คอลัมน์ คลายทุกข์ ยุควิกฤต
โดย White Cow (wc2552@yahoo.com)
วันนี้ไม่มีคำถามจากท่านผู้อ่านอีกครั้ง มองในแง่ดีอาจจะหมายถึงว่า ผู้อ่านทุกท่านมีความสุขดี ไม่มีความทุกข์ที่จะให้ White Cow ช่วยคลายทุกข์ ช่วงนี้ปัจจัยทางด้านการเมือง (Political Factor) นับได้ว่าเป็นความเสี่ยงสำคัญอีกอย่างสำหรับการลงทุน โดยล่าสุดมีข่าวจากการชุมนุมประท้วงที่มีอยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลว่าจะมีการเรียกชุมนุมครั้งใหญ่อีกในวันนี้ (8 เม.ย. 52) รวมทั้งก่อนหน้านี้ก็มีการกล่าวหา”ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ว่าอยู่เบื้องหลังการ “ปฏิวัติ” ยึดอำนาจเมื่อ 19 ก.ย. 49 ท่านผู้ลงทุนคงสนใจที่อยากจะรู้ถึงผลการชุมนุมล่วงหน้าว่าจะออกมาเช่นไร เพื่อจะได้วางแผนการลงทุนได้อย่างรอบคอบ แต่คงไม่กล้าที่จะเขียนมาถามตรงๆ วันนี้ขอปวารณาตัวเองเพื่อลองหาคำตอบดังกล่าวดูด้วยหลักวิชาการทางด้านโหราศาสตร์นะคะ
ขอเริ่มด้วยการเคลื่อนตัวของดาวพฤหัสบดี (๕) ซึ่งตามหลักโหราศาสตร์ไทยจะหมายถึงผู้ใหญ่ ผู้ปกครอง หรือตัวแทนของผู้มีคุณธรรม หรือผู้นำฝ่ายขาว และดาวเสาร์ (๗) ซึ่งหมายถึงตัวแทนของโจร ความทุกข์ยาก หรือผู้นำฝ่ายดำ ดาวพฤหัสบดีปัจจุบันจรมาอยู่ในราศีมังกร ซึ่งเป็นบ้านเกิดของดาวเสาร์ มีตำแหน่งตามโหราศาสตร์ที่เรียกว่า “เป็นนิจ” ตรงกันข้ามกับตำแหน่ง “มหาอุจจ์” ที่ท่านผู้อ่านคงจะเคยได้ยินมาบ้าง ซึ่งหมายถึงมีกำลังมาก จึงทำให้ผู้ใหญ่ไม่มีกำลัง ฉะนั้นเวลาผู้ใหญ่ “เป็นนิจ” หรือไม่มีกำลังก็คงจะถูกฝ่ายตรงข้ามหรือผู้ปองร้ายกล่าวหาไปต่างๆ นานาได้ โดยอยู่ในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ 5 ธ.ค. 51 “แล้วจะอยู่ในราศีนี้ไปอีกนานแค่ไหน ?” หลายท่านคงคิดถามอยู่ในใจ ขอแจ้งให้ทราบว่า วันที่ 20 เม.ย. ที่จะถึงนี้ ดาวพฤหัสบดีก็จะยกไปอยู่ในราศีกุมภ์ซึ่งจะทำให้ผู้ใหญ่ ผู้ปกครองหรือตัวแทนของผู้มีคุณธรรมมีกำลังเป็นปกติ ไม่ “เป็นนิจ”
สำหรับดาวเสาร์จรอยู่ในราศีสิงห์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของดาวอาทิตย์ (๑) มาตั้งแต่ 11 ส.ค. 50 อยู่ในตำแหน่งที่ทำมุมตรีโกณหรือเรือนปุตตะกับลัคนาดวงเมือง (ราศีเมษ) และเนื่องจากเป็นดาวบาปเคราะห์ (ดาวร้าย) ทำให้เกิดความทุกข์ยากลำบากไปทั่ว จะต้องอดทนตามลักษณะของดาวเสาร์ถึงจะผ่านกันไปได้ มีข่าวดีจะบอกว่าดาวเสาร์จะยกไปอยู่ในราศีกันย์ เรือนอริ ในวันที่ 1 ต.ค. 52 อีกไม่ถึง 6 เดือนเท่านั้น ถึงตอนนั้นการลงทุนหรือการเสี่ยงโชคต่างๆ (ความหมายของเรือนปุตตะ) ที่ถูกดาวเสาร์กดหรือครอบงำเอาไว้ เมื่อมีการเคลื่อนตัวออกไปในครั้งนี้ก็คงจะเป็นการปลดล็อคหรือเพิ่มโอกาสให้กับการลงทุนต่างๆ ทั่วโลกด้วย น่าจะทำให้ไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ดูสดใสขึ้นได้
