คมนาคม ไฟเขียวขึ้นมิเตอร์แท็กซี่คาดมีผลภายในสัปดาห์นี้หรือไม่เกินสัปดาห์หน้า ระบุอัตราแท็กซี่ใหม่ไปต่างจังหวัดห้ามเหมา ใช้มิเตอร์ครอบคลุมทุกพื้นที่ ด้านขบ.เตรียมความพร้อมปรับระบบมิเตอร์ใหม่ ชี้แท็กซี่คันใดไม่ปรับถูกปรับ 2,000 บาทแน่ จับตารถเช่า 6,000คันมีเบื้องหลัง ด้าน”ทรงศักดิ์”ฟุ้งมีข้อมูลแจงฝ่ายค้านเช่ารถ6,000 คันโปร่งใส ถกกบง.วันนี้ชี้ชะตาจัดสรรดีเซลราคาถูกอุ้มรถบรรทุกหรือไม่ ตั้งเงื่อนไขสำคัญประโยชน์ต้องตกกับประชาชนส่วนใหญ่ ขณะที่รถบรรทุกยันประโยชน์ตกถึงผู้บริโภคเหตุชะลอขึ้นราคาสินค้าได้ชี้หากไม่ได้รับการช่วยพร้อมบุกกรุง 20 มิ.ย.
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้ให้ความเห็นชอบการปรับอัตราค่าโดยสารรถยนต์โดยสารสาธารณะ(แท็กซี่) แล้ว หลังจากได้พิจารณารายละเอียดในหนังสือที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ส่งมาซึ่งจะมีการ ปรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ สำหรับอัตราค่าโดยสารแรกคือ 35 บาทต่อกิโลเมตร กิโลเมตรที่2ปรับขึ้น 5 บาท และปรับเพิ่มอีก 50 ส.ต. ซึ่งการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารดังกล่าวถือว่าเหมาะสมแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้ ขบ. ได้มีการคำนวณระยะทางและรายละเอียดที่เหมาะสม รวมถึงผู้ประกอบการแท็กซี่ไม่ได้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารมาเป็นระยะเวลานาน
นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้เข้าหารือกับ กับนายสันติเรื่องการพิจารณาขึ้นค่าแท็กซี่เมื่อวันที่ 18 มิถ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่ง รมว.คมนาคมได้เห็นชอบตามที่คณะทำงานศึกษาการปรับอัตราค่าแท็กซี่ ที่กรมการขนส่งทางบกเสนอมา พร้อมทั้งได้ลงนามประกาศตามกฎกระทรวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะส่งเรื่องลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา และหลังจากลงในราชกิจจานุเบกษา ก็จะมีผลบังคับทันที คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ หรือไม่เกินสัปดาห์หน้า โดยการปรับอัตราค่าแท็กซี่จะเพิ่มขึ้น 12-14%
สำหรับอัตราใหม่ที่ได้ปรับขึ้นจะคงอัตราค่าโดยสาร เริ่มต้นที่ 35 บาท ในกิโลเมตรแรกกิโลเมตรที่ 2-12 ปรับขึ้นกิโลเมตรละ 5 บาท กิโลเมตรที่ 12-20 ปรับขึ้นกิโลเมตรละ 5.50 บาท กิโลเมตรที่ 20-40 ปรับขึ้นกิโลเมตรละ 6 บาท กิโลเมตรที่ 40-60 ปรับขึ้นกิโลเมตร 8.50 บาท รวมทั้งรถแท็กซี่ทุกคันจะต้องกดมิเตอร์ในทุกที่ แม้จะวิ่งไปในต่างจังหวัด
“แท็กซี่ทุกคันจะต้องไปปรับมิเตอร์ใหม่ และต้องได้รับอนุญาตจากกรม หากไม่ดำเนินการจะถือว่าผิดกฎหมาย จะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท นอกจากนี้เมื่อประกาศแล้วแท็กซี่ทุกคันต้องทำตาม แท็กซี่ทุกคันต้องทำตาม เปิดให้บริการมิเตอร์ทุกพื้นที่ ไม่มีการเหมาอีกแล้ว หากแท็กซี่ไม่ใช้มิเตอร์ถือว่าผิดกฎหมาย “นายทรงศักดิ์กล่าว
