย

แต่ข้อ สี่ และห้า นี้ต้องบอกได้เลยว่าปัญหาเกิดจาก “อำนาจ” ของนายกฯ สมัคร นั้นมิได้มีเต็มพิกัด เนื่องด้วยต้อง “ต่อท่ออำนาจ” จากการเป็น “นอมินี-ตัวแทน” จาก “ขุมอำนาจจริง” ที่เป็น “ไอ้โม่ง” บัญชาการอยู่เบื้องหลัง จึงทำให้นายกฯ สมัคร บริหารประเทศชาติไม่ได้เต็มที่ พูดง่ายๆ คือ “มิได้เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงเสียงจริง!” และห้า คือ ความไม่มีเอกภาพของพรรคพลังประชาชนเอง กอปรกับ คุณสมัคร สุนทรเวช ช่วงหลังเพียรพยายามที่สุดที่จะ “เป็นตัวของตัวเอง!” จนก่อให้เกิด “ขบวนการแซะเก้าอี้นายกฯ!” จากขุมอำนาจ เนื่องด้วย “บังคับบัญชา” คุณสมัคร สุนทรเวช ไม่เต็มไม้เต็มมือ!

จากข้อมูลที่ได้ประมวลมานั้น ต้องยอมรับว่าปัจจุบันเกิด “ขบวนการ” ที่ต้องการให้เกิด “ความรุนแรง” จนถึงขั้น “นองเลือด!” เพื่อเป็นสาเหตุในการที่ภาครัฐสามารถหาความชอบธรรมในการเข้าสกัดกั้นและ “ยุติ” ความขัดแย้งได้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็หมายความว่า ความพยายามที่จะให้เกิดความรุนแรงให้ได้ระหว่าง “กลุ่มพันธมิตรฯ” และ “กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ” จนถึงขั้นปะทะกันอย่างรุนแรง เพื่ออ้างเป็น “เหตุ” ที่ต้องให้มีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและกับกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ โดยเฉพาะ “แนวร่วมต่อต้านเผด็จการเพื่อประชาธิปไตย” หรือ “นปก.” และในที่สุดกองทัพก็ต้องออกมาโดยปริยาย

ประเด็นสำคัญที่น่ากลัวที่สุดคือ “มือที่ 3” ที่มีการระดมเคลื่อนไหวเข้ามาในกรุงเทพฯ และตามชานเมืองแบบไม่เปิดเผยจำนวนเรือนหมื่นทีเดียว แต่เป็นการเคลื่อนย้ายมากลุ่มละเพียง 5-6 คน โดยไม่สามารถติดตามร่องรอยได้ เข้าทำนอง “นินจา!” ซึ่งเป็นการจัดตั้งพี่น้องประชาชนจากชนบททั้งสิ้น โดยเฉพาะจากภาคอีสานเสียส่วนใหญ่และจากภาคเหนือบางส่วน

กลุ่มที่มีการจัดตั้งนี้ จากการได้ยินได้ฟังมานั้น เข้าทำนองลักษณะเคลื่อนย้ายแบบนินจามานานนับหลายสัปดาห์ และพร้อมจะรวมตัวกันเมื่อ “เป่านกหวีด!” จากกลุ่มแกนนำที่กำหนดยุทธศาสตร์ไว้แล้วว่า “ชนบทชนคนเมือง!” เพื่อทำการสั่งสอนชาวกรุงเทพฯ โดยเฉพาะ!

“ยุทธศาสตร์ชนบทล้อมเมือง!” นี้ ว่าไปแล้วได้ถูกกำหนดมานานแล้ว มิใช่เพื่อสั่งสอนชาวกรุงแต่เพียงอย่างเดียว แต่หวังผลเลิศด้วยการทำร้ายปะทะจนนองเลือดในที่สุด จนสถานการณ์ “สุกงอม!” และ “การกระทำรัฐประหาร” ก็ต้องเกิดขึ้นโดยปริยาย เพื่อล้มรัฐบาลปัจจุบัน

แต่ที่ “สุดแสบ” ไปมากกว่านั้นก็คือ “ปฏิวัติซ้ำ-ยึดอำนาจซ้อน!” จากกลุ่มนักธุรกิจการเมืองที่สูญเสียทั้งอำนาจและผลประโยชน์มานานนับเกือบ 2 ปี ที่ต้องการเรียกคืนอำนาจและผลประโยชน์กลับมาพร้อม “ชำระแค้น!” กับกลุ่มต่างๆ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับกลุ่มตน ด้วยการทุ่มเทเงินทองอีกหนึ่งก้อนยักษ์ หรือ “เกทับ” ว่าเงินทุนในการยึดอำนาจบรรดาทหารได้เท่าไหร่ กลุ่มการเมืองพร้อมดับเบิลหรือให้เป็นหนึ่งเท่าหรือสองเท่า เพื่อให้กลุ่มทหารที่จงรักภักดีกับพวกตนสามารถกระทำการยึดอำนาจซ้อนได้สำเร็จ!