ลองตามดูว่ารอบที่แล้วเมื่อดาวเสาร์อยู่ในราศีสิงห์ ดัชนี SET เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องย้อนหลังไปเกือบ 30 ปี คือเดือน มิ.ย. 2521 (ค.ศ. 1978) เนื่องจากข้อมูลที่มีเป็นรายปีจึงรู้แต่ว่า เปิดที่ 186 จุด สูงสุด 266 จุด ต่ำสุด 180 จุดและปิดที่ 257 จุด ที่น่าสนใจมากคือ มีวิกฤตเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ในกรณีหุ้นของบริษัทราชาเงินทุนเข้าทำการซื้อขายในตลาดฯ ในปี 2521 แล้วมีการฟ้องล้มละลายและเพิกถอนใบอนุญาตในปีถัดมา ซึ่งดัชนี SET ก็ลดลงไปตลอด 3-4 ปี จนไปต่ำสุดที่ 102 จุด ในปี 2525 เกือบจะเท่าตอนเปิดตลาด 100 จุดในปี 2518 รอบนี้ก็คล้ายกัน คือดัชนี SET ได้สูงสุดเมื่อปี 2550 ที่ 924 แล้วลดลงมาตลอด 2 ปี !!!
บทวิเคราะห์ เมื่อดาวพฤหัสบดีย้ายจากราศีมังกรมาอยู่ราศีกุมภ์ จะมาอยู่ในตำแหน่งที่เล็งหรือตรงข้ามกับดาวเสาร์ ซึ่งหมายถึงการประจันหน้ากันอีกครั้งระหว่างผู้นำฝ่ายขาวกับผู้นำฝ่ายดำ นอกจากนั้นแล้วดาวพฤหัสบดีจะมีการเคลื่อนที่ที่ผิดปกติ คือเดินถอยหลังหรือตามศัพท์ที่เรียกว่า “เดินพักร์” ซึ่งมีผลให้พลังที่มีอยู่จะถดถอยไปด้วย นับตั้งแต่ 12 มิ.ย. 52 และเดินถอยหลังจนต้องกลับไปอยู่ในราศีมังกรอีกครั้งในวันที่ 16 ส.ค. 52 ฉะนั้นช่วงที่ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์อยู่ในตำแหน่งที่เล็งกัน คือระหว่าง 20 เม.ย. ถึง 15 ส.ค. นี้ไม่แน่ใจว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นอีกหรือไม่ ยิ่งในช่วงที่มีดาวอังคาร (๓) ที่หมายถึงทหารมาอยู่ในราศีเมษอันเป็นบ้านเกิด มีตำแหน่ง “เป็นเกษตร” คือมีกำลังมาก และดาวเกตุ (๙) ตัวกระตุ้นมาร่วมกับดาวพฤหัสบดี โปรดพิจารณาระมัดระวังไว้ด้วย และดาวศุกร์ (๖) ที่หมายถึงความสุขก็มาอยู่ราศีเมษ “เป็นประ” คือไม่มีกำลังหรือแปลว่า ปราศจากความสุข นั่นเอง
สรุปว่าเหตุการณ์วันนี้ แม้จะมีการเล็งกันระหว่างดาวอังคารและดาวเสาร์ ซึ่งหมายถึง การแตกหัก แต่เนื่องจากมีดาวศุกร์อยู่ในราศีมีน มีตำแหน่ง “เป็นมหาอุจจ์” คือมีความสุขมากหรือมีเงินในการจับจ่ายใช้สอย (บังเอิญตรงกับเหตุการณ์ช่วงนี้จริงๆ ที่มีคนไทยกว่า 5 ล้านคนได้รับเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายกันไปคนละ 2,000 