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตเรื่องแผนการจัดเช่ารถโดยสารเอ็นจีวีจำนวน 6,000 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นั้น นายทรงศักดิ์กล่าวว่า ได้เตรียมข้อมูลที่ฝ่ายค้านจะอธิปรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่ได้มีความหนักใจ เนื่องจากแผนการดำเนินงานรวมถึงข้อมูลรายละเอียดมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการเดินทาง และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางด้วย
ยัดไส้รถ 6 พันคันหลังงบประมาณผ่าน
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีได้สั่งเบรกรถแอร์ 6 พันคัน โดยอ้างว่าข้อมูลยังไม่ครบ ซึ่งต้องจับตามองว่ารัฐบาลได้ชะลอการเช่ารถแอร์ 6 พันคันออกไป เพราะเกรงว่าจะถูกพรรคประชาธิปัตย์เปิดอภิปรายเรื่องรถเช่า ว่ามีผลประโยชน์จากค่าคอมมิชั่นกว่า 6 พันล้านบาทตกอยู่กับบุคคลบางคน ในคณะรัฐบาลชุดนั้น ตั้งแต่ระดับกระทรวง คนในรัฐบาลและผู้อยู่เบื้องหลังที่วิ่งเต้นโครงการดังกล่าว และมั่นใจว่ารัฐบาลกำลังรอจังหวะให้มีการเปิดอภิปรายงบประมาณผ่านไปก่อนเพื่อแสดงให้เห็นว่าได้ถอนวาระดังกล่าวออกไป ทำให้ไม่สามารถอภิปรายในเรื่องดังกล่าวได้
หลังจากนั้นต้องจับตามองการเปิดสภาสมัยนิติบัญญติฯ พรรคฝ่ายค้านก็ไม่สามารถเปิดอภิปรายได้ ซึ่งมั่นใจว่าโครงการเช่ารถแอร์ 6 พันคันจะมีการเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งโครงการดังกล่าวยืนยันว่าการเช่าแพงกว่า การซื้อแน่นอน และการเรียกเก็บบริการ 15 บาทตลอดสายนั้นประชาชนคงไม่สามารถรับได้จะเรียกเก็บได้ก็เพียง 10 เท่านั้น ซึ่งทำให้ขสมก.ต้องประสบภาวะขาดทุนเหมือนเดิม ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นรัฐบาลก็อาจจะไม่อยู่แล้ว
“เหมือนการจัดซื้อเครื่องบินของการบินไทยที่จะใช้บินในเส้นทางกรุงเทพฯ-นิวยอร์ก ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าขาดทุนเมื่อเปิดบิน แต่ต้องการให้มีการจัดซื้อเครื่องบินเพื่อหวังผลประโยชน์จากการจัดซื้อเครื่องบินเช่นเดียวกันการเช่ารถแอร์ 6 พันคัน”
นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการ ขบ. กล่าวว่า การปรับมิเตอร์ในอัตราใหม่ ขณะนี้มี 9 บริษัทที่กรมฯได้กำกับดูแลอยู่ ซึ่งจะให้รถแท็กซี่ไปปรับได้ก็ต่อเมื่อมีการประกาศราชกิจจานุเบกษาออกมาแล้ว โดยกรมฯได้เตรียมอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการที่จะนำรถไปปรับเปลี่ยน หรือตั้งค่ามิเตอร์เพื่อให้เป็นไปตามอัตราใหม่ และผ่านการตรวจสอบมาตรฐานของกรมฯ
นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ ได้ยื่นหนังสือถึงนายสันติ เพื่อให้ระงับขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่ โดยกล่าวว่า เป็นการสร้างความเดือดร้อนและเป็นการซ้ำเติมประชาชน และเหตุผลในการปรับก็ยังขาดความชัดเจน ที่จะสามารถชี้แจงได้ ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการรถแท็กซี่เกินไป เพราะหากดำเนินการก็น่าจะให้ผู้ประกอบการลดค่าเช่าให้กับผู้ขับขี่มากกว่า
นอกจากนี้ได้ยื่นหนังสือถึง นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ยับยั้งการปรับขึ้นค่าโดยสารเรือประจำทาง โดยเห็นว่า เรือโดยสารยังมีผลกำไรในการประกอบการ ราคาน้ำมันที่ขึ้นทำให้กำไรลดลงเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ ตนก็ได้ยื่นหนังสือฟ้องศาลปกครองไปแล้ว ในวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยคดีอยู่ในการพิจารณาของศาลอย่างไรก็ตาม ทั้งสองรัฐมนตรีได้ส่งคนมารับเรื่องเพื่อนำไปพิจารณาต่อไป
กบง.เตรียมถกดีเซลอุ้มรถบรรทุก
พล.ท.(หญิง)พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้(19มิ.ย.) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) เพื่อที่จะพิจารณาจัดสรรน้ำมันดีเซลราคาถูกกว่าปกติ 3 บาทต่อลิตรที่ได้รับการสนับสนุนจากโรงกลั่นในการจัดสรรมา 122 ล้านลิตรต่อเดือนเป็นเวลา 6 เดือนเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะกลุ่มรถบรรทุกที่ได้ยื่นเสนอขอมาแล้วในขณะนี้โดยรัฐยินดีที่จะช่วยเหลือแต่ทั้งนี้จะต้องพิจารณาหลักเกณฑ์ที่สำคัญคือทำอย่างไรให้การช่วยเหลือลงไปถึงประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ผลประโยชน์ตกกับผู้ประกอบการ
“เราพร้อมจะสนับสนุนแต่การช่วยเหลือต้องดูเงื่อนไขสำคัญว่าประโยชน์นั้นจะต้องตกถึงผู้บริโภคหรือไม่ไม่ใช่ไปอยู่ที่ผู้ประกอบการก็คงต้องว่ากันที่ประชุมซึ่งขณะนี้นอกจากกลุ่มรถบรรทุกที่เสนอยังมีกลุ่มประมง ผู้เลี้ยงกุ้ง ส่วนการขอบริจาคน้ำมันจากโรงกลั่นเพิ่มขณะนี้ไม่มีนโยบาย”รมว.พลังงาน กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การพิจารณาเบื้องต้นส่วนของการยื่นขอสนับสนุนจากกลุ่มรถบรรทุกที่มีถึง 7 แสนคันและต้องการน้ำมันเฉลี่ย 150 ล้านลิตรต่อวันนั้นยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ต้องหาเหตุผลหากจะช่วยเหลือเพราะผู้ประกอบการรถบรรทุกสามารถไปเจรจาขึ้นค่าขนส่งได้เองเพราะรัฐไม่ได้ควบคุมอะไรส่วนใหญ่สามารถหารือตรงกับภาคการผลิตที่จ้างขนสินค้าได้ทันทีผิดกับรถขสมก.ที่มีเพดานราคาไว้ ขณะเดียวกันหากพิจารณาให้ทั้งหมดน้ำมันที่ขอบริจาคจากโรงกลั่นก็ไม่เพียงพอเพราะขณะนี้จากน้ำมันทั้งหมดที่มีอยู่ 732 ล้านลิตรได้ถูกจัดสรรไปให้ขสมก.แล้ว 180 ล้านลิตรเหลือ 552 ล้านลิตรเท่านั้น
ไม่ยืนยันก๊าซหุงต้มครัวเรือนจะไม่ขึ้น