ประเด็นสำคัญคือ เมื่อ “ยึดอำนาจซ้อน!” ได้สำเร็จก็จะทำให้ทหารที่ยึดอำนาจเพื่อ “สลายและยุติความแตกแยก” ระหว่างคนไทยด้วยกันจำต้องแพ้และเป็น “กบฏ” ในที่สุด โดย “กลุ่มทวงคืน-ชำระแค้น” จะพลิกกลับเป็นฝ่ายชนะและ “กุมอำนาจ” ได้อีกครั้งหนึ่ง

ถ้าเหตุการณ์เป็นดังข้อมูลและการวิเคราะห์ข้างต้น เท่ากับว่ารัฐธรรมนูญ 2550 ถูกฉีกทิ้ง ตลอดจนสารพัดกระบวนการขั้นตอนต่างๆ ในการตรวจสอบขององค์กรอิสระ และองค์กรต่างๆ ที่ถูกตั้งขึ้นในช่วงปี 2549-2550 ต้องมีอันยุบไป ซึ่งก็หมายความว่า “ข้อกล่าวหา” ตลอดจน “คำพิพากษา” ต่างๆ ต้องมีอันตกไป ไม่ก่อผลเสียหายใดๆ กับกลุ่มคณะผู้กระทำความผิด!

และเมื่อนั้น “ปรากฏการณ์หวนคืนสู่อำนาจ” จะเริ่มต้นใหม่ เท่านั้นยังไม่พอ “ขบวนการล้างแค้น!” ก็จะเกิดขึ้น ประเด็นปัญหาหลักของชาติบ้านเมืองจะถึงขั้น “กลียุค!” อย่างแน่นอน หรือกล่าวอย่างง่ายๆ ว่า “แผ่นดินลุกเป็นไฟ!” เพราะจะมีทั้งกลุ่มต่อต้านที่ทนเห็น “ความอยุติธรรม” ไม่ได้ จนในที่สุด คนไทยด้วยกันเองจะฆ่าแกงกันมากกว่าสภาวะเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้

อย่างไรก็ตาม เป็นกรณีที่น่าแปลกใจมากว่า มีบรรดา “หมอดู-โหราจารย์” ต่างออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สถานะชาติบ้านเมืองนับแต่นี้ไปจะมีการเคลื่อนย้ายของดวงดาวสำคัญต่างๆ อาทิ ดาวอังคาร ดาวเสาร์ ดาวพฤหัสบดี เป็นต้น ที่มิได้ให้คุณแก่ชาติบ้านเมืองเลย จนมีการเรียกขานจากบรรดาหมอดูดังๆ ว่า “วันนรก-วันนองเลือด” จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ยังเป็นสภาพการณ์ที่ต้องจับตามองอย่ากะพริบตานับแต่นี้เป็นต้นไป จนอาจเลยไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคมก็เป็นได้ แต่สถานการณ์ขณะนี้ดูแนวโน้มแล้วว่า “ไม่น่ารุนแรง!” แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควร “ไว้ใจ-นิ่งนอนใจ” ที่ดูเสมือนว่าเหตุการณ์ไม่บานปลายและสามารถควบคุมได้ในระดับหนึ่ง

การไม่เข้า “ทำลาย-ยึด” ทำเนียบของกลุ่มพันธมิตรฯ เพียงโอบล้อมทำเนียบรัฐบาล “ตระหนัก” ส่อนัยชัดเจนว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องการเพียง “สัญลักษณ์” เท่านั้นว่า “ยุทธการล้อมทำเนียบ” สำเร็จแล้วในระดับหนึ่ง ส่วนกรณีการขับไล่รัฐบาลด้วยการให้นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช “ลาออก” นั้น ค่อนข้างมั่นใจว่าท่าทีและเป้าหมายอาจจะต้องเปลี่ยนไป เนื่องด้วย ขณะนี้ทุกฝ่าย “ตระหนัก” และ “รู้สึก!” แล้วว่า “ยิ่งรุนแรงมากเท่าใด เท่ากับไปเข้าเท้าของไอ้โม่งมากเท่านั้น