บาท) จึงไม่น่ากังวลเท่ากับช่วงที่ดาวเล็งกันตามที่ได้วิเคราะห์ กลยุทธ์ในการลงทุนโดยใช้โหราศาสตร์เป็นเครื่องมือช่วย คือลงทุนในช่วงที่ดวงดี และหยุดการลงทุนในช่วงที่ดวงไม่ดี เช่นเดียวกับการเมืองหรือเรื่องอื่นๆ ผู้นำควรใช้จังหวะเวลาที่ดวงเมืองดีในการดำเนินกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความสงบกับบ้านเมืองหรือดาวดีมีกำลังและขณะเดียวกันก็ควรหลีกเลี่ยงในช่วงที่ดาวดีไม่มีกำลังหรือดาวไม่ดีมีกำลัง
ของฝาก สัปดาห์หน้าก็จะเข้าช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้ว บทความที่เกี่ยวกับนางสงกรานต์ ผู้อ่านคงจะได้ผ่านสายตากันไปบ้าง สำหรับการลงทุน บางครั้งจังหวะในการเข้า/ออก หรือซื้อ/ขายก็มีความสำคัญ ไม่ทราบว่าท่านผู้ลงทุนเคยจดหรือทำสถิติว่าที่ผ่านมาเวลาลงทุนในวันหรือเวลาที่ต่างกันมีส่วนที่ทำให้เกิดกำไรหรือขาดทุนไว้บ้างหรือไม่ ลองนำตำราตามหลักกาลโยคของไทยโบราณไปใช้ดูว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน คงจะเคยได้ยินมาบ้าง คือ วันธงชัย วันอธิบดี วันอุบาทว์ และวันโลกาวินาศ โดยมีการคำนวณและเปลี่ยนแปลงไปทุกปีหลังจากวันสงกรานต์ สำหรับปีใหม่นี้ วันเสาร์ เป็นวันธงชัย วันพุธ เป็นวันอธิบดี วันศุกร์ เป็นทั้งวันอุบาทว์และวันโลกาวินาศ
“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลให้ดี ก่อนการตัดสินใจลงทุน”
“การอ่านบทความก็มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข่าวสารข้อมูล เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย”
โดย White Cow (wc2552@yahoo.com)
วันนี้ไม่มีคำถามจากท่านผู้อ่านอีกครั้ง มองในแง่ดีอาจจะหมายถึงว่า ผู้อ่านทุกท่านมีความสุขดี ไม่มีความทุกข์ที่จะให้ White Cow ช่วยคลายทุกข์ ช่วงนี้ปัจจัยทางด้านการเมือง (Political Factor) นับได้ว่าเป็นความเสี่ยงสำคัญอีกอย่างสำหรับการลงทุน โดยล่าสุดมีข่าวจากการชุมนุมประท้วงที่มีอยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลว่าจะมีการเรียกชุมนุมครั้งใหญ่อีกในวันนี้ (8 เม.ย. 52) รวมทั้งก่อนหน้านี้ก็มีการกล่าวหา”ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ว่าอยู่เบื้องหลังการ “ปฏิวัติ” ยึดอำนาจเมื่อ 19 ก.ย. 49 ท่านผู้ลงทุนคงสนใจที่อยากจะรู้ถึงผลการชุมนุมล่วงหน้าว่าจะออกมาเช่นไร เพื่อจะได้วางแผนการลงทุนได้อย่างรอบคอบ แต่คงไม่กล้าที่จะเขียนมาถามตรงๆ วันนี้ขอปวารณาตัวเองเพื่อลองหาคำตอบดังกล่าวดูด้วยหลักวิชาการทางด้านโหราศาสตร์นะคะ