สำหรับการใช้ก๊าซหุงต้มที่สูงขึ้นมากจนทำให้ไทยต้องนำเข้าช่วงพ.ค.-มิ.ย.รวม 6 หมื่นตันนั้นรมว.พลังงานกล่าวว่า ก.ค.นี้ยืนยันจะใช้แผนแยกราคาออกเป็น 2 ส่วนคือภาคครัวเรือน และภาคขนส่งและอุตสาหกรรม โดยส่วนแรกนั้นคงไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะไม่มีการปรับราคาเพิ่มเพราะราคาน้ำมันสูงถึง 900 เหรียญต่อตันแต่ขายในประเทศเพียง 320 เหรียญต่อตันทำให้ส่วนต่างที่รัฐต้องอุดหนุนสูงถึง 500 เหรียญต่อตันแต่ส่วนที่สองคงต้องปรับขึ้นแน่นอนแต่จะเท่าใดขอดูอีกครั้ง
ไทยเดินหน้าพลังงานทดแทน
สำหรับการประชุมประเทศกลุ่มอาเซียนเกี่ยวกับการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อเป็นพลังงานทางเลือกลดผลกระทบน้ำมันแพง ส่วนใหญ่ต่างระบุว่าจะไม่กระทบต่อพืชอาหารที่กำลังถูกวิจารณ์ว่าพืชพลังงานเป็นต้นเหตุของราคาพืชอาหารที่แพงขึ้น โดยในส่วนของไทย ขณะนี้ไทยเป็นผู้นำในอาเซียนในการใช้พลังงานทดแทนทั้งไบโอดีเซลและเอทานอล โดยมีเป้าหมายใช้พลังงานทดแทน 10% ในปี 2554
ขู่บุกกรุง 20 มิ.ย.หากรัฐไม่ช่วย
นายทองอยู่ คงขันธ์ เลขาธิการสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากรัฐไม่จัดสรรน้ำมันดีเซลราคาต่ำให้ผู้ประกอบการอาจเคลื่อนรถบรรทุกเข้ากรุงเทพฯวันที่ 20 มิ.ย.นี้ ซึ่งจำนวนรถบรรทุกที่คาดว่าจะขอการช่วยเหลือจะมีประมาณ 1-2 แสนคัน โดยจะใช้น้ำมันเฉลี่ย 2 ล้านลิตรต่อวันหรือประมาณ 360 ล้านลิตรต่อเดือน โดยยืนยันว่าหากรัฐดูแลส่วนนี้จะตกถึงมือผู้บริโภคแน่นอนเพราะจะทำให้ไม่สะท้อนไปยังราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นได้
“เราบอกแล้วว่าให้โอกาส 19 มิ.ย.หากทุกอย่างไม่ได้ข้อยุติที่ดีพอเราคงต้องบุกกรุงในวันที่ 20-21 มิ.ย.แน่ซึ่งเงื่อนไขแรกคือการช่วยเหลือน้ำมัน ส่วนเงื่อนไขอื่นๆ เช่น การจัดตั้งกองทุนเอ็นจีวี การแก้ไขส่วย เร่งสร้างปั๊มเอ็นจีวีให้ครอบคลุม”นายทองอยู่ กล่าว
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้ให้ความเห็นชอบการปรับอัตราค่าโดยสารรถยนต์โดยสารสาธารณะ(แท็กซี่) แล้ว หลังจากได้พิจารณารายละเอียดในหนังสือที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ส่งมาซึ่งจะมีการ ปรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ สำหรับอัตราค่าโดยสารแรกคือ 35 บาทต่อกิโลเมตร กิโลเมตรที่2ปรับขึ้น 5 บาท และปรับเพิ่มอีก 50 ส.ต. ซึ่งการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารดังกล่าวถือว่าเหมาะสมแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้ ขบ. ได้มีการคำนวณระยะทางและรายละเอียดที่เหมาะสม รวมถึงผู้ประกอบการแท็กซี่ไม่ได้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารมาเป็นระยะเวลานาน
นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้เข้าหารือกับ กับนายสันติเรื่องการพิจารณาขึ้นค่าแท็กซี่เมื่อวันที่ 18 มิถ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่ง รมว.คมนาคมได้เห็นชอบตามที่คณะทำงานศึกษาการปรับอัตราค่าแท็กซี่ ที่กรมการขนส่งทางบกเสนอมา พร้อมทั้งได้ลงนามประกาศตามกฎกระทรวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะส่งเรื่องลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา และหลังจากลงในราชกิจจานุเบกษา ก็จะมีผลบังคับทันที คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ หรือไม่เกินสัปดาห์หน้า โดยการปรับอัตราค่าแท็กซี่จะเพิ่มขึ้น 12-14%
สำหรับอัตราใหม่ที่ได้ปรับขึ้นจะคงอัตราค่าโดยสาร เริ่มต้นที่ 35 บาท ในกิโลเมตรแรกกิโลเมตรที่ 2-12 ปรับขึ้นกิโลเมตรละ 5 บาท กิโลเมตรที่ 12-20 ปรับขึ้นกิโลเมตรละ 5.50 บาท กิโลเมตรที่ 20-40 ปรับขึ้นกิโลเมตรละ 6 บาท กิโลเมตรที่ 40-60 ปรับขึ้นกิโลเมตร 8.50 บาท รวมทั้งรถแท็กซี่ทุกคันจะต้องกดมิเตอร์ในทุกที่ แม้จะวิ่งไปในต่างจังหวัด
“แท็กซี่ทุกคันจะต้องไปปรับมิเตอร์ใหม่ และต้องได้รับอนุญาตจากกรม หากไม่ดำเนินการจะถือว่าผิดกฎหมาย จะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท นอกจากนี้เมื่อประกาศแล้วแท็กซี่ทุกคันต้องทำตาม แท็กซี่ทุกคันต้องทำตาม เปิดให้บริการมิเตอร์ทุกพื้นที่ ไม่มีการเหมาอีกแล้ว หากแท็กซี่ไม่ใช้มิเตอร์ถือว่าผิดกฎหมาย “นายทรงศักดิ์กล่าว
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตเรื่องแผนการจัดเช่ารถโดยสารเอ็นจีวีจำนวน 6,000 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นั้น นายทรงศักดิ์กล่าวว่า ได้เตรียมข้อมูลที่ฝ่ายค้านจะอธิปรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่ได้มีความหนักใจ เนื่องจากแผนการดำเนินงานรวมถึงข้อมูลรายละเอียดมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการเดินทาง และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางด้วย
ยัดไส้รถ 6 พันคันหลังงบประมาณผ่าน
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีได้สั่งเบรกรถแอร์ 6 พันคัน โดยอ้างว่าข้อมูลยังไม่ครบ ซึ่งต้องจับตามองว่ารัฐบาลได้ชะลอการเช่ารถแอร์ 6 พันคันออกไป เพราะเกรงว่าจะถูกพรรคประชาธิปัตย์เปิดอภิปรายเรื่องรถเช่า ว่ามีผลประโยชน์จากค่าคอมมิชั่นกว่า 6 พันล้านบาทตกอยู่กับบุคคลบางคน ในคณะรัฐบาลชุดนั้น ตั้งแต่ระดับกระทรวง คนในรัฐบาลและผู้อยู่เบื้องหลังที่วิ่งเต้นโครงการดังกล่าว และมั่นใจว่ารัฐบาลกำลังรอจังหวะให้มีการเปิดอภิปรายงบประมาณผ่านไปก่อนเพื่อแสดงให้เห็นว่าได้ถอนวาระดังกล่าวออกไป ทำให้ไม่สามารถอภิปรายในเรื่องดังกล่าวได้
หลังจากนั้นต้องจับตามองการเปิดสภาสมัยนิติบัญญติฯ พรรคฝ่ายค้านก็ไม่สามารถเปิดอภิปรายได้ ซึ่งมั่นใจว่าโครงการเช่ารถแอร์ 6 พันคันจะมีการเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งโครงการดังกล่าวยืนยันว่าการเช่าแพงกว่า การซื้อแน่นอน และการเรียกเก็บบริการ 15 บาทตลอดสายนั้นประชาชนคงไม่สามารถรับได้จะเรียกเก็บได้ก็เพียง 10 เท่านั้น ซึ่งทำให้ขสมก.ต้องประสบภาวะขาดทุนเหมือนเดิม ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นรัฐบาลก็อาจจะไม่อยู่แล้ว