ดังที่ได้วิเคราะห์ไว้แล้วข้างต้นว่า “กลุ่มเบื้องหลัง” ต้องการขับไล่ให้นายกฯ สมัคร “ถอดใจ-ลาออก” เพื่อคัดสรรคณะรัฐมนตรีใหม่ โดยเฉพาะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ต้องให้บุคคลที่สามารถ “กดปุ่ม-บัญชาการ” ดังหุ่นยนต์ได้ เพราะปัจจุบันนายกฯ สมัคร เป็นตัวของตัวเองมากยิ่งขึ้น เพราะความเป็น “เขี้ยวลากดิน-เก๋า” ของคุณสมัคร ที่ไม่เหมือนเดิม!

หรือ “การยุบสภา” ก็ยิ่งเข้าทางใหญ่ เพราะฟันธงได้เลยว่า เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคพลังประชาชนจะได้คะแนนท่วมท้นมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ซึ่งเดิมมี 233 เสียง ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ อาจไปถึง 270-280 เสียงก็เป็นได้ เพราะ “กระสุน” ยังมีมากโขอยู่! ซึ่งก็พร้อมที่จะปรับโครงสร้างคณะรัฐมนตรีได้ดีกว่าเดิม เนื่องด้วย “อำนาจต่อรอง!” มีมากกว่าเก่า!

แต่เป้าหมายปลายทางสุดท้ายที่มุ่งหวังปรารถนาสูงสุดคือ “กองทัพยึดอำนาจ!” และจะทำการ “ดับเบิลยึดอำนาจซ้อน!” เพื่อกำชัยชนะและทุกกระบวนการจะได้ยุติ พร้อม “ลอยนวล!” ในทุกกรณี

ทั้งหลายทั้งปวง เป็นเพียงการวิเคราะห์จนถึงขั้น “ซุบซิบ” กันให้แซดเท่านั้น จากกลุ่มผู้ที่อยู่วงในจริงๆ ดังนั้น เราจะสังเกตได้ว่า “สถานการณ์ทางการเมือง” จึงดูเหมือนไม่มีอะไรที่รุนแรง นอกเหนือจากนั้นที่สำคัญที่สุด คือ “นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช กลุ่มพันธมิตรฯ กองทัพ และกลุ่มตำรวจ” ที่พอจะจับทางได้ถูกว่า “ขบวนการลับ ลวง พราง” ที่เป็น “หลุมพราง!” จาก “กลุ่มไอ้โม่ง” ที่ต้องการที่สุดให้กระบวนการขั้นตอนทางกฎหมายและการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี บรรลุเป้าหมายที่สุด เพราะฉะนั้น “ไม่ควรวางใจ-นิ่งนอนใจ” ว่า “มือที่ 3” จะไม่ก่อให้เกิดการจลาจลขึ้น ไม่ว่า “คืนไหน-วันไหน” ทั้งก่อนและหลังวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ทุกฝ่ายต้อง “เกาะติด” ทั้งข้อมูลและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ เราชาวไทยต้องขอขอบคุณและกล่าวชื่นชมต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ใช้ “ยุทธการอหิงสา-สันติวิธี” ที่ไม่เคลื่อนขบวนก่อความรุนแรงมากไปกว่านี้ และสำคัญที่สุดคือ “ตำรวจ” ที่ยึดมั่นอยู่กับ “ความอดทน-อดกลั้น” ไม่ทำร้ายประชาชน ส่วน “กองทัพ” นั้นไม่ต้องเอ่ยถึง เพราะไม่ได้แสดงอาการเคลื่อนไหว “กระดิกตัว” แม้แต่น้อย “ต้องขอชื่นชม!”

ท้ายสุดก็ต้องบอกว่า ทุกฝ่ายขณะนี้ “ตระหนัก-รู้ซึ้ง” อย่างดีว่ามีความเพียรพยายามของกลุ่มคน 3-5 คนเท่านั้น ที่ต้องการยั่วยุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อ “ผลประโยชน์ส่วนตน” ซึ่ง “มิได้เพื่อชาติ” แต่ประการใด!

อย่างไรก็ดี เราทุกคนต้องตั้งสติให้รอบคอบ พินิจพิเคราะห์ให้ดีอย่าได้ตกเป็น “เหยื่อการเมือง” เพื่อใคร !?!
กำลังโหลดความคิดเห็น