ขอเริ่มด้วยการเคลื่อนตัวของดาวพฤหัสบดี (๕) ซึ่งตามหลักโหราศาสตร์ไทยจะหมายถึงผู้ใหญ่ ผู้ปกครอง หรือตัวแทนของผู้มีคุณธรรม หรือผู้นำฝ่ายขาว และดาวเสาร์ (๗) ซึ่งหมายถึงตัวแทนของโจร ความทุกข์ยาก หรือผู้นำฝ่ายดำ ดาวพฤหัสบดีปัจจุบันจรมาอยู่ในราศีมังกร ซึ่งเป็นบ้านเกิดของดาวเสาร์ มีตำแหน่งตามโหราศาสตร์ที่เรียกว่า “เป็นนิจ” ตรงกันข้ามกับตำแหน่ง “มหาอุจจ์” ที่ท่านผู้อ่านคงจะเคยได้ยินมาบ้าง ซึ่งหมายถึงมีกำลังมาก จึงทำให้ผู้ใหญ่ไม่มีกำลัง ฉะนั้นเวลาผู้ใหญ่ “เป็นนิจ” หรือไม่มีกำลังก็คงจะถูกฝ่ายตรงข้ามหรือผู้ปองร้ายกล่าวหาไปต่างๆ นานาได้ โดยอยู่ในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ 5 ธ.ค. 51 “แล้วจะอยู่ในราศีนี้ไปอีกนานแค่ไหน ?” หลายท่านคงคิดถามอยู่ในใจ ขอแจ้งให้ทราบว่า วันที่ 20 เม.ย. ที่จะถึงนี้ ดาวพฤหัสบดีก็จะยกไปอยู่ในราศีกุมภ์ซึ่งจะทำให้ผู้ใหญ่ ผู้ปกครองหรือตัวแทนของผู้มีคุณธรรมมีกำลังเป็นปกติ ไม่ “เป็นนิจ”
สำหรับดาวเสาร์จรอยู่ในราศีสิงห์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของดาวอาทิตย์ (๑) มาตั้งแต่ 11 ส.ค. 50 อยู่ในตำแหน่งที่ทำมุมตรีโกณหรือเรือนปุตตะกับลัคนาดวงเมือง (ราศีเมษ) และเนื่องจากเป็นดาวบาปเคราะห์ (ดาวร้าย) ทำให้เกิดความทุกข์ยากลำบากไปทั่ว จะต้องอดทนตามลักษณะของดาวเสาร์ถึงจะผ่านกันไปได้ มีข่าวดีจะบอกว่าดาวเสาร์จะยกไปอยู่ในราศีกันย์ เรือนอริ ในวันที่ 1 ต.ค. 52 อีกไม่ถึง 6 เดือนเท่านั้น ถึงตอนนั้นการลงทุนหรือการเสี่ยงโชคต่างๆ (ความหมายของเรือนปุตตะ) ที่ถูกดาวเสาร์กดหรือครอบงำเอาไว้ เมื่อมีการเคลื่อนตัวออกไปในครั้งนี้ก็คงจะเป็นการปลดล็อคหรือเพิ่มโอกาสให้กับการลงทุนต่างๆ ทั่วโลกด้วย น่าจะทำให้ไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ดูสดใสขึ้นได้
ลองตามดูว่ารอบที่แล้วเมื่อดาวเสาร์อยู่ในราศีสิงห์ ดัชนี SET เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องย้อนหลังไปเกือบ 30 ปี คือเดือน มิ.ย. 2521 (ค.ศ. 1978) เนื่องจากข้อมูลที่มีเป็นรายปีจึงรู้แต่ว่า เปิดที่ 186 จุด สูงสุด 266 จุด ต่ำสุด 180 จุดและปิดที่ 257 จุด ที่น่าสนใจมากคือ มีวิกฤตเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ในกรณีหุ้นของบริษัทราชาเงินทุนเข้าทำการซื้อขายในตลาดฯ ในปี 2521 แล้วมีการฟ้องล้มละลายและเพิกถอนใบอนุญาตในปีถัดมา ซึ่งดัชนี SET ก็ลดลงไปตลอด 3-4 ปี จนไปต่ำสุดที่ 102 จุด ในปี 2525 เกือบจะเท่าตอนเปิดตลาด 100 จุดในปี 2518 รอบนี้ก็คล้ายกัน คือดัชนี SET ได้สูงสุดเมื่อปี 2550 ที่ 924 แล้วลดลงมาตลอด 2 ปี !!!