“เหมือนการจัดซื้อเครื่องบินของการบินไทยที่จะใช้บินในเส้นทางกรุงเทพฯ-นิวยอร์ก ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าขาดทุนเมื่อเปิดบิน แต่ต้องการให้มีการจัดซื้อเครื่องบินเพื่อหวังผลประโยชน์จากการจัดซื้อเครื่องบินเช่นเดียวกันการเช่ารถแอร์ 6 พันคัน”
นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการ ขบ. กล่าวว่า การปรับมิเตอร์ในอัตราใหม่ ขณะนี้มี 9 บริษัทที่กรมฯได้กำกับดูแลอยู่ ซึ่งจะให้รถแท็กซี่ไปปรับได้ก็ต่อเมื่อมีการประกาศราชกิจจานุเบกษาออกมาแล้ว โดยกรมฯได้เตรียมอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการที่จะนำรถไปปรับเปลี่ยน หรือตั้งค่ามิเตอร์เพื่อให้เป็นไปตามอัตราใหม่ และผ่านการตรวจสอบมาตรฐานของกรมฯ
นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ ได้ยื่นหนังสือถึงนายสันติ เพื่อให้ระงับขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่ โดยกล่าวว่า เป็นการสร้างความเดือดร้อนและเป็นการซ้ำเติมประชาชน และเหตุผลในการปรับก็ยังขาดความชัดเจน ที่จะสามารถชี้แจงได้ ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการรถแท็กซี่เกินไป เพราะหากดำเนินการก็น่าจะให้ผู้ประกอบการลดค่าเช่าให้กับผู้ขับขี่มากกว่า
นอกจากนี้ได้ยื่นหนังสือถึง นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ยับยั้งการปรับขึ้นค่าโดยสารเรือประจำทาง โดยเห็นว่า เรือโดยสารยังมีผลกำไรในการประกอบการ ราคาน้ำมันที่ขึ้นทำให้กำไรลดลงเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ ตนก็ได้ยื่นหนังสือฟ้องศาลปกครองไปแล้ว ในวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยคดีอยู่ในการพิจารณาของศาลอย่างไรก็ตาม ทั้งสองรัฐมนตรีได้ส่งคนมารับเรื่องเพื่อนำไปพิจารณาต่อไป
กบง.เตรียมถกดีเซลอุ้มรถบรรทุก
พล.ท.(หญิง)พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้(19มิ.ย.) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) เพื่อที่จะพิจารณาจัดสรรน้ำมันดีเซลราคาถูกกว่าปกติ 3 บาทต่อลิตรที่ได้รับการสนับสนุนจากโรงกลั่นในการจัดสรรมา 122 ล้านลิตรต่อเดือนเป็นเวลา 6 เดือนเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะกลุ่มรถบรรทุกที่ได้ยื่นเสนอขอมาแล้วในขณะนี้โดยรัฐยินดีที่จะช่วยเหลือแต่ทั้งนี้จะต้องพิจารณาหลักเกณฑ์ที่สำคัญคือทำอย่างไรให้การช่วยเหลือลงไปถึงประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ผลประโยชน์ตกกับผู้ประกอบการ