บทวิเคราะห์ เมื่อดาวพฤหัสบดีย้ายจากราศีมังกรมาอยู่ราศีกุมภ์ จะมาอยู่ในตำแหน่งที่เล็งหรือตรงข้ามกับดาวเสาร์ ซึ่งหมายถึงการประจันหน้ากันอีกครั้งระหว่างผู้นำฝ่ายขาวกับผู้นำฝ่ายดำ นอกจากนั้นแล้วดาวพฤหัสบดีจะมีการเคลื่อนที่ที่ผิดปกติ คือเดินถอยหลังหรือตามศัพท์ที่เรียกว่า “เดินพักร์” ซึ่งมีผลให้พลังที่มีอยู่จะถดถอยไปด้วย นับตั้งแต่ 12 มิ.ย. 52 และเดินถอยหลังจนต้องกลับไปอยู่ในราศีมังกรอีกครั้งในวันที่ 16 ส.ค. 52 ฉะนั้นช่วงที่ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์อยู่ในตำแหน่งที่เล็งกัน คือระหว่าง 20 เม.ย. ถึง 15 ส.ค. นี้ไม่แน่ใจว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นอีกหรือไม่ ยิ่งในช่วงที่มีดาวอังคาร (๓) ที่หมายถึงทหารมาอยู่ในราศีเมษอันเป็นบ้านเกิด มีตำแหน่ง “เป็นเกษตร” คือมีกำลังมาก และดาวเกตุ (๙) ตัวกระตุ้นมาร่วมกับดาวพฤหัสบดี โปรดพิจารณาระมัดระวังไว้ด้วย และดาวศุกร์ (๖) ที่หมายถึงความสุขก็มาอยู่ราศีเมษ “เป็นประ” คือไม่มีกำลังหรือแปลว่า ปราศจากความสุข นั่นเอง
สรุปว่าเหตุการณ์วันนี้ แม้จะมีการเล็งกันระหว่างดาวอังคารและดาวเสาร์ ซึ่งหมายถึง การแตกหัก แต่เนื่องจากมีดาวศุกร์อยู่ในราศีมีน มีตำแหน่ง “เป็นมหาอุจจ์” คือมีความสุขมากหรือมีเงินในการจับจ่ายใช้สอย (บังเอิญตรงกับเหตุการณ์ช่วงนี้จริงๆ ที่มีคนไทยกว่า 5 ล้านคนได้รับเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายกันไปคนละ 2,000 บาท) จึงไม่น่ากังวลเท่ากับช่วงที่ดาวเล็งกันตามที่ได้วิเคราะห์ กลยุทธ์ในการลงทุนโดยใช้โหราศาสตร์เป็นเครื่องมือช่วย คือลงทุนในช่วงที่ดวงดี และหยุดการลงทุนในช่วงที่ดวงไม่ดี เช่นเดียวกับการเมืองหรือเรื่องอื่นๆ ผู้นำควรใช้จังหวะเวลาที่ดวงเมืองดีในการดำเนินกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความสงบกับบ้านเมืองหรือดาวดีมีกำลังและขณะเดียวกันก็ควรหลีกเลี่ยงในช่วงที่ดาวดีไม่มีกำลังหรือดาวไม่ดีมีกำลัง
ของฝาก สัปดาห์หน้าก็จะเข้าช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้ว บทความที่เกี่ยวกับนางสงกรานต์ ผู้อ่านคงจะได้ผ่านสายตากันไปบ้าง สำหรับการลงทุน บางครั้งจังหวะในการเข้า/ออก หรือซื้อ/ขายก็มีความสำคัญ ไม่ทราบว่าท่านผู้ลงทุนเคยจดหรือทำสถิติว่าที่ผ่านมาเวลาลงทุนในวันหรือเวลาที่ต่างกันมีส่วนที่ทำให้เกิดกำไรหรือขาดทุนไว้บ้างหรือไม่ ลองนำตำราตามหลักกาลโยคของไทยโบราณไปใช้ดูว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน คงจะเคยได้ยินมาบ้าง คือ วันธงชัย วันอธิบดี วันอุบาทว์ และวันโลกาวินาศ โดยมีการคำนวณและเปลี่ยนแปลงไปทุกปีหลังจากวันสงกรานต์ สำหรับปีใหม่นี้ วันเสาร์ เป็นวันธงชัย วันพุธ เป็นวันอธิบดี วันศุกร์ เป็นทั้งวันอุบาทว์และวันโลกาวินาศ
“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลให้ดี ก่อนการตัดสินใจลงทุน”
“การอ่านบทความก็มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข่าวสารข้อมูล เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย”