“เราพร้อมจะสนับสนุนแต่การช่วยเหลือต้องดูเงื่อนไขสำคัญว่าประโยชน์นั้นจะต้องตกถึงผู้บริโภคหรือไม่ไม่ใช่ไปอยู่ที่ผู้ประกอบการก็คงต้องว่ากันที่ประชุมซึ่งขณะนี้นอกจากกลุ่มรถบรรทุกที่เสนอยังมีกลุ่มประมง ผู้เลี้ยงกุ้ง ส่วนการขอบริจาคน้ำมันจากโรงกลั่นเพิ่มขณะนี้ไม่มีนโยบาย”รมว.พลังงาน กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การพิจารณาเบื้องต้นส่วนของการยื่นขอสนับสนุนจากกลุ่มรถบรรทุกที่มีถึง 7 แสนคันและต้องการน้ำมันเฉลี่ย 150 ล้านลิตรต่อวันนั้นยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ต้องหาเหตุผลหากจะช่วยเหลือเพราะผู้ประกอบการรถบรรทุกสามารถไปเจรจาขึ้นค่าขนส่งได้เองเพราะรัฐไม่ได้ควบคุมอะไรส่วนใหญ่สามารถหารือตรงกับภาคการผลิตที่จ้างขนสินค้าได้ทันทีผิดกับรถขสมก.ที่มีเพดานราคาไว้ ขณะเดียวกันหากพิจารณาให้ทั้งหมดน้ำมันที่ขอบริจาคจากโรงกลั่นก็ไม่เพียงพอเพราะขณะนี้จากน้ำมันทั้งหมดที่มีอยู่ 732 ล้านลิตรได้ถูกจัดสรรไปให้ขสมก.แล้ว 180 ล้านลิตรเหลือ 552 ล้านลิตรเท่านั้น
ไม่ยืนยันก๊าซหุงต้มครัวเรือนจะไม่ขึ้น
สำหรับการใช้ก๊าซหุงต้มที่สูงขึ้นมากจนทำให้ไทยต้องนำเข้าช่วงพ.ค.-มิ.ย.รวม 6 หมื่นตันนั้นรมว.พลังงานกล่าวว่า ก.ค.นี้ยืนยันจะใช้แผนแยกราคาออกเป็น 2 ส่วนคือภาคครัวเรือน และภาคขนส่งและอุตสาหกรรม โดยส่วนแรกนั้นคงไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะไม่มีการปรับราคาเพิ่มเพราะราคาน้ำมันสูงถึง 900 เหรียญต่อตันแต่ขายในประเทศเพียง 320 เหรียญต่อตันทำให้ส่วนต่างที่รัฐต้องอุดหนุนสูงถึง 500 เหรียญต่อตันแต่ส่วนที่สองคงต้องปรับขึ้นแน่นอนแต่จะเท่าใดขอดูอีกครั้ง
ไทยเดินหน้าพลังงานทดแทน
สำหรับการประชุมประเทศกลุ่มอาเซียนเกี่ยวกับการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อเป็นพลังงานทางเลือกลดผลกระทบน้ำมันแพง ส่วนใหญ่ต่างระบุว่าจะไม่กระทบต่อพืชอาหารที่กำลังถูกวิจารณ์ว่าพืชพลังงานเป็นต้นเหตุของราคาพืชอาหารที่แพงขึ้น โดยในส่วนของไทย ขณะนี้ไทยเป็นผู้นำในอาเซียนในการใช้พลังงานทดแทนทั้งไบโอดีเซลและเอทานอล โดยมีเป้าหมายใช้พลังงานทดแทน 10% ในปี 2554
ขู่บุกกรุง 20 มิ.ย.หากรัฐไม่ช่วย
นายทองอยู่ คงขันธ์ เลขาธิการสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากรัฐไม่จัดสรรน้ำมันดีเซลราคาต่ำให้ผู้ประกอบการอาจเคลื่อนรถบรรทุกเข้ากรุงเทพฯวันที่ 20 มิ.ย.นี้ ซึ่งจำนวนรถบรรทุกที่คาดว่าจะขอการช่วยเหลือจะมีประมาณ 1-2 แสนคัน โดยจะใช้น้ำมันเฉลี่ย 2 ล้านลิตรต่อวันหรือประมาณ 360 ล้านลิตรต่อเดือน โดยยืนยันว่าหากรัฐดูแลส่วนนี้จะตกถึงมือผู้บริโภคแน่นอนเพราะจะทำให้ไม่สะท้อนไปยังราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นได้
“เราบอกแล้วว่าให้โอกาส 19 มิ.ย.หากทุกอย่างไม่ได้ข้อยุติที่ดีพอเราคงต้องบุกกรุงในวันที่ 20-21 มิ.ย.แน่ซึ่งเงื่อนไขแรกคือการช่วยเหลือน้ำมัน ส่วนเงื่อนไขอื่นๆ เช่น การจัดตั้งกองทุนเอ็นจีวี การแก้ไขส่วย เร่งสร้างปั๊มเอ็นจีวีให้ครอบคลุม”นายทองอยู่ กล่าว
